บทที่ 3

2084 คำ
‘พี่จะทำอะไร อย่าเข้ามานะเว้ย!’ “เมื่อกี้เอ็งชี้หน้าข้าทำไม?” คำถามแรกถูกถามออกไปทันทีเพื่อให้คลายข้อสงสัยเมื่อเราทั้งคู่ทิ้งระยะห่างจากกันเพียงเล็กน้อย “แล้วพี่อ่ะ ตามผมมาทำไม?” ส่วนหมอนั่นก็ย้อน เมื่อไม่ได้คำตอบ เท้าทั้งสองข้างจึงเริ่มก้าวเข้าไปหาอีกครั้ง เพื่อเร่งเอาคำตอบจากปากนักศึกษาชายคนดังกล่าวในระยะประชิด รู้อะไรไหม? ยิ่งฉันเดินเข้าใกล้เขาเท่าไหร่ เขาก็รีบถอดกรูดหนีเท่านั้น จนกระทั่งแผ่นหลังของหมอนั่นแนบสนิทไปกับกรงเหล็กสำหรับเก็บอุปกรณ์กีฬา เอาจริงๆ การวางก้ามไม่ใช่นิสัยส่วนตัวหรอก ปกติแล้วไม่ค่อยชอบเอาอำนาจของพ่อมาใช้ข่มใคร คนส่วนใหญ่มักเกรงใจกันไปเอง เมื่อได้ยินนามสกุล แต่การที่ถูกหมอนี่ชี้หน้าแล้วไม่ได้คำตอบ มันก็เป็นอีกเรื่อง ตึงง! ฉันกระแทกฝ่ามือลงกับซี่กรงเก็บอุปกรณ์ข่มขวัญอีกฝ่ายเล็กน้อยเมื่อเข้าประชิดตัวนักศึกษาชายตรงหน้าได้สำเร็จ อาจเป็นเพราะความสูง เขาเลยดูตัวเล็กกว่าฉันนิดหน่อย แถมสายตาที่เขาใช้มองตอนนี้เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ดูจากท่าทางแล้ว เขาเหมือนกับพวกขี้ขลาดที่ไม่น่ามีเรื่องกับใครง่ายๆ แต่ไอ้ที่ข้องใจน่ะ มันก็เรื่องชี้หน้านั่นแหละ “ถามว่า เมื่อกี้เอ็งชี้หน้าข้าทำไม?” ฉันจงใจกล่าวถามออกไปอีกครั้งด้วยน้ำเสียงกดต่ำอย่างใจเย็น หรี่สายตามองลึกผ่านนัยน์ตาเรียวรีตรงหน้าเพื่อเค้นคำตอบ ทว่า อีกฝ่ายดันเอาแต่หลบสายตา “ตะ ตอนแรกชี้บอกทาง… แต่พอหันไปแล้วดันไปเจอพี่ผมเลยตกใจ” มันรัวคำตอบออกมาไวเสียยิ่งกว่า3G แถมยังเอาแต่กอดแฟ้มเอกสาร และคอยหลบหน้าอยู่ตลอดเวลาคล้ายกับกลัวอะไร ทั้งท่าทาง และน้ำเสียงเสมือนคนกลัวจัด มันก็เลยทำให้ฉันอดถามออกไปอีกหนไม่ได้ “ทำไมเห็นข้าแล้วต้องตกใจขนาดนั้น?” “พี่ก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจป่ะวะ!” มันตะคอกเสียงตอบอย่างทันควัน ในอาการตัวสั่นเกร็ง แถมยังเอี้ยวตัวหลบในทุกครั้งที่ฉันโน้มหน้าเข้าไปฟังคำตอบใกล้ๆ คล้ายกับรังเกียจหรือไม่ก็หวาดกลัว “อย่าเข้ามาใกล้ดิ!” แถมยังตะคอกไล่อีก หมอนี่ตัวยังสั่นเหมือนลูกเจี๊ยบเลย… “ไม่รู้ ที่ถามเพราะต้องการให้เอ็งตอบ” วูบหนึ่งที่คนตรงหน้าตวัดหางตามองฉัน คล้ายกับว่านั่นคือที่สุดของความกล้าเขาแล้ว ซึ่งนั่นทำให้ฉันสามารถมองเห็นองค์ประกอบทั่วใบหน้าได้อย่างเต็มตา นัยน์ตาคมแต่ดันฉายแววของความหวาดกลัว คิ้วเข้มๆ ขมวดชิดกันเพราะความหวาดเกร็ง จมูกโด่งเป็นสันกับริมฝีปากบางได้รูป ใบหน้าคมคายรับกับผมสีอ่อนซอยสั้นเข้าทรง เป็นผู้ชายที่ตัวเล็กจังเลยนะ... หลังจากมองสำรวจทั่วใบหน้าเขาครู่สั้นๆ ก็เลยลองเอ่ยปากเร่ง “ตอบเร็ว ว่าทำไมต้องทำท่าตกใจขนาดนั้นด้วย?” “ก็พี่แม่งวิ่งไล่ตามเหมือนจะฆ่าทิ้งงั้นอ่ะ ไม่ให้ตกใจกลัวได้ไงวะ!?” “หมายถึงก่อนหน้านี้ ไม่ใช่ตอนนี้” ฉันย้อน “กะ ก็เมื่อคืน...” คราวนี้น้ำเสียงของเขาตะกุกตะกักเหมือนลังเลอะไร “เมื่อคืนทำไม?” ฉันก็เลยถามขัด “โธ่เว้ย!” คราวนี้เขาเริ่มจะแสดงท่าทีฟึดฟัดออกมาให้เห็นบ้างแล้ว หลังจากทำท่าทีอึกอักมาสักพัก นักศึกษาตรงหน้าขมวดคิ้วคล้ายกับหงุดหงิด ก่อนใช้มือผลักไหล่ฉันให้ถอยห่าง “ไม่มีใครชอบที่ต้องมาจูบกับผู้ชายด้วยกันหรอกพี่” เขาพูดด้วยน้ำเสียงกดต่ำ ราบเรียบ และไม่ได้มองหน้าฉัน “แม่งขนลุกว่ะ...” ส่วนนั่นก็คงเป็นคำตอบที่ฉันอยากรู้... “ผมบอกพี่ตรงนี้เลยนะ ว่าผมอ่ะชอบผู้หญิง ถ้าพี่อยากมีเมีย รบกวนไปป้ายหน้า” ฉันค่อยๆ ลดมือที่ทาบกับกรงอุปกรณ์ลง มองเขาซึ่งอาศัยจังหวะในตอนนั้นเดินเฉียดแขนฉันออกไป แต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรมันก็เป็นเขานั่นแหละที่ชิงพูดออกมาเพื่อตัดบท “ถะ ถ้าพี่ไม่ธุระอะไรแล้ว ผมขอตัว” ไม่ใช่แค่พูดแต่เขายังรีบจ้ำเท้าเดินตรงไปยังทางออกของห้องเก็บอุปกรณ์อย่างรีบร้อน เขาไม่หันกลับมามองฉันเลยแม้แต่เพียงหางตา แถมยังแบ่งชั้นวรรณะเรื่องเพศออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน ท่าทางที่หมอนี่แสดงออกมา บ่งบอกได้ชัดเจนว่าเขาเป็นหนึ่งในคนหมู่มากที่ยังโง่อยู่และเชื่อมั่นว่าฉันเป็นผู้ชาย และคำพูดพวกนั้นมันก็ทำให้ฉันรู้ว่าเขาคือผู้ชายคนเดียวกับที่ฉันเจอเมื่อคืนก่อน “เฮ้ย!” ฉันพยายามตะโกนเรียกเขาให้หยุด เพื่อจะอธิบายให้เข้าใจ เพื่อที่หลังจากนั้นจะได้กล่าวคำขอบคุณเรื่องเมื่อคืนไปด้วย แต่ อีกฝ่ายกลับยกแฟ้มเอกสารชูขึ้นเล็กน้อยเพื่อเบรกขัด ขณะทั้งยังคงจ้ำเท้าเดินต่อไป “ผมต้องรีบเอกเอกสารพวกนี้ไปให้อาจารย์… เราไม่มีอะไรต้องคุยกันอีก” ถึงเขาจะลั่นวาจาออกมาแบบนั้นแล้วก็เถอะ แต่ดูเหมือนว่าปากจะพูดไม่ยอมหยุดคล้ายกับอัดอั้นตันใจอะไรมานาน “ส่วนเรื่องคืนนั้นผมจะคิดซะว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น ผมจะไม่บอกใคร ไม่มีทาง และไม่มีวันพูดเรื่องขยะแขยงนั่น” “…” “อ้อ! ผมว่าวันนี้ผมพูดทุกอย่างชัดเจนแล้วนะ…หวังว่าผมคงไม่ถูกตาม และเราคงจะไม่เจอกันในมหาวิทยาลัยอีก” สิ้นเสียงนักศึกษาชายคนดังกล่าวก็รีบวิ่งใส่เกียร์หมาออกจากห้องเก็บอุปกรณ์ไปทันทีแบบไม่รอต่อยอดอะไรต่อ ประโยคยืดยาวถัดมาของเขาเหมือนพูดตัดบทให้มันจบๆ ไป ทำฉันพูดอะไรไม่ออก