ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ หน้ากระเดียดไปทางแขก หล่อคมคายจนพยาบาลสาวมองตามกันเป็นแถบ กำลังพาว่าที่เจ้าสาวของเขาไปยังแผนกสูตินรีเวชของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง เพื่อตรวจหาเยื่อพรหมจรรย์ของเธอก่อนแต่งงาน
“นี่คุณต้องทำกันถึงขนาดนี้เลยเหรอคะ คุณศิวา” ยอดพธูถามด้วยความโกรธปนอับอาย
“หายไปกับแฟนเก่าทั้งคืน คิดว่าผมจะยังเชื่อว่าคุณบริสุทธิ์อยู่อย่างนั้นเหรอ” เขาพูดเสียงเรียบท่าทางเย็นชาใส่เธอ
“คุณจะสนใจทำไมกัน ในเมื่อคุณแต่งงานกับฉันเพราะเหตุผลทางธุรกิจอยู่แล้ว”
“ทำไม อายเหรอที่ว่าที่ผัวจะรู้ว่าไปเอากันกับคนอื่นมาก่อนวันแต่งงานของเราแค่สองวัน” เขากระซิบเธอเสียงเบา เมื่อแม่ๆ ของทั้งคู่ที่เป็นเพื่อนกันเดินตามมาสมทบทันทีที่รู้ข่าว
“อะไรกันตาศิวา ทำไมทำกับน้องถึงขนาดนี้” ราตรี มารดาของยอดพธูถามอย่างไม่พอใจ
“นั่นสิ มีอะไรทำไมไม่คุยกันดีๆ ก่อน” มารดาของศิวาที่เป็นเพื่อนกับราตรีถามขึ้น เพราะเธอเองก็ไม่เห็นด้วยกับการกระทำนี้
“ว่าที่เจ้าสาวหายไปกับผู้ชายคนอื่นทั้งคืน จะให้ผมอยู่เฉยอย่างนั้นเหรอครับ มาตรวจดูกันว่าหากผู้หญิงคนนี้ทำเรื่องเสื่อมเสีย ผมจะยกเลิกงานแต่งงานทันที” เขาบอกกับมารดาแล้วยิ้มอย่างมั่นใจว่าอย่างไรงานแต่งก็ต้องถูกยกเลิกแน่
มายามองหน้าราตรีด้วยความเกรงใจ แต่ที่ลูกชายเธอพูดก็ถูก จะให้แต่งงานกับผู้หญิงที่ไปนอนค้างอ้างแรมกับแฟนเก่า หากเป็นเธอ เธอก็รับไม่ได้ แต่เพราะธุรกิจของสองบ้านที่ต้องเกื้อหนุนกันทำให้พูดอะไรไม่ได้มากนัก
“เอาสิ งั้นมาเดิมพันกัน ถ้าฉันมีร่องรอยของการ..ถูกล่วงละเมิดหรือว่าเยื่อพรหมจรรย์ฉีกขาดไปแล้วเพราะการร่วมรัก เราก็ไม่ต้องแต่งงานกัน” ยอดพธูบอกเขาด้วยความโกรธ
“ได้” ศิวารับปากด้วยความยินดี เพราะเธอไปเรียนที่ต่างประเทศมาหลายปี อย่างไรก็คงไม่เหลืออะไรแล้ว เพราะอิสระในการใช้ชีวิตที่นั่น ทำให้คนส่วนใหญ่หลงระเริงไปกับมัน
“แต่กลับกัน หากไม่ใช่อย่างที่คุณคิด งานแต่งต้องดำเนินไปตามปกติ และคุณต้องเซ็นโอนหุ้นของคุณให้ฉันสิบเปอร์เซ็นต์ ตกลงตามนี้หรือเปล่า” เธอบอกเขาอย่างท้าทาย
ศิวาหรี่ตามองว่าที่เจ้าสาวของตน เธอกล้าท้าทายเขาแบบนี้มีสองอย่างคือมั่นใจว่าตัวเองจะชนะ และแกล้งท้าให้เขากลัวจนไม่ยอมรับคำท้าทายของเธอเพื่อให้มันเป็นโมฆะไป
“ได้สิ ผมตกลง” เขาพูดด้วยความมั่นใจ
ยอดพธูมองเขาด้วยความโมโห ไม่คิดเลยว่าเกิดมายี่สิบหกปีจะต้องมาอ้าขาให้หมอตรวจภายในของตนเองเพียงเพราะว่าที่เจ้าบ่าวไม่เชื่อมั่นว่าเธอบริสุทธิ์พอสำหรับเขา
‘สมัยนี้มันไปถึงไหนกันแล้ว ทำเป็นมาอ้างเรื่องพรหมจรรย์เพราะไม่อยากแต่งงาน คอยดูเถอะ หุ้นของคุณต้องตกเป็นของฉันแน่ ไอ้คุณศิวะ’
**********************
งานแต่งงานถึงจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ในโรงแรมหรูระดับห้าดาว สินสอดที่ฝั่งเจ้าบ่าวจัดให้ฝั่งเจ้าสาวนั้นถือว่าสมน้ำสมเนื้อพอสมควร
ไม่ว่าจะเป็นเงินสดมูลค่าสิบเก้าล้าน เครื่องเพชรชุดใหญ่ ทองคำแท่งจำนวนสามก้อน ก้อนละหนึ่งกิโลกรัม โฉนดที่ดินทำเลทองสามฉบับ และหุ้นของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ของเจ้าบ่าวที่เซ็นมอบให้เจ้าสาวในวันแต่งงานต่อหน้าแขกที่มาร่วมงาน
การแต่งงานของทั้งคู่นั้นเป็นการรวมบริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่เข้าไว้ด้วยกันเพื่อเป็นการเอื้อประโยชน์และกีดกันคู่แข่งอีกรายที่กำลังมาแรงในตอนนี้
งานเลี้ยงงานแต่งงานยังคงดำเนินต่อไปในขณะที่เจ้าบ่าวและเจ้าสาวขึ้นไปส่งตัวที่ห้องหอที่ทำการส่งตัวเข้าหอที่โรงแรมเพื่อให้ตรงกับฤกษ์ยามที่วางเอาไว้
หลังจากรับคำอวยพรจากผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายแล้วตอนนี้ทั้งสองก็นั่งอยู่ในห้องหอ เตียงเต็มไปด้วยกลีบกุหลาบสีแดงที่โรยเอาไว้
ศิวาออกจากห้องนอนไปหาเครื่องดื่มในห้องนั่งเล่นข้างนอก แต่ถูกมายาและราตรีที่นั่งเฝ้าหน้าห้องอยู่ไล่ให้เขากลับเข้าไปในห้อง จึงต้องหยิบขวดเหล้ากับแก้ว นำกลับเข้าไปดื่มข้างในเพื่อย้อมใจ
ยอดพธูเข้าไปอาบน้ำชำระร่างกาย หงุดหงิดกับการที่ต้องสระผมถึงสามรอบกว่าที่สเปรย์ฉีดผมจะออกไปหมด แล้วต้องยืนไดร์ผมอยู่หน้ากระจกห้องน้ำอีกกว่ายี่สิบนาที รวมๆ แล้วเธออาบน้ำนานกว่าหนึ่งชั่วโมง
“ใครบอกว่าวันแต่งงานเป็นวันที่มีความสุขที่สุด ตื่นตีสามไปแต่งหน้า นั่งพับเพียบเข้าพิธีเป็นชั่วโมง ยืนรับแขกทั้งวัน แล้วยังต้องมาอาบน้ำสระผมหลายๆ รอบแบบนี้อีก บ้าบอที่สุด” เธอบ่นพึมพำแล้วแต่งตัวในชุดนอนกระโปรงบางเบาที่มารดาเตรียมให้ ก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำ
ศิวาหันมามองเธอในชุดนอนแล้วเบือนหน้าหนี ดื่มเครื่องดื่มสีอำพันตรงหน้าแล้ววางแก้วลงเข้าไปอาบน้ำต่อจากเธอ
เมื่อเขาออกมาเจ้าสาวหมาดๆ ก็หลับไปเรียบร้อยแล้ว เขาจึงไปนั่งดื่มต่ออีกหลายแก้ว พอเมาได้ที่แล้วจึงเดินไปทิ้งตัวนอนข้างๆ เธอ เป็นอันสิ้นสุดวันแต่งงานที่แสนวุ่นวายโดยการที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวต่างหลับไปทั้งคู่
**********************
หนึ่งสัปดาห์แล้วที่ศิวาและยอดพธูแต่งงานกัน ยอดพธูย้ายเข้าไปอยู่บ้านของสามี แม้ต่อหน้าทุกคนทั้งคู่นั้นจะดูปรองดองกันดี ทานอาหารโต๊ะเดียวกัน แต่เมื่อลับหลังทั้งสองคนก็ต่างคนต่างอยู่
“คืนนี้ผมจะไปเที่ยวข้างนอก”
“ฉันเองก็มีนัดกับเพื่อนเหมือนกัน” ยอดพธูบอกเขาขณะที่เธอกำลังเลือกชุดที่จะใส่ออกไปข้างนอก
“คุณเป็นผู้หญิงแต่งงานแล้วควรอยู่บ้านถึงจะเหมาะ อีกอย่างถ้าเราต่างคนต่างไป พ่อกับแม่ผมต้องไม่สบายใจแน่”
“ถ้าอย่างนั้นก็ไปรถคันเดียวกันสิคะ คุณไปส่งฉัน ขากลับก็แวะมารับ ต่างคนต่างไปสนุกให้พอแล้วก็กลับมา ทำเหมือนว่าเราออกไปเที่ยวด้วยกัน เท่านั้นก็จบ” เธอบอกเขาอย่างไม่สนใจในสิ่งที่เขาพูด
ศิวาเห็นท่าทางเธอแบบนั้นเขาจึงต้องรับข้อเสนอของเธอ และบังเอิญว่าทั้งคู่นัดเพื่อนไว้ที่เดียวกัน
เมื่อไปถึงยอดพธูก็แยกตัวไปหากลุ่มเพื่อนของเธอแล้วเริ่มสังสรรค์กันอย่างสนุกสนาน ในขณะที่ศิวาเองก็ชนแก้วกับเพื่อนๆ และมีสาวๆ มานั่งคลอเคลียบริการเครื่องดื่มให้ไม่ห่าง
เขามองดูภรรยาของตัวเองที่กำลังเต้นกับกลุ่มเพื่อนด้วยความสนใจ เธอจบนอก หัวสมัยใหม่ แต่รักษาเนื้อรักษาตัวได้ดีมาก ถึงขั้นที่ว่าเยื่อพรหมจรรย์ยังอยู่ไม่ได้ถูกทำลายลงไปก่อนหน้านี้
เขามองผู้ชายที่เขามาเต้นข้างๆ เธอ หญิงสาวไม่ได้ปฏิเสธเธอชนแก้วแล้วเต้นกับผู้ชายคนนั้นท่ามกลางเสียงเชียร์ของเพื่อนๆ จนศิวาทนไม่ไหว มันเป็นการหยามศักดิ์ศรีเขามากเกินไป กับการที่เธอปล่อยเนื้อปล่อยตัวอย่างนั้น
“จะไปไหน” เพื่อนของเขาถามขึ้นเมื่ออยู่ๆ ศิวาก็ลุกขึ้น
“พาเมียกลับบ้าน” เขาพูดเสียงเรียบแล้วเดินตรงไปหายอดพธูที่กำลังเต้นอยู่กับกลุ่มเพื่อนและผู้ชายอีกสองคนที่อีกคนพึ่งเดินเข้ามาขอชนแก้วด้วย
เพื่อนๆ ของศิวามองตามเห็นยอดพธูกำลังเต้นอยู่อย่างสนุกสนาน ในขณะที่เพื่อนๆ ของฝ่ายหญิงนั้นก็จำศิวาได้จากการไปร่วมงานแต่งงานก็ดึงตัวยอดพธูให้กลับมานั่งที่
“แพท แกเมามากแล้ว มานั่งโต๊ะก่อนเถอะ”
“ไม่เอา ฉันอยากเต้น” ยอดพธูไม่สนใจ เธออยากผ่อนคลายและสนุกสนานในวันสุดสัปดาห์ของเธอ
“กลับเถอะสามีสุดหล่อของแกมาตามแล้ว” สิ้นเสียงของเพื่อนสาวแขนของเธอก็ถูกกระชากไปด้วยมืออันแข็งแกร่งของศิวาจนหญิงสาวเซไปซบที่อกของเขา
ยอดพธูเงยหน้ามองสามีในนามแล้วทำหน้าเหมือนกับว่าเธอเบื่อหน่ายเขาเสียเต็มประดา “ยังไม่ได้เวลากลับบ้านเลย”
“ให้ตายสิ ตามผมมานี่” เขาพูดแล้วดึงแขนเธอให้ไปคุยกันที่หน้าห้องน้ำ
“เป็นบ้าอะไรของคุณ” เธอถามเขาเสียงเริ่มบ่งบอกว่าเธอเมาแล้ว
“คุณนั่นแหละเป็นบ้า ทำไมไปเต้นกับพวกผู้ชายแบบนั้น”
“ก็แค่เต้น ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย”
“คุณเป็นภรรยาผมการที่คุณไปเต้นอย่างนั้นเพื่อนๆ ผมจะมองว่าอะไร ทำแบบนี้มันหยามเกียรติผมชัดๆ”
“อย่างงั้นเหรอ ถ้าทนไม่ไหวก็หย่าสิ” หญิงสาวท้าทายเขา เพราะตอนนี้แต่งงานและรวมธุรกิจเรียบร้อยแล้ว ต่างฝ่ายต่างได้ผลประโยชน์ไปแล้ว หากจะหย่าภายหลังก็คงไม่ส่งผลอะไรมากนัก
“อย่าท้าผมนะแพท อย่าคิดว่าผมไม่อยากหย่ากับคุณ”
“อยากหย่าก็หย่าสิ” เธอพูดท้าทายเขาแล้วสะบัดแขนออกเดินกลับไปยังโต๊ะของกลุ่มเพื่อนสาว
เพื่อนของศิวามองทั้งคู่ด้วยความสนใจไม่ต่างจากกลุ่มเพื่อนของยอดพธูเช่นกัน
ยอดพธูดื่มต่อแล้วทำท่าเหมือนว่าจะออกไปเต้นอีกครั้งแต่ศิวาทนไม่ไหว เขาวางเงินจำนวนหนึ่งไว้ที่โต๊ะเผื่อเป็นการจ่ายค่าเครื่องดื่มให้กับสาวๆ ก่อนจะดึงแขนภรรยากลับออกไปพร้อมกัน
“ปล่อยฉันนะ” เธอโวยวายขณะที่สามีพากลับไปที่รถ
“กลับบ้านไปกับผม คุณทำตัวไม่เหมาะสมเป็นอย่างมาก” เขาเปิดประตูดันเธอเข้าไปนั่งแล้วรีบขึ้นรถขับพาเธอกลับไป
“คุณทำไมชอบยุ่งวุ่นวายกับชีวิตฉันจัง ทำเป็นมาห่วงศักดิ์ศรี ทั้งๆ ที่ตัวเองก็มีผู้หญิงมานั่งคลอเคลียไม่ห่าง ฉันยังไม่ว่าคุณสักนิด”
“แต่ผมเป็นผู้ชาย ผมทำอะไรก็ไม่น่าเกลียด”
“หลายครั้งแล้วนะที่คุณเอาเรื่อง ‘ผู้ชาย’ มาเป็นข้ออ้างแบบนี้ ผู้หญิงหรือผู้ชายทุกวันนี้ก็สิทธิเท่าเทียม เลิกเอาความคิดว่าผู้ชายเป็นใหญ่มาแสดงใส่ฉันสักที”
“ให้ตายสิคุณนี่มันหัวดื้อชะมัดเลย” เขาบ่นอย่างหงุดหงิด
“ต่างคนต่างไม่อยากแต่งงานกัน แล้วทำไมไม่ต่างคนต่างอยู่ จะมาวุ่นวายอะไรกับชีวิตฉันทำไม ฉันต้องเสียอะไรไปมากมายเพื่อที่จะแต่งงานรวมธุรกิจกันกับคุณ ฉันยังเสียสละไม่พอเหรอ ฉันยังต้องเสียอิสรภาพของฉันไปอีกเหรอ” เธอพูดระบายความในใจออกมาแล้วเอามือปิดหน้าร้องไห้
ศิวาเงียบไม่พูดอะไรเขาขับรถไปสักพักก็หันมาดูพบว่าภรรยาในนามนั่งร้องไห้เงียบๆ เบือนหน้าไปทางอื่น “กลับบ้านสภาพนี้แม่เอาฉันตายแน่”
เขาโทรบอกแม่บ้านว่าวันนี้เขาไม่ได้กลับบ้านจะพายอดพธูไปนอนที่ห้องพักของคอนโดมิเนียมในโครงการของตนที่เขามักใช้อาศัยนอนหากไม่อยากกลับบ้าน เมื่อถึงที่พักเขาก็เดินนำเธอไปยังห้องพักของเขา หญิงสาวตาแดงก่ำเพราะพึ่งผ่านการร้องไห้มา เขาจับไหล่เธอนั่งลงตรงโซฟารับแขก เอาเครื่องดื่มมึนเมาออกมาวางคนละขวด
“ฉันไม่ดื่มเบียร์ มันขม มีเหล้าไหม”
“ผมเป็นพี่คุณเจ็ดปี กรุณาสุภาพกับผมกว่านี้ด้วย” เขาบอกเธอเสียงเข้ม ก่อนจะลุกไปหยิบเครื่องดื่มที่เธอต้องการมาให้
“เรามานั่งคุยกันดีๆ คุณต้องการอะไร”
“ฉันอยากใช้ชีวิตอิสระเหมือนเดิม” ยอดพธูบอกเขาแล้วดื่มเรื่องดื่มนั้นผ่านแก้วที่เขาวางให้เธอรินดื่มเอง
“คุณแต่งงานกับผมแล้ว คุณไม่ควรทำตัวอย่างนี้ มันไม่ให้เกียรติผม ไม่ให้เกียรติครอบครัวผม และไม่ให้เกียรติตัวเอง คิดว่ามันสนุกเหรอเต้นเลื้อยกับผู้ชายคนอื่นแบบนั้น” เขาบอกเธอเหมือนผู้ปกครองที่ดุเด็กน้อย
“คุณเองก็ไม่อยากแต่งงานกับฉันเหมือนกัน คุณเองก็อยากได้รับอิสระไม่ต่างกัน อย่าเอาเรื่องความไม่เหมาะสมมาอ้างเลย การที่คุณออกเที่ยวทุกคืนก่อนหน้านี้มันก็หยามเกียรติฉันเหมือนกันนั่นแหละ” เธอพูดด้วยความน้อยใจ
ศิวาพ่นลมหายใจออก จริงอย่างที่เธอว่า คนดีที่ไหนจะเที่ยวกลางคืนทุกคืนหลังแต่งงานอย่างเขา “วันนี้คุณเลยเอาคืนสินะ หึงเหรอ” เขาถามแล้วกระตุกยิ้ม ดื่มเบียร์เข้าไปครึ่งขวดแบบพกพาขนาดพอดีมือ
“ฉันเที่ยวทุกวันสุดสัปดาห์อยู่แล้ว และคิดว่าจะหยุดเที่ยวเพื่อรักษาหน้าคุณ แต่คุณกลับไม่รักษาหน้าฉันสักนิด ฉันก็ไม่จำเป็นต้องรักษาหน้าคุณเหมือนกัน” เธอยอมรับกลายๆ ว่าที่ทำไปก็เพราะประชดเขาด้วยส่วนหนึ่ง
“เรามาตกลงกัน ต่อไปนี้เราจะเรียนรู้กัน ไหนๆ เราก็แต่งงานกันแล้ว มันกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ผมเองจะหยุด คุณเองก็ต้องหยุด ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดให้ครอบครัวสบายใจ ตกลงไหม” เขาบอกเธอด้วยเหตุผล
“แล้วเราต้องทนอยู่ด้วยกัน ทั้งๆ ที่ไม่ได้รัก อย่างนั้นเหรอคะ” เธอถามเหมือนประชด เพราะก่อนแต่งงานเขาตั้งแง่รังเกียจเธอ ถึงขั้นพาเธอไปตรวจดูว่าเยื่อพรหมจรรย์เธอยังอยู่ไหม ทำให้เธออับอายเป็นอย่างมากในตอนนั้น
“อยู่ๆ ไปก็รักกันไปเอง” เขาบอกเธอแล้วยื่นมือไปแตะที่มือของเธอ ไม่ให้เธอรินเครื่องดื่มต่อ
“พอแล้ว ไปนอนเถอะ” เขาบอกเธอแล้วไปเอาชุดคลุมอาบน้ำกับผ้าเช็ดตัวมาให้
ยอดพธูมองหน้าเขา สามีในนามมีท่าทีที่อ่อนลง เธอจึงไม่อยากดื้อกับเขา ในเมื่อเขาขอดีๆ เธอก็ต้องให้ความร่วมมือ อย่างที่เขาบอก แต่งงานกันไปแล้ว แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ทำตอนนี้ให้ดีที่สุดก็พอ ‘แต่งไปเดี๋ยวก็รักกันเอง อย่างนั้นเหรอ’ เธอได้แต่นึกในใจ ไม่เชื่อเรื่องอะไรแบบนี้
ศิวาให้เธออาบน้ำก่อน ขณะรอเขาก็ดื่มเบียร์อีกขวดที่เปิดให้เธอในตอนแรก พอเธอออกมาในชุดคลุมอาบน้ำไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยนเขาก็มองตามแล้วอดกลืนน้ำลายลงคอไม่ได้
ยอดพธูขึ้นไปนอนบนเตียง เขาจึงเข้าไปอาบน้ำต่อจากเธอ ก่อนจะกลับออกมาด้วยผ้าขนหนูพันกายผืนเดียว เดินตรงไปหาเธอที่กำลังครึ่งหลับครึ่งตื่น
เจ้าของฝ่ามือหนากระตุกดึงสายรัดเสื้อคลุมของหญิงสาวออกไป เธอลืมตาขึ้นมามองหน้าของเขาด้วยความตกใจกระถดถอยออกจากการคุกคามนั้น
“คุณจะทำอะไร”
“เราตกลงกันแล้วไม่ใช่หรือยังไง ว่าเราจะทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด เราแต่งงานกันแล้วนะแพทอย่าให้ผมต้องปล้ำภรรยาของตัวเองเลย”
“ฉันไม่มีวันนอนกับคุณหรอก เรื่องระหว่างเรามันไม่ใช่ความรัก” เธอบอกเขาเสียงสั่น
“อย่างนั้นเหรอ” เขาพูดเสียงเบาราวกับว่าไม่ได้ฟังสิ่งที่เธอพูด แล้วขยับตัวลงไปทาบทับเธอเอาไว้
หญิงสาวดิ้นรนให้พ้นจากร่างหนาที่ทาบทับลงมา เขายังไม่ได้รุกล้ำอะไรเธอแต่กลับมองสบตาด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงความปรารถนาตามประสาผู้ชายที่อยู่ใกล้ผู้หญิงสวยๆ
กลิ่นลมหายใจที่สะอาดปนกับกลิ่นแอลกอฮอล์รดรินหน้าซึ่งกันและกัน ทำให้ต่างฝ่ายต่างเคลิบเคลิ้ม
“แพท เรามาเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องกันเสียทีนะ” เขาขอเธอเสียงเบา
ยอดพธูไม่ได้ขัดขืน เธอมองแววตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนาของเขา จริงอยู่ว่ายังไม่มีความรักต่อกัน แต่ในเมื่อเขามีสิทธิ์ในตัวเธอและตอนนี้ร่างกายของเธอเองก็รู้สึกต้องการอ้อมกอดจากใครสักคน แล้วเธอจะต่อต้านเขาไปทำไมเล่า
หญิงสาวโอนอ่อนตามเขา เธอหลับตาแล้วเผยอปากรอจูบจากเขา ศิวาเห็นดังนั้นรู้แล้วว่าภรรยาเต็มใจ เขาจึงประทับจูบลงไปค่อยๆ กดริมฝีปากของเธอด้วยความชำนาญ สอดปลายลิ้นนุ่มชื้นเข้าไปตวัดเกี่ยวหยอกล้อเรียวลิ้นเล็กของเธอจนหญิงสาวอดที่จะตอบโต้เขาไม่ได้
ทั้งสองจูบกันอยู่เนิ่นนาน ในขณะที่มือของเขาถอดเสื้อคลุมอาบน้ำของเธอออกไปตอนไหนก็ไม่รู้ได้ เพราะหญิงสาวรู้ตัวอีกทีเสื้อคลุมสีขาวก็ถูกโยนไปกองกับผ้าขนหนูของเขาแล้ว
ร่างกายที่เปลือยเปล่าของเขาเบียดสะโพกเข้าหาเธออย่างนุ่มนวล ริมฝีปากร้อนพรมจูบเธอไปทั่วใบหน้าและลำคอ ลามเลียไปจนถึงหลังใบหูจนเธอนั้นขนลุกชันไปทั่วร่าง
สามีหนุ่มเลื่อนตัวลงมาจูบที่ยอดอกที่ชูชันหยอกล้อท้าทายปลายลิ้นของเขาอยู่ เขาดูดมันดูดดื่ม ฝ่ามือลูบไล้ที่สะโพกและต้นขาของเธอ ก่อนที่จะใช้นิ้วของเขาสำรวจที่กลีบบอบบางนั้นแล้วคลึงที่จุดกระสันอย่างต่อเนื่อง
หญิงสาวแอ่นหน้าอกขึ้นลำตัวบิดส่ายไปมาด้วยความซ่านสยิวกับการเล้าโลมของสามีในตอนนี้
เขายังคงใช้นิ้วเคล้นคลึงจุดกระสันนั้นสักพักแล้วจึงเลื่อนปลายนิ้วให้ไปยังร่องคับแคบของเธอที่กำลังฉ่ำไปด้วยน้ำใสๆ ที่เอ่ยออกมาจากข้างใน
สามีวัยสามสิบสามปี ตัดสินใจที่จะไม่ใช้นิ้วแยงเข้าไปเพราะว่าเขาอยากให้แก่นกายที่แข็งแกร่งของเขาเป็นสิ่งแรกที่ทะลุทะลวงเหยื่อบางล้ำค่านั้น
ศิวาเลื่อนตัวลงไปพรมจูบที่หน้าท้องของเธอจับขาของภรรยาในนามแยกออกกว้างแล้วค่อยๆ เลื่อนตัวมุดหน้าลงไปสูดดมกลิ่นหอมจากกลีบสีอ่อนนั้น
เขาใช้ปลายลิ้นตวัดชิมจุดกระสันของเธอ หญิงสาวสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจไม่คิดว่าเขาจะทำอย่างนี้กับเธอตั้งแต่ครั้งแรก ไม่นานนักปลายลิ้นนั้นก็เริ่มตวัดรัวเร็วจนเธอร้องครางเสียงหลง ใช้มือจิกผ้าปูที่นอนเพื่อระบายความสุขเสียว
เมื่อรู้สึกถึงความฉ่ำแฉะที่อยู่รอบๆ ปาก ศิวาก็ยันตัวลุกขึ้นคุกเข่าจับแท่งลำปลายมนนั้นถูไถที่รองฉ่ำน้ำของเธอ ค่อยๆ กดส่วนหัวลงไปมองดูหญิงสาวทำหน้าเหยเกด้วยความอึดอัด พอมันเข้าไปได้หมดเธอก็จิกผ้าปูที่นอนไว้แน่นหลับตาปี๋ราวกับว่าไม่อยากเห็นภาพตรงหน้า
“ทำตัวตามสบายอย่าเกร็งนะ ไม่งั้นคุณจะเจ็บ” เขาบอกเธอเสียพร่าต่ำ เริ่มขยับสะโพกดันแท่งลำนั้นเข้าออกในตัวเธอ
หญิงสาวครางในลำคอเสียงอื้ออึง ก่อนที่จะหลุดครางออกเสียงด้วยความเสียวซ่านเมื่อเขาเร่งความเร็วขึ้น
ศิวาโน้มตัวไปจูบปลอบประโลมเธอแล้วขยับสะโพกถี่ๆ อย่างชำนาญ ยอดพธูกอดแผ่นหลังของเขาใช้มือจิกข่วนระบายความเสียวตามแรงกระแทกที่เขาควบคุมมันไม่ได้
ร่างทั้งสองผสานเป็นหนึ่งเดียว เสียงครางระงมเสียงต่ำสูงสอดประสานเข้ากับเสียงเนื้อกระทบกันชวนให้เกิดความกำหนัดมากยิ่งขึ้น เมื่อภรรยาสาวครางถี่แล้วบิดเกร็งสะโพก ศิวาก็โถมแรงเข้าไปอย่างเต็มที่ ปลดปล่อยสายธารอุ่นข้นเข้าไปในจังหวะที่เธออ่อนตัวลง แล้วพรมจูบที่ใบหน้าของเธอ นอนกอดก่ายกันในคืนเข้าหออย่างเป็นทางการ หลังการแต่งงานนานร่วมสัปดาห์
**********************