หมิงนัดเจอกับตาและนลินที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ต้าที่รู้จากตาเขาก็ขอตามไปด้วย
เธอเอาแต่ร้องไห้ พูดเรื่องที่แมนนั้นแอบคุยกับคนอื่นแล้วลบแช็ตออกแล้วทะเลาะกันจนแมนท้าเลิก และร้องไห้ด้วยความเสียใจ
“ถ้าไม่มีอะไรลบแช็ตทำไมล่ะ จริงไหม” เธอพูดไปพลางสะอื้นไป
“เออ บางทีอาจไม่มีอะไร ที่เขาลบก็เพราะกลัวแกไม่สบายใจหรือเปล่า” ตาปลอบเพื่อนด้วยเหตุผล
เพราะผู้ชายส่วนใหญ่ถึงไม่มีอะไรแต่ก็ลบแช็ตออกตลอด เพียงเพราะกลัวคนรักจะหึงหวง แม้จะเป็นเรื่องงานก็ตาม และแมนเองก็เป็นผู้ชายประเภทชอบคุยหยอกล้อไปทั่ว ถึงเขาไม่ได้คิดอะไร แต่เพราะกลัวหมิงจะคิดมากจึงต้องลบแช็ตที่สนทนานั้นออกไป
“แมนก็บอกฉันอย่างนั้นแหละ แต่มันฟังไม่ขึ้น บริสุทธิ์ใจก็อย่าลบสิ” หมิงยังคงคิดในแง่ร้ายอยู่ดี
“มันก็จริงนะ แต่ว่าความคิดคนไม่เหมือนกันหรอก บางทีถ้าแกลองตั้งสติ ค่อยๆคุยกับแมนอย่างใจเย็น แกสองคนอาจเข้าใจกันมากกว่านี้ก็ได้นะ” นลินเองก็แนะนำออกไป
“หมิง แกเปลี่ยนไปมากนะ อย่าทำให้ตัวตนของแมนทำให้แกเปลี่ยนไปอย่างนี้ เมื่อก่อนแกน่ารัก ใจเย็น แต่ดูตอนนี้แกใจร้อน ขี้โมโหและขี้โวยวาย แมนมันก็เป็นคนแบบนี้มานานแล้ว มันอัธยาศัยดี เข้ากับคนอื่นได้ง่าย แม้วิธีเข้าหาของมันอาจจะดูเหมือนคนเจ้าชู้ แต่แกก็รู้ไม่ใช่เหรอ ว่ามันมั่นคงกับแกแค่ไหน สามปีเลยนะที่มันอดทนตามจีบแกจนใจอ่อน คิดถึงตอนนั้นสิหมิง” ตาเตือนสติเพื่อนตรงๆ ตามนิสัยเธอ
“แต่กรบอกว่า..”
“หมิง คำพูดกรมีอะไรที่เชื่อได้เหรอ มันปากหมามาตั้งแต่ไหนแต่ไร แกจะไปเอาอะไรจากคำพูดมันวะ ใจเย็นๆก่อน”
สองสาวช่วยกันเรียกสติให้แก่หมิง โดยมีต้านั่งฟังปัญหาของเธออยู่เงียบๆ ไม่กล้าออกความเห็นอะไร เพราะกลัวว่าจะทำให้หมิงรู้สึกแย่ไปกว่าเดิม
“ฉันจะลองคุยกับแมนดู” หมิงบอกเสียงอ่อน แต่ยังสะอื้นอยู่เล็กน้อย
“ความรักที่เริ่มมาจากการเป็นเพื่อนมันทำให้แกรู้ธาตุแท้กันโดยไม่ต้องเฟค แมนมันอาจผิดที่ผูกมิตรกับคนอื่นในวิธีของมัน แต่ว่ามันก็เป็นแบบนี้มานานแล้ว คิดดูดีๆนะหมิง แกเองหรือเปล่าที่อยู่ๆก็ไม่เชื่อใจมันแล้วเปลี่ยนไป ฟังคำพูดคนอื่นมากไป จนลืมเชื่อใจคนที่เรารัก” ตาพูดเตือนสติเธอทิ้งท้าย
สีหน้าของหมิงดูมีความหวังขึ้นมา เธอมองแหวนหมั้นของตนเองแล้วเม้มเหมือนกำลังจะร้องไห้ออกมาอีกครั้ง
ต้ามองหมิงที่ตอนนี้ดูเศร้า เขาอยากปลอบเธอและดึงเข้ามากอด แต่ก็ทำได้แค่มอง และสายตาที่เธอมองดูแหวนด้วยความรัก นี่เขากำลังรอคนคนหนึ่งเลิกกัน ทั้งๆที่อีกคนกำลังเศร้ามากๆแบบนี้ มันดูเลวอย่างที่ตาเคยพูดเอาไว้จริงๆ
**********************
ตาที่ตอนนี้รู้สึกว่าการรอคอยของตนนั้นไร้ความหมาย มันคงเหมือนกับต้าที่รอหมิงอย่างไม่มีหวัง เธอเองก็รอเขาอย่างไม่มีหวังเช่นกัน ดังนั้นหากว่ามีใครเข้ามาในชีวิตเธอก็ควรเปิดรับโอกาสนั้นไว้
‘แต่มันไม่มีเนี่ยสิ’ เธอได้แต่คิดน้อยใจ เพราะความที่ไม่ใช่คนมีหน้าตาหรือรูปร่างอะไรโดดเด่นเพื่อดึงดูดให้คนเข้าหา
“น้องตาเมื่อไหร่จะมีแฟนสักที สาวๆ ในออฟฟิศเราก็เหลือแค่ตาแล้วนะที่โสด แต่จะว่าไปต้าเองก็โสด รู้จักกันมานาน ทำไมไม่ลองรักกันล่ะ” รุ่นพี่ที่ทำงานอยู่โต๊ะตรงข้ามที่มีฉากกั้นลุกขึ้นยืนเกาะฉากกั้นนั้นถามเธอในวันหนึ่ง
“ไม่ดีกว่าค่ะพี่นิ่ม” ตาพูดขึ้นมาเมื่อเห็นว่าต้ามีท่าทีอึดอัดที่ถูกถามอย่างนั้น
“ดีเลย มีคนมาบอกพี่ว่าเขาชอบตาอยู่ แต่เขาเห็นว่าตาสนิทกับต้าเลยไม่กล้าจีบ งั้นพี่ไปบอกเขานะว่าตาโสด”
“ใครเหรอคะ” หญิงสาวถามอย่างใคร่รู้
“ไม่บอกหรอก เขาไม่อยากให้บอก เดี๋ยวพี่ไปบอกเขาว่าตาโสดให้ตาลองคุยกันเองดีกว่า” นิ่มอมยิ้ม
ต้าได้ยินอย่างนั้นก็ชักสงสัยว่าใครกันที่แอบชอบเพื่อนของเขา หญิงสาวที่เมินผู้ชายโดยที่ตัวเธอเองไม่รู้ตัว
ตาไม่ใช่ว่าไม่มีคนมาจีบ แต่เธอเหมือนมีใครในใจและมัวแต่ขลุกกับเขาตลอด ตัวติดกันเป็นคู่หูตั้งแต่ตอนที่เรียนมหาวิทยาลัยด้วยกัน จนเพื่อนๆ ต้องเรียกพวกเขาเหมารวมว่า ‘ตาต้า’
เวลามีคนมาชอบเธอจึงเมินใส่คนคนนั้นโดยไม่รู้ตัว แล้วก็มาบ่นว่าเพราะตัวเองหน้าตาธรรมดาเลยไม่มีคนมาจีบ คิดแล้วก็ยังขำจนถึงตอนนี้
“คนที่สังเกตว่าตาเศร้าก็มักเข้ามาสร้างเสียงหัวเราะ คนที่เขาทำให้ตายิ้มตามแต่ไม่เคยเข้าหาเกินเพื่อนเพื่อไม่ให้ตารู้สึกอึดอัด คนที่เขามักจะเข้ามาเวลาที่ตาต้องการความช่วยเหลือแบบเนียนๆ ใบ้ให้แค่นี้แหละ” รุ่นพี่สาวพูดแล้วนั่งลงทำงานต่อแล้วหัวเราะคิกคัก
“ใครนะ มีด้วยเหรอ” หญิงสาวพึมพำอย่างสงสัยแล้วก้มหน้าทำงานต่อ เพราะเธอคิดว่ารุ่นพี่คนนี้อาจแค่ล้อเล่นเท่านั้น
ต้าที่นั่งทำงานเงียบๆ อยู่เขาคิดตาม คนคนนั้นน่าจะหมายถึงโค้ด พนักงานอีกแผนกที่มักจะเข้ามาติดต่อที่แผนกของพวกเขาบ่อยๆ และทุกครั้งก็มักมีขนมมาฝากให้ทุกคน แต่มันเป็นขนมโปรดของตา และบางครั้งก็ทำเป็นบังเอิญเดินเข้ามาแล้วตอนที่ทำโอทีแล้วเนียนชงกาแฟมาเกินแล้วยกให้ตาอยู่หลายครั้ง
‘ต้องเป็นหมอนี่แน่’ ต้านึกในใจแล้วอมยิ้มที่ตานั้นมีคนเข้ามาชอบเธอ
เขาลองคิดว่าหากตนเองมีคนที่คอยอยู่ข้างๆ เขาโดยไม่แสดงตัวอย่างที่โค้ดทำกับตาบ้างมันก็คงดี แล้วพลางคิดถึงตอนสมัยเรียน
คนที่คอยสร้างเสียงหัวเราะให้เขา ทุกครั้งที่เขารู้สึกดิ่งลง คนที่ฉุดให้เขารู้สึกดี ก็คือตา คนที่โทรมาปลุกด่าเขาในตอนเช้าให้เข้าเรียนก็คือเธอ และคนที่เตรียมปากกาและดินสอมาเผื่อเขาเสมอยามที่ลืมเอามาก็คือเธออีกเช่นกัน
เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่เธอทำดีกับเขานั้นมันก็เหมือนเพื่อนทั่วไปทำกัน...
‘แต่ตาไม่เคยใจดีกับใคร นอกจากเรา’ เขาคิดเอะใจขึ้นมา หันไปมองเพื่อนรักที่เคยบอกว่าชอบงานบัญชี แต่ว่าอยู่ๆ กลับเลือกเรียนการตลาดกับเขา แล้วมาทำงานที่เดียวกัน
‘คง..ไม่ใช่หรอก..มั้ง’ เขาคิดในใจ
อยู่ๆ ใจก็เต้นแรงแล้วหันไปมองเธอที่ตอนนี้แอบมองมาทางเขา แล้วเธอก็รีบหลบสายตาเขาก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ
‘หรือว่าใช่’ เขาคิดในใจ แล้วมองเพื่อนที่คบกันมากว่าแปดปีด้วยแววตาที่สับสน
**********************
หลังจากที่เริ่มรู้สึกถึงอะไรบางอย่างระหว่างความสัมพันธ์ ต้าก็เอาแต่สังเกตพฤติกรรมของตา แต่ว่าเขารู้สึกได้ว่าเธอนั้นเหมือนกำลังถอยห่างตัวเขาออกไป พร้อมๆ กับที่โค้ดหนุ่มหล่อหน้ามนจากอีกแผนกนั้นเริ่มเข้ามาตีสนิทเธอ จนทำให้ต้านั้นทั้งหมั่นไส้และหงุดหงิดใจอย่างบอกไม่ถูก
เขามัวแต่สนใจเรื่องที่โค้ดเข้ามาใกล้ชิดกับตา จนลืมคิดถึงเรื่องของหมิงไปเลยในตอนนี้ แม้ได้ยินข่าวจากแช็ตกลุ่มว่าเธอกับแมนนั้นทะเลาะกันอีกแล้ว แต่เขาก็ไม่สนใจ เพราะตอนนี้สิ่งที่เขาสนใจคือท่าทางของตาที่เริ่มมีปฏิสัมพันธ์กับแมนมากขึ้นต่างหาก
“ข้าวมันไก่ที่ซอยสามอร่อยมากเลย ไปชิมหรือยังพี่นิ่ม” หนุ่มต่างแผนกถามกับนิ่ม
“ยังเลยโค้ด” เธอตอบแล้วหันไปถามตา
“งั้นไปลองชิมดูไหม ตาด้วย ไปไหม” โค้ดชวนนิ่มและแกล้งชวนตาอย่างแนบเนียน
“ตาไม่กินข้าวมันไก่ ตาไม่ชอบไก่ต้มหรือไก่นึ่งอะไรพวกนั้น” ต้าพูดขัดขึ้นมาแล้วยักคิ้วให้โค้ดเบาๆ
“มีข้าวมันไก่ทอดไหมคะ ตาอยากลองไปทานดู เห็นคนอื่นๆ ว่าอร่อย ยังไม่ลองไปเลย” ตาถามโค้ดอย่างสนใจ ทำให้ต้ารู้สึกไม่พอใจนิดๆ
“งั้นไปด้วยคนนะ” เขาพูดขึ้นมา
โค้ดหันมาสบตาแล้วยกยิ้มที่มุมปาก ตอนนี้ทั้งคู่กำลังเกิดศึกชิงนางโดยที่ต้าเองไม่รู้ตัวว่าตัวเองได้เปิดศึกอย่างเงียบๆ ไปแล้ว
“ได้ครับ ไปหลายคน สนุกดี” โค้ดบอกแล้วหันไปยิ้มให้ตาที่กำลังเก็บของเตรียมตัวออกไปพักกลางวัน
“ตา นั่งรถไปกับฉันนะ” ต้ารีบถามเธอ
ตาเองที่กำลังพยายามตัดใจจากเขาอยู่ เธอนิ่งคิดไปสักพัก แม้จะดีใจที่เขาชวน แต่ว่าก็ไม่อยากทำให้ตัวเองนั้นตกอยู่ในสถานการณ์ที่ถอนตัวไม่ขึ้น
“ไม่ดีกว่า ไปรถโค้ดดีกว่า” เธอปฏิเสธเขาเป็นครั้งแรก
“ไปกับฉันก็ได้นะต้า รถฉันนั่งได้หลายคน ประหยัดน้ำมัน” โค้ดพูดแล้วยกยิ้มอย่างผู้ชนะ ทำให้ต้านั้นเกิดความหึงหวงเพื่อนรักของเขาเป็นอย่างมาก
หลังจากนั้น หลายต่อหลายครั้งที่โค้ดพยายามแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขาคือคนที่นิ่มพูดถึง ตาเองที่มารู้ในตอนหลังก็รู้สึกดีใจ เธอก็อยากก้าวไปข้าวหน้า แต่ว่าในตอนนี้ต้ากลับแสดงออกเหมือนกับหมาหวงก้าง มาขัดคอเธอกับโค้ดอยู่บ่อยๆ
“วันอาทิตย์นี้ว่างหรือเปล่าอยากจะชวนไปกินข้าวดูหนังด้วยกันที่ห้าง”
“ก็ว่างนะกี่โมงดีล่ะ”
“งั้นซักเก้าโมงเช้าก็แล้วกัน ส่งพิกัดมานะเดี๋ยวผมไปรับคุณเอง” โค้ดกับตาพูดคุยนัดแนะกันโดยที่ต้านั้นนั่งมองแล้วกำหมัดแน่นเพราะความหึงหวงที่ก่อตัวขึ้นมา
ไม่รู้ว่าทำไมตั้งแต่ที่คาดเดาเอาเองว่าตาชอบเขา ทั้งๆ ที่ยังไม่มั่นใจแต่ว่าเขากลับค่อยๆ มีใจให้เธออย่างไม่รู้ตัวและก็ต้องแอบมานั่งหึงหวงเธออยู่ในตอนนี้
“จะไปดูหนังกันหรองั้นฉันขอ...” ยังไม่ทันที่ป้าจะพูดจบตาก็สวนเขาขึ้นมาก่อน
“ไม่ต้องตามไปด้วยหรอก ฉันเบื่อหน้าแกแล้ว”
คำพูดของเธอทำให้ต้าถึงกับนิ่งไป
“เขาคงหวงเพื่อนละมั้งครับ พอรู้ว่าผมตามจีบตาอยู่ก็เลยเป็นห่วงกลัวว่าตาจะโดนผมหลอกมั้ง”
โค้ดพูดออกมาอย่างนั้นมันอดที่จะทำให้ตาเขินอายไม่ได้รอยยิ้มของเธอกับแก้มที่แดงเดือนนั้นทำให้ต้ารู้สึกว่าหัวใจเขาถูกกระชากออกไป ไม่ต่างจากตอนที่รู้ว่าหมิงกับแมนคบกันแรกๆ
“เออฉันยอมรับก็ได้ ฉันไม่อยากให้แกไปกับโค้ดสองคน” ต้ายอมรับออกมาตามตรง
“ไม่ต้องห่วงนะ ฉันไม่ได้เข้ามาหรอกจีบเพื่อนนายเล่นแน่ๆ ฉันไม่ใช่คนโลเลอย่างนั้น เชื่อใจได้” โค้ดพูดแล้วยักคิ้วให้อย่างกวนๆ เหมือนรู้ว่าอีกฝ่ายก็ชอบตาเหมือนกัน
“ฉันไม่ได้เป็นห่วงตา แต่ฉันหวงตา” ต้าพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดูหงุดหงิด
“แกพูดบ้าอะไรของแก จะมาหวงฉันทำไม”
“ทำไมล่ะ ฉันก็ชอบแกเหมือนกัน การที่ฉันหวงแกเพราะมีคู่แข่ง ฉันผิดเหรอ” ต้าโพล่งออกมาด้วยความหึงโดยไม่รู้ตัว
แต่พอได้พูดออกไปแล้วเขาก็รู้สึกว่าตัวเองนั้นรู้สึกแบบนั้นจริงๆ เขาหวงเธอเพราะว่าเขามีใจให้เธอไปแล้วในตอนนี้
ตาได้ยินอย่างนั้นเธอก็พูดไม่ออกมองหน้าโค้ดกับต้าสลับกันไปมา อยากเดินหนีไปจากตรงนั้นเพื่อคิดทบทวนอะไรบางอย่าง แต่ก็ก้าวขาไม่ออกจึงทำได้แค่นั่งลงที่เก้าอี้ทำงานของตัวเองแล้วไม่พูดจาอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว
“เอาเป็นว่าวันอาทิตย์ส่งพิกัดมาให้ผมนะ เก้าโมงเช้าผมจะออกไปรับ” โคตรบอกเธอเป็นนัยว่าให้โอกาสเธอตัดสินใจ แล้วเดินกลับไปที่แผนกของตน
ในขณะที่ต้าก็นั่งลงที่เก้าอี้ทำงานของตนสายตามองไปยังเธอที่ตอนนี้ยังคงนั่งนิ่งไม่ไหวติงไม่รู้ว่าตัวเองควรพูดอะไรหรือไม่ควรพูดอะไร เพราะกลัวว่าเธอจะโกรธ
“วันอาทิตย์นี้ถ้าแกอยากไปดูหนังกับเขาฉันก็ไม่ว่าแกหรอกนะ ฉันผิดเองที่รู้ใจตัวเองช้าเกินไป แกเลือกในสิ่งที่แกสบายใจที่สุดก็แล้วกัน” ต้าตัดสินใจพูดออกมาแล้วหันไปก้มหน้าทำงานของตัวเองอย่างเงียบๆ ในขณะที่ตาเองก็ไม่ได้พูดจาอะไรเธอมองเขาแล้วถามใจตัวเองอย่างสับสน
**********************
ต้ามองดูนาฬิกาของเขาตอนนี้เป็นเวลาสิบโมงเช้าหัวใจของเขานั้นรู้สึกปวดหนึบ หรือว่าเขาคิดไปเองว่าเธอชอบเขา แต่จริงๆ แล้วเธออาจทำดีกับเขาเพราะเขาเป็นเพื่อนของเธอก็ได้
“ทำไมเราอ่อนไหวง่ายจังเลยว่ะ โดนไอ้กรยุให้ชอบหมิงเราก็ดันชอบหมิงเข้าจริงๆ พอพี่นิ่มพูดเรื่องคนที่แอบรักเราก็ดันโยงไปเข้ากับตา ทั้งๆ ที่ตาก็ไม่ได้แสดงออกว่ามีใจให้เราเสียหน่อย แต่ก็ทำให้เราชอบตาแบบไม่รู้ตัว ทำไมหัวใจถึงอ่อนไหวง่ายอย่างนี้ให้ตายสิเขาพึมพำกับตัวเอง”
ภาพของตาฉายชัดขึ้นตรงหน้า สิ่งที่เธอทำเพื่อเขามาตลอดเขากลับมองข้ามและมองไม่เห็น แต่พอมีคนมาสะกิดให้คิดเขากลับคิดถึงมัน แล้วทำให้หัวใจอดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ว่าเธอชอบเขาจริงๆ แล้วก็มานั่งเจ็บปวดเมื่อเธอกำลังมีความสุขกับความรักที่เธอเลือก เธอคงเบื่อเขาแล้วจริงๆ
ในตอนเย็น ชายหนุ่มผู้ที่โชคร้ายในความรักนำเครื่องดื่มมีฟองออกมาจากตู้เย็นแล้วเทใส่แก้วดื่มเข้าไปเพื่อให้ตัวเองเมาจะได้เลิกคิดเรื่องเธอ เขาดื่มไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงมีเสียงกดกริ่งที่หน้าบ้านดังขึ้น พร้อมกับคนที่มายืนอยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้
“ตา” เขาเอ่ยชื่อเธอเสียงเบาแล้วสะบัดหัวเล็กน้อยเผื่อมองให้แน่ใจว่าตัวเองดูไม่ผิดเพราะตอนนี้เขายอมรับว่าเขากำลังเมาและส่งตัวแทบไม่อยู่แล้ว
“เป็นอะไรถึงเมาขนาดนี้ดื่มกับใครอยู่เหรอ” เธอถามเขาด้วยน้ำเสียงที่ห่วงใย
“ช่างฉันเถอะ ว่าแต่แกไปดูหนังมาสนุกหรือเปล่า” เขาถามเธอ ด้วยน้ำเสียงที่ลิ้นพันกันเล็กน้อย แล้วยิ้มให้เหมือนว่าไม่ได้คิดอะไร
เธอเดินเข้าไปในบ้านของเขามองดูขวดเบียร์ที่วางอยู่บนโต๊ะ แล้วถอนหายใจด้วยความกังวล
“แกกลับไปเถอะ” เขาเดินตามเข้ามาแล้วบอกเธอ
“ทำไมล่ะ”
“ฉันเมาแล้ว ฉันคงคุยไม่รู้เรื่องหรอก แล้วอาจจะพูดอะไรทำให้แกรู้สึกอึดอัด แกกลับไปตอนนี้จะดีกว่า” เขาบอกกับเธอแล้วนั่งลงรินเครื่องดื่มใส่แก้วแล้วกำลังจะยกขึ้นดื่มแต่ว่าตาจับแก้วนั้นไว้แล้วยกขึ้นดื่มจนหมดแก้วแทน
“ฉันก็เมาแล้ว คนเมาคุยกันได้แล้ว” เธอบอกเขาแล้วนั่งลงเทเบียร์ใส่แก้วแล้วดื่มรวดเดียวหมดอีกเช่นเคย
“ทำไมแกต้องมาพูดตอนนี้วะ ทำไมถึงมาบอกว่าชอบฉันในตอนที่ฉันกำลังถอดใจจากแก” ตายอมรับว่าเธอชอบเขาและกำลังถอดใจในเวลาเดียวกัน มันทำให้ต้าพูดไม่ออก
เขาเดินไปหยิบแก้วมาอีกใบ นั่งดื่มไปคุยไปให้เรื่องมันจบวันนี้
“สรุปแกถอดใจไปแล้วใช่ไหม คบกับไอ้โค้ดแล้วละสิ”
“แปดปี แกคิดว่ามันถอดใจง่ายขนาดนั้นเลยเหรอวะ” เธอถามเขาแล้วเม้มปากแน่น
“เออ ทีฉันชอบแกฉันยังถอดใจจาก...คนอื่นได้เลย แปดปีเหมือนกันนั่นแหละ” เขาไม่ได้เอ่ยชื่อหมิงออกมาแต่ตาเธอรู้
“เดี๋ยวนะ..ที่แกพูดเมื่อกี้ ตกลงว่าแกกับโค้ดยังไม่ได้คบกัน เพราะแกยัง..ชอบฉันอยู่ ใช่ไหม” คราวนี้ต้าหันมาถามด้วยความตื่นเต้น
ตาไม่ตอบ เธอหันมามองหน้าเขาแล้วเป็นฝ่ายโผเขาไปจูบเขาก่อน หลังจากดื่มรวบรวมความกล้าจนได้ที่แล้ว เธอตัดสินใจว่าแปดปีที่ผ่านมา ในเมื่อสิ่งที่เธอคาดหวังมันเกิดขึ้นแล้ว เธอก็จะขอเลือกเขา เพราะรู้จักนิสัยใจคอกัน ไม่ต้องเริ่มต้นใหม่กับโค้ดให้ยุ่งยาก
กลิ่นแอลกอฮอล์เจือจางอยู่ในลมหายใจของทั้งคู่มันชวนให้เริ่มบทรักกันจนควบคุมไม่ไหว ต้าจูบตอบเธอหวังเป็นฝ่ายชี้นำแต่กลับถูกร่างเล็กนั้นดันตัวเขาลงที่โซฟาแล้วเป็นฝ่ายจัดการถอดเสื้อผ้าเขาออกไป
ชายหนุ่มไม่ยอมตกเป็นรองเขาถอดเสื้อผ้าเธอและของตัวเขาเองช่วยกันถอดอย่างรวดเร็วแล้วกดเธอนอนลงเป็นฝ่ายเล้าโลมบนตัวเธอ แล้วซุกซอกคอจนเธอครางด้วยความสยิวที่ข้างใบหูของเขา กระซิบให้เธอแลบลิ้นออกมาเล็กน้อยแล้วใช้ริมฝีปากหนาดูดดุนลิ้นเธออย่างกระหาย
เรียวลิ้นเรียวฉกชิมความหวานที่โพรงปากของเธอแล้วดูดปลายลิ้นเล็กนั้นจนคราบน้ำลายเหนียวเปรอะปาก ขณะที่มือก็ลูบไล้ไปทั่วสะโพกงามนั้น ใช้สะโพกควบคุมแท่งลำให้ถูไถที่ต้นหน้าของเธอจนตาต้องแยกขาออกตามสัญชาตญาณ
แต่ต้ายังไม่ยอมเอาเข้าไปง่ายๆ เขาเลื่อนตัวลงไปขยำที่หน้าอกขึ้นมาดูดเลย แล้วไล่ลิ้นไล้เลียลงไปจนถึงสะดือ แยกขาเธอออกกว้าง ดึงสะโพกให้เกยที่ขอบโซฟา คุกเข่าลงกับพื้นห้องแล้วเกร็งปลายลิ้นตวัดที่ปุ่มกระสันจนตาร้องเสียงหลง
น้ำหวานสีใสไหลเอ่อออกมาพร้อมๆ กับอาการเกร็งสะโพกของเธอกับเสียงหายใจหอบถี่ที่บ่งบอกว่าถึงจุดหมายด้วยปลายลิ้นของเขา
ต้ายืนขึ้นจับแท่งลำนั้นจ่อที่ปากของเธอ ตารู้ว่าต้องทำอย่างไร เธอใช้มือรูดรั้งแท่งลำนั้นแล้วใช้ริมฝีปากอมมันเข้าไปแล้วดูดหัวปลายหยักที่มันวาวนั้นด้วยความปรารถนา
“อ๊า ทำไมฉันโง่มาตั้งแปดปีนะ” ต้าครางออกมาแล้วโยกสะโพกเข้าไปในปากเธอเบาๆ อย่างอดไม่ได้
หญิงสาวโก่งคอรับแล้วดันตัวเขาออกไปเพราะรับไม่ไหว ต้าจับเธอกดลงที่โซฟานอนราบลงไปแล้วเขาก็ขึ้นคร่อมจับแท่งลำที่มีหัวเคลือบน้ำเชื่อมมันวาวกดลงไปในร่องรักที่ฉ่ำเยิ้มนั้น
“อื้อ ต้า” เธอครางเบาๆ ด้วยความอึดอัด
ต้าขยับสะโพกเข้าออกเบาๆ อย่างต่อเนื่องแล้วเพิ่มความเร็วขึ้น เสียงครางของหญิงสาวดังออกมาเป็นระยะเป็นท่วงทำนองเสนาะหูและกระตุ้นให้เขานั้นยิ่งกระแทกหนักหน่วงเพื่อฟังเสียงครางนั้นอย่างต่อเนื่อง
ไม่นานนักเธอก็ถึงเส้นชัยไปอีกครั้ง เขาถอนแท่งลำออกเพราะการตอดรัดจากภายในที่รุนแรงของเธอ นั่งลงที่โซฟาจับเธอมานั่งที่ตักเพื่อให้เธอขย่มให้เขา
ตาขย่มร่อนสะโพกลงไปอย่างเร่าร้อน ต่างคนต่างเต็มที่กับบทรักในครั้งแรกของตนเพื่อใช้มัดใจอีกฝ่าย
เสียงครางของทั้งคู่ดังลั่นห้องนั่งเล่นของเขา เธอครางถี่ขึ้นเรื่อยๆ เมื่อตนเองจะถึงเส้นชัยจากการขย่มบนตักของเขา