ไม่ได้ช็อกที่ถูกหมอนั่นต่อว่าแซกหน้าด้วยทีท่ารังเกียจ เพราะไม่แปลกถ้าหมอนั่นจะเข้าใจผิดว่าฉันคือผู้ชาย แต่ที่ไม่ได้พูดอะไรออกไปเลยแม้แต่วลีเดียวเป็นเพราะคำพูดที่ดูเหมือนปฏิเสธทุกความสัมพันธ์ แม้แต่มิตรภาพต่างหาก อาจเป็นเพราะว่าตลอดชีวิตฉันอยู่ท่ามกลางความชื่นชอบและเป็นที่นิยมล่ะมั้ง เพราะไม่เคยคิดจะปฏิเสธสิ่งที่คนรอบข้างหยิบยื่นให้ เลยไม่เคยถูกใครพูดจาเหมือนรังเกียจและต่อต้านมากขนาดนี้มาก่อน โอเค! หมอนั่นพูดแบบนั้นเพราะเขาอาจจะคิดว่าฉันเป็นผู้ชาย แต่ท้ายที่สุดแล้วฉันก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่งปะวะ? เวรเอ้ย!! วันเดียวกัน @บ่อนพ่อของเก้า เวลา 13.50 น. “วู้ว! ฝีมืออ่อนนะไอ้เทา!” เสียงของไอ้พีที่ดูดีอกดีใจ เมื่อการยิงลูกสนุ๊กของเทาพลาดหลุม มันตั้งท่าวางมือก่อนแทงไม้ในมือส่งลูกสีแดงลงหลุมได้อย่างแม่งยำ คล้ายกับจะเกทับ ปกติแล้วฉันน่าจะรู้สึกหมั่นไส้ไปกับน้ำเสียงและท่าทางอวดเก่งของไอ้พีแท้ๆ แต่เชื่อไหม หลังจากเหตุการณ์ในห้องเก็บอุปกรณ์ตอนนั้น มันพานให้รู้สึกเบื่อหน่ายทุกสิ่งทุกอย่างไปหมด “เก้า ไม่เล่นอ่อ?” เสียงของไอ้เทาดังถามขึ้น ส่วนฉันก็ได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ แทนคำตอบ ไอ้เทาหันมองหน้าไอ้พี และวางไม้สนุ๊กลงบนโต๊ะสักหลาด(อ่านว่าสัก-กะ-หลาด) เดินตรงมาทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตัวยาวข้างๆ พร้อมด้วยคำถาม “เป็นไรวะ?” “ใครทำลูกพี่เบื่อ ไหนบอกพีสิ” น้ำเสียงล้อเล่นของไอ้พีดังแทรก ขณะเดินอ้อมโต๊ะเข้ามาหา พอถูกถามหนักเข้าฉันก็เลยเปิดปากตอบ “เด็กในมหาวิทยาลัยคนหนึ่ง” “ไอ้ที่มึงทิ้งรถแล้ววิ่งตามมันไปน่ะนะ?” ฉันพยักหน้าส่งๆ ตอบคำถามของเทา และนั่นทำให้พวกมันพร้อมใจกันขมวดคิ้วย่นชิดเป็นปนแทบพร้อมกัน “กระทืบไหมล่ะหรือเอาไง?” คราวนี้ไอ้พีเสนอ “ไม่อ่ะ ยังก่อน” “อะไรทำให้มึงเซ็งเด็กคนนั้นได้มากขนาดนี้วะ?” ไอ้พีถามอีกครั้ง พลางเอื้อมมือหยิบขวดโออิชิขึ้นกระดกดื่มแก้กระหาย “ไอ้เด็กรุ่นน้องนั่นมันพูดจาเหมือนรังเกียจข้าว่ะ” มีคนบอกไว้ว่า หากเรามีเรื่องทุกข์ใจอะไร ให้ระบายกับคนที่ไว้ใจหรือเพื่อนสนิทที่เชื่อถือได้ ฉันก็เลยไม่มีเหตุผลอะไร ที่จะไม่เล่าให้ไอ้เทาและไอ้พีฟัง “มันพูดทำนองเข้าว่ามันไม่ใช่เกย์… ไม่ต้องไปให้มันเห็นหน้าอีก พูดเหมือนข้าจะปล้ำมันงั้นอ่ะ” “อ้าวไอ้เด็กเวรนั่น ชักเยอะไปแล้ว” ไอ้พีสบถ “ทำไมเขาถึงคิดว่ามึงจะไปปล้ำเขาล่ะ แล้วไอ้ที่วิ่งตามมันไป มึงทำเพื่อ?” เทายิงคำถามรัวๆ เสียงเรียบ สายตาจับจ้องหน้าฉันคล้ายกับสงสัย “เป็นพวกเอ็งพวกเอ็งจะทำไง อยู่ๆ เจอนักศึกษาชี้หน้าใส่ มันก็ต้องเข้าไปถามป่ะวะว่าชี้หน้าทำไม?” ฉันกลอกตามองหน้าเพื่อนสนิทสองคนไปมาเพื่อดูการตอบสนอง ไอ้พีพยักหน้าเล็กน้อยขณะยกโออิชิขึ้นกระดกอีกครั้ง และเมื่อไม่มีใครพูดออกมา ฉันจึงพูดต่อ “ส่วนเรื่องที่มันคิดว่าจะถูกข้าปล้ำ คงเพราะเมื่อคืนก่อนโดนข้าจูบไปมั้ง…” “พรวดดดดดดดด!” ไอ้พีพ่นน้ำเสียงดังคล้ายกับคนช็อกถึงขั้นสุด ทำให้พื้นที่ตรงนั้นเปียกไปหมดจนต้องต่อปากว่า “เล่นห่าไรเนี่ยไอ้พี สกปรกว่ะ!” คนถูกว่ารีบวางขวดน้ำลงกับโต๊ะ ยกมือขึ้นปาดคราบน้ำรอบปากตัวเอง และถามออกมาด้วยน้ำเสียงตกใจอย่างสุดๆ ว่า “มึงจูบกับผู้ชายเหรอเก้า!!!?” “ก็เออไง” ฉันตอบเสียงหนักแน่น ก่อนจะรู้สึกตัวว่ากำลังถูกเทาจับจ้องสายตามองมาด้วยท่าทีนิ่งๆ เลยต้องพูดเสริมก่อนที่พวกมันจะคิดลึกกันไปมากกว่านี้ “ก็ที่บอกไง ว่าเมื่อคืนก่อนข้ายืมมือคนช่วย เลยรอดมาได้” “สรุปคนที่ถูกยืมมือคือนักศึกษาคนนั้น?” เทาที่เงียบไปครู่ใหญ่ถามขึ้นอีกครั้ง น้ำเสียงจริงจัง “แต่มันถึงขั้นต้องจูบกันเลยเหรอวะ?” “ใช่ ตอนนั้นมันไม่มีทางเลือกนี่หว่า” ฉันถอนหายใจทิ้งเบาๆ ด้วยอารมณ์เบื่อหน่ายอย่างสุดๆ และพึมพำออกมา “ตอนแรกข้าไม่รู้หรอกว่าเป็นไอ้เด็กนั่น ไอ้ตอนรู้ก็ตกใจนะ เลยกะว่าจะขอบคุณสักหน่อย แต่…” ‘ส่วนเรื่องคืนนั้นผมจะคิดซะว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น ผมจะไม่บอกใคร ไม่มีทาง และไม่มีวันพูดเรื่องขยะแขยงนั่น’ ‘หวังว่าเราคงจะไม่เจอกันในมหาวิทยาลัยอีก’ โธ่เว้ยพอนึกคำพูดประโยคนั้นขึ้นมาแล้วหน้ามันก็ชาไม่หาย พลอยทำให้ต้องเงียบเสียงลงไปด้วย “ไอ้เด็กนั่นมันพูดใส่มึงว่าไงนะ?” คงเพราะฉันเงียบไป ทิ้งท้ายคำพูดไว้ค้างๆ คาๆ ล่ะมั้ง ไอ้เทาที่เหมือนจะสนใจและตั้งใจฟังอย่างสุดๆ จึงถามออกมาแบบนั้น “ช่างเถอะ ก็แค่ประสบการณ์เฮงซวย” จริงอยู่ที่ตอนแรกคิดว่าจะไม่อะไร แต่พอในหัวนึกถึงสีหน้าตอนที่มันคิดว่าตัวเองกำลังจะถูกรุกรานแบบนั้นขึ้นมาแล้ว ในหัวมันก็เริ่มจะเปลี่ยนความคิดขึ้นมากะทันหัน ยิ่งนึกถึงแววตาร้อนรนหมดทางหนีในตอนนั้นด้วยแล้ว ฉันก็ชักอยากรู้เหมือนกันว่า ถ้าตอนนั้นฉันไม่ปล่อยไป หมอนั่นยังจะกล้าพูดจาอวดดีแบบนั้นอีกหรือเปล่า “สรุปจะเอาคืนมันป่ะเก้า?” และนี่คงเป็นครั้งแรก ที่พอฟังคำถามของไอ้พีแล้วรู้สึกว่ามันถามได้ถูกเวลา บอกเลยว่าคนอย่างนพเก้าไม่เคยหาเรื่องใครก่อน แต่สำหรับเรื่องแกล้งใครสักคน มันก็อีกเรื่องหนึ่งปะวะ ? “เออเอาดิ! พรุ่งนี้ข้าจะจัดให้ไอ้เด็กนั่นไปไม่เป็นเลย”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม