ลั่วฟางเซียนคล้ายถูกดึงเข้าสู่อำนาจของบุรุษผู้นี้ คราแรกนางคาดว่าเขาคงเป็นสิบสอง ไม่ก็ฉิงไท่...ทว่าสุ้มเสียงเขา และดวงตาคมกริบที่มองผ่านหน้ากากซึ่งมีเขาแหลมคมทำให้หัวใจนางอ่อนยวบ
มันคือความอ่อนโยน เปี่ยมด้วยความห่วงใย ลั่วฟางเซียนไม่เคยสัมผัสสายตาของบุรุษที่มีให้นางเช่นนี้มาก่อน
ยิ่งใกล้ชิด นางยิ่งหวั่นไหว ความรู้สึกลึกซึ้งทำให้นางตกที่นั่งลำบาก
ลั่วฟางเซียนสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด นางต้องรีบสลัดความอ่อนแอทิ้ง!
“ท่านรู้แล้วว่าข้าคืออนุเหยียน เหตุใดยังคิดข่มเหงสตรีของผู้อื่น” นางถามเขา ทั้งที่ความสะเทิ้นอายมีมากล้น อย่างไรเสียลั่วฟางเซียนเป็นสตรี การอใกล้ชิดบุรุษผู้สง่างาม นับว่าเป็นสิ่งอันตรายต่อร่างกายและจิตใจ
“ฮึ ๆ ๆ เพราะเป็นอนุเหยียน ข้าถึงพึงใจที่ได้ทำเช่นนี้กับเจ้า”
เมื่อลั่วฟางเซียนได้ยินคำตอบ นางคาดคิดไปว่า ยามนี้นางได้พบเขาแล้ว บุรุษที่นางต้องสังหารเขา
“ท่านคือ ถานป๋อ?”
นางกล่าวด้วยความฉงน หากยังไม่ได้ยินเสียงทุ้มๆ ไขความใดให้กระจ่างใจ ร่างกายพลันร้อนฉ่า โดยเฉพาะแอ่งเนื้อนิ่ม ถูกมือใหญ่โตล้วงเข้าไปสัมผัส เขายังเย้าหยอกติ่งเนื้องามของนางด้วยนิ้วอันจาบจ้วง
ถานป๋อบรรจงแตะวน ลากนิ้วผ่าน ก่อนแทรกลึกเข้าสู่แอ่งเนื้อฉ่ำชื้น
“อ๊ะ...อี้...มะ ไม่นะ!”
ชายหนุ่มเคลื่อนนิ้วไม่หยุด ราวกับต้องการกระตุ้นให้นางหลั่งความหวานชะโลมนิ้วยาวใหญ่
“ขะ ข้าไม่ใช่สตรีร่านสวาท ที่ท่านจะกระทำอย่างหยาบคายเช่นนี้”
“ชู่วว์ อย่าส่งเสียงดัง ข้าไม่ชอบ...อีกอย่างเมื่อชายหญิง พึงใจต่อกัน ย่อมต้องแสดงออกถึงความสิเน่หาที่อยู่ภายในร่างกาย อย่าเล่นตัวนักเลยอนุเหยียน”
เขากล่าวไม่ผิดสักนิด ยามนี้ นางคล้ายถูกดึงเข้าสู่บ่วงราคะอีกฝ่าย บุรุษเช่นเขาช่างน่ากลัวกว่าสิบสอง หรือ ฉิงไท่
“อนุเหยียน...” เสียงทุ้มๆ ของเขาเจือความห่วงใย ทั้งมากด้วยความต้องการที่ไม่อาจปกปิดไว้ได้
“ขะ ข้าเป็นสตรีของคุณชายถานป๋อ”
นางบอกทั้งตนเองและปรารถนาให้เขาล่วงรู้
“หึๆ ๆ เช่นนั้น เจ้าก็เป็นผู้หญิงของข้า...ผู้หญิงของบุรุษแซ่ถาน นามว่าป๋อ”
เขาตอบ แล้วทาบความใหญ่โตกับบั้นท้ายงอนหนั่นแน่น ก่อนตีเบาๆ คล้ายการเย้าหยอกนางให้เกิดความเสียวสยิว
แก่นกายเขาใหญ่โต ทั้งร้อนรุ่มราวดาบที่ถูกตีขึ้นมาใหม่ มันสร้างความรัญจวน เมื่อมันเลื่อนเข้าหาปากทางหวานฉ่ำ เนื้อสาวก็สั่นระริก
มือใหญ่อีกข้างล้วงเข้าไปในเสื้อตัวบางบีบนวดหน้าอกอวบสวยอย่างเร่าร้อน เมื่อเขาแตะยอดหน้าอกชี้ชัน นางก็เม้มริมฝีปากแน่น ลั่วฟางเซียนสะกัดกลั้นความต้องการที่กู่ก้องในใจ แม้อยากหวีดร้อง อยากระบายตัญหาที่พลุ่งพล่านในร่างกาย แต่นางไม่อาจทำได้ ด้วยกลัวจะทำให้ตนตกอยู่ในอำนาจของเขา
“ทะ ท่านทำให้ข้าเป็นสตรีน่าไม่อาย” ลั่วฟางเซียนเสียงสั่นพร่าและซาบซ่านใจ หากฝืนทนอย่างที่สุด นางจะหลงระเริงกับอำนาจราคะของถานป๋อไม่ได้ หน้าที่ของนางคือสังหารเขา!
ภาพในวันวานลอยเข้ามาในหัว ลั่วฟางเซียนเป็นลูกสาวหมอตำแยหญิง มารดาต้องโทษทำให้ครอบครัวสกุลใหญ่ของพ่อค้าตายยกครัว ความผิดยังไม่ชี้ชัดว่าเป็นเพราะยาของมารดานาง แต่ในฐานะหมอเถื่อน ย่อมต้องรับผิดชอบ ลั่วฟางเซียนดิ้นรนหาทุกวิถีทางเพื่อช่วยมารดาและคนของร้านขายยาสกุลลั่ว กระทั่งต้องถูกจับขังไว้ในที่ลับ หากโชคชะตาพลิกผลัน เมื่อนางได้รับงานว่าจ้างให้มายังคฤหาสน์แห่งนี้ โดยที่ลั่วฟางเซียนต้องตามหาบุรุษชั่วถานป๋อให้พบ จากนั้นต้องวางยาเขา เมื่อสบโอกาสก็สังหารอีกฝ่าย
“อย่าได้ห่วง เพียงแค่ทำให้ชายบ้าตัญหา หลงระเริงกับความสาวของเจ้า จากนั้นจงพรากลมหายใจของเขาออกจากร่าง!”
ลั่วฟางเซียนได้ยินเรื่องน่ากลัวของชายสกุลถาน อีกทั้งสตรีที่นางรู้จักต้องสิ้นลมหายใจหลังจากถูกลักพาตัวไปบำเรอกามให้แก่เหล่าบุรุษชั่ว ซึ่งนางทราบมาว่าพวกเขามีถึงสิบสองคน!
“แล้วข้าจะออกจากคฤหาสน์หลังนั้นได้อย่างไร”
นางเอ่ยถามพวกที่อำพรางใบหน้าไว้ และพวกเขาส่งแผนที่มาดู พร้อมอาวุธลับหลากหลายชนิดที่นางจะใช้มันเพื่อเอาตัวรอด รวมถึงยังบอกนางอีกว่า คฤหาสน์สัตตบงกชมีคนของพวกเขาปะปนอยู่ นางจะได้รับการช่วยเหลือ และข่าวจากคนเหล่านั้น เหนืออื่นใดหากทำงานไม่สำเร็จ นางจะไม่ได้ออกมาพบหน้ามารดา
“เลือกเอาจะตายอยู่ที่นี่ โดยไม่ดิ้นรนหาทางรอด หรือเจ้าจะเข้าไปเป็นหนูในคฤหาสน์สัตตบงกช อย่างน้อยก็มีสถานที่ให้เจ้าได้วิ่ง มีอาหารให้กิน และรางวัลของเจ้าหากจัดการทุกอย่างเรียบร้อย นอกจากอิสรภาพ ยังได้เงินพร้อมช่วยคนในครอบครัว”
“พวกท่านกล่าวความจริง”
“เลือกเอา โอกาสเจ้ามีเพียงเท่านี้ อยากตายอยู่ที่นี่ หรือจะลองสู้กับปีศาจสกุลถาน!”
คำพูดของพวกเขาดังย้ำย้อนในหัว รวมถึงการแจ้งแผนต่างๆ ให้นางล่วงรู้ นอกจากนั้นยังมีภาพคฤหาสน์สัตตบงกชซึ่งลั่วฟางเซียนจำได้อย่างขึ้นใจ มันมีทางลับเพื่อนางจะเอาตัวรอดด้วย
“ต่อไปนี้เจ้าคือ เหยียนเข่อซิน...”
