5 ใครมันบังอาจมาปลูกบุปผาที่สวนข้า

1511 คำ
ที่สวนบุปผาท้ายวัง บริเวณภายนอกมีเหล่าบุรุษปีศาจมายืนแอบจ้องมองเทพธิดาดูแลพืชพรรณที่กำลังร่ายรำหัวเราะอย่างมีความสุขกับหมู่มวลผีเสื้อน้อยใหญ่ที่กำลังดอมดมลิ้มชิมกินน้ำหวานจากบุปผางาม แม้หญิงสาวจะรู้ว่ามีปีศาจแอบซ่อนตัวคอยจ้องมองดูอยู่ก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะว่านางร่ายมนตร์สร้างอาณาเขตส่วนตัวเอาไว้ เทพหรือปีศาจที่มีพลังปราณยุทธ์ต่ำกว่าผู้สร้างจะไม่มีทางเข้ามาได้ นอกจากจะเป็นผู้มีปราณยุทธ์ขั้นสูงสุดเท่านั้นที่จะทำลายอาณาเขตส่วนตัวนี้ได้ “ตูม พรึบ โอ๊ย!” เสียงระเบิดทำลายอาณาเขตส่วนตัวให้มลายสิ้น ตามด้วยการปรากฏกายของร่างสูงใหญ่ สีหน้าดุดันถมึงทึงเปลือยกายท่อนบนเดินเข้ามากระชากแขนหญิงสาวที่กำลังหัวเราะมีความสุขกับเหล่ามวลบุปผา และตามมาด้วยเสียงหญิงสาวที่ถูกกระชากแขนอย่างแรง “ปล่อยแขนข้านะเจ้าคะ อย่ามาแตะต้องตัวของข้า” เจียวอวี่พยายามขืนท่อนแขนที่ถูกชายหนุ่มบีบไว้อย่างแรงออกจากกายแกร่ง “เจ้ากล้ามากเกินไปแล้วอวี่เอ๋อร์” จิ่นเหิงใช้มืออีกข้างเข้ามากระชากแขนอีกด้านของหญิงสาวที่พยายามจะแกะมือหนาของชายหนุ่มออก แล้วดันตัวหญิงสาวหายตัววับกลับเข้าไปในห้องบรรทม บุรุษดันร่างบางไปที่กำแพงข้างเตียงนอน จับนางขึงพรืดแล้วก้มใบหน้าคมลงมาจนชิดหญิงสาว “อย่ามาเรียกข้าว่าอวี่เอ๋อร์นะเจ้าคะ พวกเราไม่ได้สนิทสนมกันถึงขั้นนั้น” หญิงสาวพยายามหดใบหน้าชิดกับกำแพงแล้วหันหน้าหนี ไม่สบสายตาดุดันจากร่างสูงข้างหน้า “ไม่ได้สนิทสนมกันเช่นนั้นหรือ แล้วเมื่อคืนใครกันที่ร้องครางเสียงดังใต้ร่างของข้า” ชายหนุ่มยียวนกวนประสาทหญิงสาว และใช้มือขวาจับใบหน้าหญิงสาวให้หันหน้ามาสบสายตาคมที่จ้องมองอยู่ด้วยแววตากรุ้มกริ่ม “หยาบคาย! ปล่อยข้านะเจ้าคะ ไหนท่านเคยบอกว่าไม่ชอบใกล้ชิดสตรี เช่นนั้นก็เลิกยุ่งกับข้าเสียที อะ อื้อ!” เจียวอวี่ทนไม่ไหวจึงเอ่ยต่อว่าย้ำให้ชายหนุ่มคิดถึงสิ่งที่เคยบอกกับนางไว้ แต่ไม่ทันพูดจบ ร่างสูงก็ก้มลงมาปิดปากหญิงสาวอย่างรวดเร็วรุนแรงแสนเอาแต่ใจ “ฮือ อือ อื้อ” หญิงสาวไม่ให้ความร่วมมือ พยายามขัดขืนกายหันใบหน้าหนีริมฝีปากร้อนจากคนตรงหน้า “เจ้าอยู่นิ่ง ๆ” ชายหนุ่มผละริมฝีปากร้อนออกจากริมฝีปากบางที่ตอนนี้ขึ้นสีแดงจนช้ำบวมเจ่อ แล้วก้มลงซุกไซ้ซอกคอหญิงสาวต่อ “อืม หอม กลิ่นกายเจ้ามันยั่วยวนข้า” จิ่นเหิงลืมตัวสูดดมกลิ่นกายสาว พร้อมกับซุกไซ้ใช้ริมฝีปากร้อนขบเม้มไปทั่วทั้งลำคอบาง “อื้อ ปล่อยนะ อย่าทำแบบนี้เจ้าคะ” เจียวอวี่รวบรวมแรงฮึดใหญ่ผลักร่างสูงออกจากตัวแล้วรีบหายตัวหนีไป แต่ก็ไม่อาจจะหนีองค์ชายปีศาจนิสัยเกรี้ยวกราดนี้ได้พ้น ร่างสูงหายตัวตามหญิงสาวมาที่ห้องรับรองและกระชากตัวหญิงสาวเหวี่ยงลงกับเตียงกว้าง พร้อมกับคร่อมร่างสาวเอาไว้ไม่ให้ขยับกายได้ “ท่านมันคนใจร้าย ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะเจ้าคะ อย่ามายุ่งกับข้า” เจียวอวี่ใช้ฝ่ามือเรียวบางไล่ทุบตีไปที่อกแกร่งของชายหนุ่ม “แควก! อื้อ อย่า ฮือ ๆ ไม่!” จิ่นเหิงไม่สนใจการต่อต้านของหญิงสาวใต้ร่าง จับเสื้อผ้าบางฉีกกระชากออกจากกันจนเอี๊ยมตัวบางหลุดขาดติดมือหนามาแล้วปาทิ้งอย่างไม่ไยดี ชายหนุ่มก้มหน้าลงใช้ริมฝีปากร้อนดูดดึงยอดผลอิงเถาอย่างรุนแรงไร้ความเมตตาปรานี “อย่าทำข้าเลยเจ้าค่ะ ฮือ ๆ ข้ากลัวแล้ว ต่อไปข้าจะไม่ออกไปข้างนอกอีก” หญิงสาวร้องไห้ด้วยความเสียขวัญ ตลอดพันกว่าปีที่ผ่านมาไม่เคยต้องพบเจอการกระทำที่รุนแรงป่าเถื่อนเช่นนี้มาก่อน “ใครใช้ให้เจ้าไปร่ายรำล่อลวงพวกปีศาจชั้นต่ำพวกนั้นกัน ซ้ำยังจงใจสวมใส่ชุดที่บางเบาเช่นนี้ เจ้าจะใส่ไปให้ใครมอง ต้องการเช่นนี้ไม่ใช่หรือ จะมาร้องไห้คร่ำครวญทำไม” จิ่นเหิงพูดจบก็จับหญิงสาวนอนคว่ำ ดึงสะโพกบางเข้าหาตัวแล้วรีบถอดกางเกงออก จับแท่งร้อนที่ขยายใหญ่อยู่นานตั้งแต่เขาไปพบหญิงสาวร่างบางกำลังร่ายรำอยู่กับมวลหมู่บุปผา สอดเข้าสู่ใจกลางอย่างไม่ให้หญิงสาวทันตั้งตัว “อา เจ็บ! ฮือ...ปล่อยข้านะเจ้าคะ” เจียวอวี่พยายามคลานหนี แต่ก็ถูกชายหนุ่มดึงสะโพกเข้าหาตัวอย่างแรงจนหญิงสาวขยับหนีไม่ได้ ได้แต่นอนน้ำตาซึมรับแรงกระแทกจากคนข้างบนด้วยความชอกช้ำกายใจ “อา แน่นมากอวี่เอ๋อร์ ข้าชอบ อะ อ้า” ชายหนุ่มสอดประสานแท่งรักเข้ากับใจกลางสาวด้วยความเร่าร้อน เร่งทะยานปล่อยน้ำรักเข้าสู่กายสาวจนหมดสิ้นทุกหยาดหยดพลังปราณ “เจ้าเป็นสัตว์เลี้ยงของข้า ไม่ใช่สตรี ข้าจะขี่เจ้าเมื่อไหร่ก็ย่อมได้ เจ้าไม่พ้นเงื้อมมือของข้าหรอก อวี่เอ๋อร์” ชายหนุ่มล้มตัวลงนอนกอดร่างบางที่นอนร้องไห้สะอึกสะอื้นตัวสั่นอยู่บนเตียง ‘ข้าเกลียดท่าน ปีศาจใจร้าย!’ อวี่เอ๋อร์ได้แต่ตัดพ้อในใจ หลับตาลงพร้อมกับน้ำตาที่ไหลริน หลังจากที่ถูกองค์ชายปีศาจขืนกายและจิตใจ เจียวอวี่ก็เกิดความคิดว่าอยากจะหลบหนีไปจากสถานที่แห่งนี้ให้รู้แล้วรู้รอด แต่ว่านางจะไปที่ไหนดี จะกลับสวรรค์ชั้นฟ้าก็ไม่ได้ คงมีแต่โลกมนุษย์ที่พอจะหลบหนีไปซ่อนตัวได้ แต่ด้วยพลังปราณยุทธ์ที่นางมีอยู่ตอนนี้ไม่อาจจะสามารถฝ่ามนตรากักขังขององค์ชายปีศาจที่ร่ายเวทปกคลุมวังเป่ยเปียนไปได้ ต้องหาวิธีกลบกลิ่นไอเทพและซ่อนเร้นกายออกไปจากดินแดนปีศาจนี้ โดยอาศัยการหลบหนีผ่านประตูมิติที่เชื่อมสามภพไว้ด้วยกัน เจียวอวี่นอนตะแคงข้างกอดผ้าห่มแน่น ขอบตาร้อนจนน้ำใส ๆ ไหลลงที่หางตา ชายหนุ่มที่นอนกอดร่างบางอยู่ในอ้อมกอดสัมผัสได้ถึงร่างกายสาวที่สั่นเทาเล็กน้อยจึงรีบกระชับอ้อมกอด “เจ้าเป็นอะไรเจียวอวี่ เจ็บมากหรือไม่” จิ่นเหิงกระชับอ้อมกอดอุ่น ซุกใบหน้าคมที่ซอกคอด้านหลังของหญิงสาว “ฮึก” เสียงเจียวอวี่กลั้นเสียงร้องไห้ “ข้าขอโทษที่ทำรุนแรงกับเจ้า” จิ่นเหิงรู้สึกใจอ่อนยวบเมื่อได้ยินเสียงหญิงสาวในอ้อมกอดแอบร้องไห้สะอึกสะอื้นเบา ๆ เจียวอวี่ไม่ยอมตอบร่างสูงที่ซุกหน้ากอดอยู่ด้านหลัง ทำให้ชายหนุ่มต้องจับไหล่ร่างบางพลิกตัวให้หันหน้ามา “อย่าร้องไห้” จิ่นเหิงใช้นิ้วมือขวาปาดน้ำใสที่หางตาให้หญิงสาวอย่างทะนุถนอม ร่างบางไล่สายตาขึ้นสบดวงตาสีแดงเพลิงของชายหนุ่มช้า ๆ ในแววตาของหญิงสาวฉายแววสับสนอยู่ครู่หนึ่งด้วยความหวั่นไหวในใจที่ถูกชายหนุ่มทำดีด้วย “ท่านไม่ต้องมาทำดีกับข้าหรอกเจ้าค่ะ ถ้าท่านไม่ได้รักหรือชอบข้า ขอให้ท่านปล่อยข้าไปได้ไหมเจ้าคะ” เจียวอวี่เปิดใจพูดความต้องการในใจออกไป ชายหนุ่มชะงักมือนิ่งค้างเมื่อได้ยินคำที่หญิงสาวตรงหน้าเอ่ยขอเขา ดวงตาหงส์สีน้ำตาลเข้มจดจ้องร่างสูงตรงหน้าอย่างจริงจัง “เจ้า...” จิ่นเหิงเกิดอาการจุกที่กลางอกเหมือนถูกไฟจากภูเขาปีศาจแผดเผาก็ไม่ปาน มันช่างรู้สึกแสบร้อนกลางอกเหมือนจะระเบิด เลือดลมในกายผันแปรขึ้นมาทันใด “องค์ชาย! ท่านเป็นอะไรเจ้าคะ” เจียวอวี่ตกใจที่ชายหนุ่มมีสีหน้าเหมือนเจ็บปวดเจียนตาย บริเวณมุมปากมีเลือดไหลออกมาคล้ายปราณยุทธ์เกิดความแปรปรวน “ข้าไม่เป็นอะไร” จิ่นเหิงหลับตาลง พยายามข่มอารมณ์ที่อยู่ ๆ ก็เกิดแปรปรวนขึ้นมา เพียงแค่ชายหนุ่มได้ยินคำขอจากปากของหญิงสาวที่เอ่ยว่าอยากจะจากไป “ไม่จริง ข้าไม่เชื่อ ท่านพี่อย่าเป็นอะไรนะเจ้าคะ” เจียวอวี่ที่อยู่ ๆ ก็เกิดใจเสียเผลอเรียกชายหนุ่มตรงหน้าด้วยประโยคสนิทสนม นัยน์ตาหงส์เอ่อคลอไปด้วยหยดน้ำใสจนคล้ายจะร้องไห้อีกหน “ข้าโดนพิษ เจ้าต้องช่วยข้า” จิ่นเหิงเอามือขวากุมที่หน้าอก สีหน้าและแววตามีอาการคล้ายคนเจ็บปวดเจียนตาย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม