“ไง”
คำทักทายสั้นห้วน ทำคนถูกทักอ้าปากพะงาบๆ เหมือนตกอยู่ในอาการเครื่องรวน พอมันตั้งสติได้ ไอ้หนุ่มนั่นก็รีบกลับหลังหันทันที โชคดีที่พีกับเทาในตอนนั้นกำลังมองเราทั้งคู่อยู่ด้วย มือที่ไวกว่าใครของไอ้เทาจึงสามารถคว้าชายเสื้อสีขาวสะอาดของเขาเอาไว้ได้ทัน
“มึงจะไปไหน?” มันเอ่ยปากข่มเสียงเข้มพร้อมทั้งออกแรงกระตุกแรงๆ จนคนถูกกระทำเซถอยหลังกลับมาที่โต๊ะ “เพื่อนกูคุยด้วย จะเดินหนีทำห่าอะไร?”
“ผะ… ผมอบขนมเอาไว้ในตู้ ต้องรีบไปเอา!” ยิ่งได้ฟังเสียงลนลานของเขา มันก็ทำให้หุบยิ้มไม่ได้ สภาพและท่าทางไม่ได้ต่างไปจากตอนนั้นเลย อยากรู้จริงๆ ถ้าเจอหนักกว่านี้ หมอนี่จะเป็นยังไง
“เฮ้ย!” ฉันตะคอกเสียงเรียก ก่อนจงใจถามเข้าประเด็น “เมื่อวานเอ็งพูดไรกับข้าไว้นะ?”
“ไอ้ห่านี่อ่อวะ ที่พูดจาไม่ดีกับมึงเมื่อวาน?!” ส่วนผลตอบรับจากไอ้พีก็ดีเยี่ยม มันรีบลุกพรวดพราดจากที่นั่งของตัวเอง ตรงเข้ากระชากคอเสื้อของเด็กหนุ่มตรงหน้าทันทีแบบไม่ต้องรอคำสั่ง
ฉันไม่ได้นัดให้ไอ้พีทำแบบนี้หรอกนะ แต่ที่มันทำ เป็นเพราะว่าพวกเขาทั้งสองคนมีหน้าที่ดูแลรุ่นลูกตามอย่างที่พ่อทำต่างหาก
“เฮ้ย! อะไรของพวกพี่วะเนี่ย!” เด็กหนุ่มเริ่มโวยวาย เมื่อตัวเองกำลังตกเป็นเหยื่อ เห็นไอ้พีเป็นคนตลกโปกฮาแบบนี้ เอาเข้าจริงมันเป็นคนเลือดร้อนมากนะ และความเลือดร้อนของมันนั่นแหละ ทำให้มือที่กำลังกระชับคอเสื้อของผู้ชายคนนั้นยิ่งรัดแน่นเข้าไปใหญ่
“มึงพูดอะไรไม่ดีใส่ลูกพี่กูวะ?” ไม่ใช่แค่การบีบรัดคอเสื้อ แต่ไอ้พียังตะคอกเสียงขู่ โดยได้รับการช่วยเหลือจากเทา ที่เริ่มรวบรัดตัวของเขาเอาไว้แน่น
“อะไรพี่! ไม่มี ผมขอโทษ!”
“ไม่มีแล้วพูดขอโทษทำห่าไร!?” เสียงตะคอกข่มขู่ของไอ้พีพาให้บรรยากาศนอกตัวร้านเริ่มเปลี่ยนไป สิ่งที่ลูกค้าภายในร้านกำลังสนใจ ไม่ใช่ฉันอีกต่อไปแล้ว แต่ดูเหมือนจะเป็นอันธพาลสองคนซึ่งกำลังรุมพนักงานของร้านอยู่ต่างหาก
“กะ เกิดอะไรขึ้นครับคุณลูกค้า!” เสียงวิตกกระวนปนเสียงหอบดังขึ้นจากชายอีกคนในชุดที่ดูคล้ายๆ กัน บนหน้าอกมีป้ายกำกับว่า ‘บาริสต้า’ ฉันเลื่อนสายตามองป้ายที่หน้าอกของเขา จงใจพาดขาขึ้นกับโต๊ะ และเอ่ยปากถาม
“เอ็งเป็นใคร?”
“ผมเป็นเจ้าของร้านครับ ส่วนนั่นน้องชายผมเอง ไม่ทราบว่าพวกคุณมีเรื่องอะไรกันอย่างงั้นเหรอครับ?”
แม้ว่าท่าทีของพวกเราทั้งสามคนจะดูค่อยข้างหาเรื่องและนักเลงแค่ไหน แต่บุคคลซึ่งอ้างตัวว่าเป็นเจ้าของร้านยังคงพูดจาด้วยมารยาทที่ดี แถมยังให้เกียรติลูกค้านิสัยเสียเอาเสียมากๆ
“ไม่ได้มีปัญหาอะไรกันหรอก” ฉันตอบห้วนๆ และยอมลดเท้าที่ยกพาดขึ้นกับโต๊ะลง ความจริงแล้วฉันก็แค่อยากรู้สึกแกล้งคนเท่านั้นเอง ไม่ได้อยากจะหาเรื่องหรือพังร้านใครจริงๆ จังๆ สักหน่อย
ร่างกายขยับลุกขึ้นจากเก้าอี้โดยอัตโนมัติโดยมีสายตาของผู้เป็นเจ้าของร้านมองมาตลอดเวลา สายตาเลื่อนจากสีหน้าเป็นกังวลของเจ้าของร้านมาที่เพื่อนสนิทสองคน จากนั้นก็ตามมาด้วยคำพูดสั้นๆ
“เฮ้ย! ปล่อยมัน” พีแสดงสีหน้าประหลาดใจ หันขวับมองฉันอย่างงงๆ ต่างจากเทาที่ยอมปล่อยมือที่รวบร่างของเด็กหนุ่มคนนั้นออกอย่างว่าง่าย
“อ้าวเฮ้ย ทำไมอ่ะ ไม่อัดมันสักหมัดอ่อ?” ฉันไม่ได้ตอบอะไรไอ้พีออกไป แต่เลือกที่จะเป็นฝ่ายพุ่งมือคว้าคอเสื้อของเด็กหนุ่มที่เป็นเป้าหมายแน่น
“เอ็งชื่ออะไร?” ฉันถามสั้นๆ พร้อมเหยียดยิ้มมุมปากอย่างชอบใจ ยิ่งเห็นคนในกำมือแสดงท่าทางอ่อนหัดให้เห็น ฉันก็ยิ่งรู้สึกอยากแกล้งมากกว่านี้ ให้สมกับความเซ็งที่หมอนี้มอบให้ฉันเมื่อวานตลอดช่วงบ่าย
คนถูกถามลังเลเล็กน้อย เขาเหลือบตามองบุคคลซึ่งแทนตัวว่าเป็นพี่ชาย จากนั้นก็ตอบ
“กะ กุ๊ก!” พอได้ฟังคำตอบอันน่าพอใจ ฉันจึงยอมปล่อยมือออก แล้วเดินกลับไปนั่งที่ของตัวเองโดยไม่ลืมจะบอกให้เพื่อนรักทั้งสองคนซึ่งกำลังแปลกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นทำตาม
“พวกเอ็งจะกินไร ข้าเอาเอสเพรสโซ่แก้วหนึ่ง” ด้วยน้ำเสียงและท่าทีของฉันซึ่งทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นล่ะมั้ง มันก็เลยทำให้หนุ่มขี้สงสัย เลือดในกายร้อนผ่าวแบบไอ้พีถามเสียงดัง
“อะไรวะเก้า! ไหนว่าจะอัดให้มันไปไม่เป็นไง!?” เสียงฮือฮาดังขึ้นอีกระรอกเมื่อไอ้พีพูดจบ ส่วนบุคคลที่ถูกพูดถึงอย่างกุ๊ก(เรียกตาม) ก็ทำได้เพียงแค่ยืนจ๋อย ทำสีหน้าหวาดระแวงกับสิ่งที่อาจเกิดขึ้นกับตัวเอง
วูบหนึ่งที่ฉันเหลือบมองหน้าไอ้พียิ้มๆ การกระทำเพียงแค่นั้นก็เลยทำให้มันเงียบปากลง และแล้วสายตาก็ค่อยๆ กลอกตาไปที่เป้าหมาย
“อัดเอิดอะไรกัน?”
ฉันยิ้มเมื่อมีโอกาสสบตากับกุ๊กอีกรอบ แล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดังฟังชัด
“ข้าทำร้ายร่างกายว่าที่เมียไม่ลงหรอก J”
“กรี๊ดดดด แกสุดหล่อคนนั้นเป็นเกย์!”
“หล่อๆ แบบนั้นถ้าไม่มีแฟนคงแปลก น่าตกใจเนอะดันมีเมียเป็นผู้ชาย กรี๊ดด!”
หลังจากลั่นวาจาเด็ดออกไป เสียงฮือฮาของคนในร้านก็ดังให้แซ่ด แน่นอนว่าหัวข้อที่คนพวกนั้นพูดถึงกันคงไม่พ้นหัวข้อเรื่อง ‘เกย์’ ไม่แปลกหรอกที่คนนอกจะตกใจเมื่อได้ฟังแบบนั้น เพราะพวกเขามองแค่รูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น
อาการตกใจดังกล่าวเกิดขึ้นกับทุกคน รวมไปถึงเพื่อนสนิทของฉันสองคนที่ตอนนี้นั่งทำหน้าเหวอกับสิ่งที่ได้ยิน ก็แน่ล่ะ ในเมื่อที่ตรงนี้มีแค่ไอ้พีกับไอ้เทาเท่านั้นที่รู้และเชื่อมาตลอดว่าฉันเป็นผู้หญิง
ที่ดูจะตกใจอย่างขีดสุด จนผิวสีน้ำผึ้งซีดเผือดก็คงไม่พ้นบุคคลซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นเมียอย่างกุ๊ก ซึ่งกำลังสีหน้าเลิกลักแสดงความตกใจอย่างขีดสุด ยืนเหงื่อแตกในอาการเกร็งจัดอย่างคนหมดคำพูด แถมยังทำสายวอกแวกอยู่ตลอดเวลาคล้ายกับอับอาย
“พี่พูดบ้าอะไรวะ!?” แถมยังมีปฏิกิริยาตอบโต้กลับมาได้น่ารักโคตรๆ น้ำเสียงร้อนรนแสดงอาการลนลานนี่แหละที่ฉันอยากแกล้งให้หมอนี่หลาบจำ “ไปตายห่าที่ไหนก็ไปเลยไป!”
แต่ดูเหมือนความเป็นลูกผู้ชายซึ่งต่อต้านความเป็นเกย์ของเขาจะเยอะไปหน่อย เลยทำให้หมอนี่ชักเริ่มพูดจาหยาบคายออกมา ต่อหน้าสาธารณะชน แต่เชื่อเถอะคำพูดหยาบโลนของลูกผู้ชายฉันทำอะไรไม่ได้หรอก
เหตุผลก็อย่างที่รู้ๆ กัน…
“มึงไล่ใครไปตาย ไอ้เด็กห่านี่!” ไอ้พีตะคอกเสียงพร้อมทั้งดีดตัวลุกจากที่นั่ง ทั้งที่ตอนแรกมันดูจะงงๆ กับสิ่งที่ฉันพูดอยู่ก็เถอะ แต่โรคปกป้องเพื่อนของมันก็แก้ไม่หายอยู่ดี
ฉันเองก็ไม่รอช้า รีบลุกจากที่นั่งตรงดิ่งเข้าหากุ๊กทันทีเช่นกัน เขาดูตกใจเมื่อตัวเองเป็นฝ่ายถูกรุมอีกครั้งพร้อมทั้งรีบสาวเท้าถอยหนีจนแผ่นหลังชิดไปกับผนังของตัวร้าน
ตึงง!!
ฝ่าเท้าบรรจงถีบกระแทกเฉียดต้นขาคนตรงหน้าไปเล็กน้อย ทันทีที่เข้าประชิดตัวได้สำเร็จ ฉันฉีกยิ้ม จดจำทุกสีหน้าหวาดระแวงของเด็กตรงหน้าอย่างพึงพอใจ ก่อนเอ่ยปากพูดออกไปในลักษณะยียวน
“ถ้าข้าตาย เอ็งจะชวดการมีสามีเป็นตัวเป็นตนนะ” คนฟังกัดฟันกรอดคล้ายกับเจ็บใจ แต่เพราะไม่มีทางต่อกรหรือตอบโต้กลับมาได้ เขาจึงทำได้แค่กำมือตัวเองแน่นจนสั่นไปหมด
“เอ่อ คุณลูกค้าครับ ผมว่าใจเย็นๆ กันก่อนนะ” บุคคลซึ่งอ้างตัวว่าเป็นเจ้าของร้านและดูเหมือนว่าจะยืนมองสถานการณ์อยู่นาน กล่าวแทรกขึ้น เพื่อยุติสถานการณ์น่าเป็นห่วงตรงหน้าลง ให้เดาเขาคงจะเป็นห่วงน้องชายตัวเองซึ่งกำลังถูกหาเรื่อง
“กรุณาอย่าทำให้ลูกค้าคนอื่นๆ ในร้านตกใจเลย” เขาว่า
“เอางั้นก็ได้ แต่มีข้อแลกเปลี่ยน…” ฉันแทรกเสียงตอบกลับไปอย่างทันควัน หันมองหน้าชายหนุ่มอีกคนช้าๆ พร้อมด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร
คนถูกมองสะดุ้งเฮือก แสดงสีหน้าแปลกใจ แต่ก่อนที่เขาจะถามอะไรออกมา ฉันจึงชิงพูดออกไปก่อน
“ขอแลกเปลี่ยนก็คือ โต๊ะ 3 ขอบริการพิเศษจากเด็กคนนี้ ให้-ได้-ใช่-ป่ะ?”
การเน้นกระแทกเสียงในช่วงท้ายประโยค ทำเจ้าของร้านกลืนน้ำลายลงคอดังอึกใหญ่ สายตาจ้องฉันสลับกับหน้าน้องชายตัวเองไปมา ก่อนเค้นเสียงตอบกลับมาแบบหวั่นๆ
“ดะ ได้ครับ!”