“ขะ ข้าจะเป็นเหยียนเข่อซิน”
“ดี อย่าลืมว่านางเป็นหญิงที่ต้องปลิดชีวิตถานป๋อ เป็นอนุเหยียน ที่คนจะสรรเสริญในภายภาคหน้า!”
ลั่วฟางเซียนดึงตนเองกลับ ด้วยรู้สึกหนาวสะบั้นเล็กน้อย ยามนี้ร่างงามเกือบเปลือยเปล่า นางนั่งทับกายแกร่งของบุรุษ ซึ่งมือใหญ่ของอีกฝ่ายยื่นมาบีบลำคอระหง
เขาออกแรงพอให้นางอึดอัดผสมความตื่นกลัว และสิ่งที่นางไม่อาจต่อต้านได้คือท่อนเอ็นร้อนอันใหญ่ที่จ่ออยู่ปากทางสวาท
หญิงสาวถูกฝึกฝนจากคนเหล่านั้น เรียนรู้เรื่องการปรนเปรอความสุขให้บุรุษ ที่สำคัญยิ่งกว่าคือจัดการให้ผู้ชายสิ้นลมหายใจด้วยความพิศวาส เมื่อกลีบงามๆ บีบรัดความเป็นชาย
“อ๊ะ...ได้โปรดอ่อนโยนกับเสี่ยวซิน!”
นางร้องบอกเขา และแทนตัวเองเป็นเหยียนเข่อซิน
ความใหญ่โตกำลังจะแทรกผ่านเข้าสู่เรือนร่าง แม้เรียนรู้ถึงความเป็นชายมามิน้อย ทว่าเมื่อต้องรับศึกจริงๆ นางก็กลั้นน้ำตาเอาไว้แทบไม่ไหว
ช่วงเวลานั้น นางเจียนขาดอากาศหายใจ อีกทั้งรู้สึกคับแน่นไปหมด ร่างกายกำลังถูกบางสิ่งตอกแรงๆ เข้าสู่ภายใน
กระทั่งเสียงทุ้มดังขึ้น “จูบข้าสิ...”
ถานป๋อบอก แล้วโน้มร่างนางลงมาช้าๆ
เขาไม่ได้บีบลำคอนางแล้ว แต่แก้ผ้าที่มัดข้อมือบาง และนำมาผูกตาของนางแทน
ลั่วฟางเซียนประกบริมฝีปากลงไปบนริมฝีปากบางของเขา ความร้อนวูบวาบเกิดขึ้นในทันที นางต้องการให้เขาส่งความสุขซ่านใจสู่เรือนร่างอรชร ให้เขาทำรักกับนางเร็วที่สุด เพื่อนางจะเผด็จศึกเขา
ถานป๋อส่งเรียวลิ้นเข้าไปในโพรงปากนาง แล้วตวัดรัดลิ้นเล็กๆ ของลั่วฟางเซียน
หญิงสาวไม่ได้ประท้วง หากตอบรับ เย้าหยอกเขาราวกับสตรีรักสนุก
เสียงครางตอบรับผสานกัน เขาพอใจที่นางเรียนรู้เร็ว จึงนวดเฟ้นหน้าอกและต้นขานางไม่หยุด ยิ่งบีบแรงขึ้น นางยิ่งผ่อนคลาย และปรารถนาให้เขาโจนจ้วงแก่นกายเข้าสู่กลีบงามอันหวานฉ่ำ
“ข้าเป็นผู้หญิงของท่าน”
นางอยากเห็นหน้าเขาเหลือเกิน จึงคิดแกะผ้าปิดตาออก แต่เขาส่งเสียงเตือน “ถ้าไม่อยากตาบอด อย่าคิดมองใบหน้าของข้า”
เขาว่าเสียงขรึม ก่อนส่งความใหญ่โตเข้าไปลึกจับใจ ร่างงามถูกจับเอวคอดให้ยกสูง แล้วเขาก็เคลื่อนสะโพกถี่รัว จนหน้าอกอวบงามไหวสะท้าน
“อ๊ะ...อ่าส์...แม่ทัพถาน...ขะ ข้า”
นางหวีดเสียงหวาน มันไม่ใช่การประท้วงให้เขาหยุดส่งความสุขเข้าสู่แอ่งเนื้อฉ่ำเยิ้ม หากเป็นหูนางได้ยินเสียงดังสวบสาบ และคาดการณ์ว่ามีการเคลื่อนไหวอยู่ไม่ห่างจากจุดที่นางกับถานป๋อกำลังร่วมรักกัน!