หลังจากที่เธอเกร็งสะโพกเมื่อถึงจุดสุดยอด ก็เป็นจังหวะเดียวกันกับต้าที่ทนไม่ไหว เขาปลดปล่อยธารน้ำอุ่นข้นเข้าไปในตัวเธอ แล้วกอดเธอไว้บนตัก โดยที่เธอก็ซบหน้าลงที่ซอกคอของเขา หายใจหอบกระเส่าข้างใบหูของกันและกันอย่างสุขสม
บทจะง่ายทุกอย่างมันก็ง่ายกว่าที่คิด ง่ายจนทั้งตาและต้าตั้งตัวไม่ติดกันเลยทีเดียว
**********************
“อีกคู่ล่ะ ไหนบอกเพื่อนไม่กินเพื่อนไงวะ” กรพูดประชดแล้วกลอกตาขึ้นข้างบนด้วยความเซ็ง
“อืม เพื่อนกันตลอดไป เพื่อนร่วมเตียงนะสิ” นลินเองก็พูดประชดเพื่อนรักทั้งสองคู่
ตากับต้านั่งอมยิ้มที่นิ้วของเธอมีแหวนทองที่ต้าจับจองเอาไว้ ในขณะที่คู่บ่าวสาวอย่างหมิงและแมนนั้น นั่งดื่มกับพวกเขาต่อหลังจากแขกทยอยกลับไปแล้ว
“เหลือพวกแกสองคนนะ กร นลิน” หมิงพูดขึ้นมาแล้วอมยิ้มส่งซิกให้กรที่สามีแอบบอกว่ากรชอบนลินแต่ไม่กล้าจีบ
“ไม่เอาหรอก ปากหมา” นลินเบ้ปากแล้วส่ายหัว
“เกลียดแบบไหนได้แบบนั้น ระวังเถอะ ขนาดไอ้ตายังเสร็จตาเลย ตอนนี้เลยเป็น ‘ตาต้า’ แล้ว แกก็ระวังเถอะ ‘กรลิน’ ต้องมา” แมนหันไปบอกนลิน
“ผ่าหมาออกจากปากเมื่อไหร่ ค่อยว่ากันอีกที” นลินบอกแล้วสะบัดผมว่าตัวเองสวยเลือกได้
“ระวังเหอะมีสาวมาจีบไอ้กรเมื่อไหร่ ตอนจะเสียมันไปนั่นแหละแกถึงจะรู้ใจตัวเอง” ต้าบอกเธอตามที่เขาเจอ
“ใช่ ถ้าฉันไม่มีคนมาจีบต้ามันก็คงยอมบอกว่ามันชอบฉันหรอก” ตาพูดแล้วหันไปทำแก้มป่องกับคนรัก ต้าจึงใช้มือบีบแก้มเธอเบาๆ อย่างเอ็นดู
“หวานเกิ๊น” นลินพูดด้วยความอิจฉาปนหมั่นไส้เพื่อนรัก
ต้ามองหมิงกับแมนที่ตอนนี้ปรับความเข้าใจกัน แม้จะมีข่าวว่าทะเลาะกันบ้าง แต่ทั้งคู่ก็ไม่เคยเลิกกัน และเขาดีใจที่เป็นอย่างนั้น
ตามองคนรักที่มองหมิงกับแมนด้วยรอยยิ้ม เธอแกล้งโง่ไม่รู้ว่าเขาชอบหมิง คิดว่าเป็นแบบนี้น่าจะดีกว่า เขาหันมาสบตาเธอแล้วยิ้มให้ สำหรับเขาตอนนี้ตาคือความสุขที่เฝ้ารอมานาน
“ปีหน้า เตรียมตัวมาเป็นเพื่อนคู่ชีวิตฉันนะ ฉันจะไม่รอนานแล้ว” เขาบอกเธอด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรัก จนเพื่อนๆ ในโต๊ะโห่แซว
“อืม” ตาตอบรับคำเดียวสั้นๆ อย่างเอียงอาย แล้วโดนต้าจุมพิตที่หน้าผากของเธออวดความหวานให้เพื่อนๆ ดู
ในขณะที่คู่บ่าวสาวก็หันไปหอมแก้มโชว์เพื่อนๆ เช่นเดียวกัน เป็นการการันตีความรักที่เริ่มต้นจากคำว่าเพื่อน ที่ไม่ได้เป็นแค่เพื่อนกันตลอดไป
-----จบ-----