บทที่ 9
ยิ่งได้เห็นสายตาของอาจารย์ของเธอที่มองมาอย่างเคียดแค้นแล้วหลงเหยียนก็รู้ชะตากรรมของตน
เธอทำความเคารพทุกคนในห้อง ก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้บอดีการ์ดสาวที่ไปส่งเธอที่ห้องพักเมื่อวาน
“นั่งสิ” ศาสตราจารย์จางเอ่ยบอกลูกศิษย์อันดับหนึ่งเสียงห้วน น้ำเสียงที่ไม่เคยใช้ยิ่งทำให้หลงเหยียนเดาไปในทางที่ดีไม่ได้เลย
หลงเหยียนนั่งลงตามที่ศาสตราจารย์จางสั่ง เธอพยายามรักษาสีหน้าให้เป็นปกติ
แม้ในใจจะเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น ศาสตราจารย์จางที่เคยเมตตาและชื่นชมในผลงานของเธอ บัดนี้มองเธอด้วยสายตาแข็งกร้าวและเต็มไปด้วยความเคียดแค้น ยิ่งทำให้เธอรู้สึกว่าชะตากรรมของเธอถูกกำหนดไว้แล้ว
เมื่อเธอนั่งลง บรรยากาศในห้องกลับเงียบงันอย่างไม่สบายใจ หลงเหยียนได้แต่รอคอยอย่างประหม่า รู้ดีว่าคำพูดที่จะหลุดออกจากปากของศาสตราจารย์จางต่อจากนี้จะเป็นสิ่งที่ตัดสินอนาคตของเธอในวงการนี้ ความรู้สึกกดดันหนักอึ้งแทบจะทำให้เธอหายใจไม่ออก
บอดีการ์ดสาวยืนเงียบอยู่ที่มุมห้อง ไม่มีท่าทีเข้ามาแทรกแซง แต่เพียงแค่การมีอยู่ของเธอก็ทำให้หลงเหยียนรู้สึกสบายใจมากขึ้น
“ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้นครับ” หวงต้าลู่เป็นคนแรกที่เอ่ยทำลายความเงียบ ก่อนจะส่งไอแพดราคาเรือนแสนให้คนที่นั่งตัวลีบเล็กที่โซฟาตรงข้าม
ภาพเคลื่อนไหวในหน้าจอทำเอาร่างบางตาเบิกโพลง ใช่จริง ๆ ด้วยเธอถูกผลักตกทะเล
“อย่างที่เห็น เหมือนคนร้ายจะรู้มุมกล้อง แม้จะเห็นว่ามีคนผลักคุณหลงแต่ไม่เห็นใบหน้า” ต้าลู่เอ่ยเสียงเรียบ แต่สายตาจดจ้องไปที่ดวงหน้าซีดเชียว
“ฉัน..ไม่เคยมีความแค้นกับใคร ทำไม…” หลงเหยียนกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ วัน ๆ เธอตั้งหน้าตั้งตาทำงาน มีแต่.. สายตากลมโตหันไปมองอาจารย์ของตน
หากจะมีปัญหาในตอนนี้ก็จะมีเพียงเรื่องที่อาจารย์ยกผลงานเธอให้ว่านหนิง แต่อาจารย์จะถึงกับคิดร้ายกับเธอเลยหรือ หลังจากเรื่องทั้งหมดเธอเองยังไม่เคยปริปากบ่นเรื่องนี้ออกมาสักคำ
ศาสตราจารย์เห็นสายตาลูกศิษย์ก็รีบเอ่ยแก้ตัว "ตอนนั้นฉันอยู่บนเวทีกับว่านหนิง หล่อนอย่ามามองฉันแบบนี้ ที่สำคัญผลงานทั้งหมดฉันก็เปลี่ยนเป็นชื่อหล่อนทั้งหมดแล้ว”
“จริงหรือคะ” หลงเหยียนเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“ก็ใช่สิ” ศาสตราจารย์จางกัดฟันพูด หลังจากงานเลี้ยงจบ ยังไม่ทันเรือจะจอดเทียบท่า นางก็ถูกหวงต้าลู่เรียกไปคุย หากไม่คืนผลงานให้คนที่เป็นคนค้นพบเขาจะยกเลิกการขุดนี้และสั่งให้บริษัทในเครือไม่ให้การสนับสนุนเงินทุนกับนางอีกเลย แม้จะเสียดาย แต่เงินทุนมหาศาลก็ขาดไม่ได้ เอาไว้ค่อยหาผลงานใหม่ให้ว่านหนิงก็แล้วกัน
หลงเหยียนรู้สึกเหมือนมีความหวังที่ถูกจุดขึ้นมาใหม่ เมื่อได้ยินศาสตราจารย์จางยืนยันว่าผลงานทั้งหมดถูกเปลี่ยนเป็นชื่อของเธอแล้ว หัวใจที่เคยหนักอึ้งก็เบาลงไปบ้าง แต่ความสงสัยและความกลัวยังคงไม่จางหายไป
“จริงครับ” หวงต้าลู่ยืนยันเสียงเข้ม ก่อนจะเอ่ยเสริม “คุณไม่ต้องกังวลเรื่องผลงานอีกต่อไป แต่เรื่องที่เกิดขึ้นกับคุณเมื่อคืนนี้เป็นเรื่องใหญ่ คนที่ผลักคุณตกทะเลไม่ได้ทำเพียงเพราะความอิจฉาหรือเรื่องงานเท่านั้น มีบางอย่างที่มากกว่านั้นที่เราต้องหาคำตอบ ตั้งแต่เริ่มขุดมีเรื่องประหลาดเกิดขึ้นมากมาย อย่างที่รู้ดีไม่ว่าจะมีการร้องขอมากี่ครั้ง ตระกูลหวงก็ไม่เคยอนุญาตให้มีการขุดค้น เพราะหัวหน้าตระกูลทุกรุ่นต่างก็ทราบดีว่าหุบเขาแห่งนี้เต็มไปด้วยสิ่งที่มองไม่เห็น”
หลงเหยียนพยายามครุ่นคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นและพยักหน้าน้อย ๆ มีเรื่องราวแปลกประหลาดเกิดขึ้นกับเธอที่ยังหาคำตอบไม่ได้ ชุดมงคลสีแดงที่อยู่ในกล่องที่ห้องของเธอยังหาที่มาที่ไปไม่ได้ แต่ถึงแบบนั้นก็ไม่สามารถหาคำตอบได้ว่าทำไมถึงมีคนคิดร้ายกับเธอขนาดนี้
“ฉัน...ไม่รู้จะขอบคุณคุณหวงยังไงดี” หลงเหยียนพูดออกมาอย่างอึดอัด แต่ก็เต็มไปด้วยความซาบซึ้งในสิ่งที่เขาทำให้เธอ เขาเป็นคนที่มาช่วยกลับดำให้กลายเป็นขาว คงต้องขอบคุณเขาถูกแล้ว
“อย่าเพิ่งขอบคุณผมเลยครับ คุณหลง” หวงต้าลู่ตอบเสียงเบาในกระแสเสียงเต็มไปด้วยความห่วงใย “เรายังไม่รู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ และถ้าเรายังไม่รู้ความจริง คุณก็ยังไม่ปลอดภัย”
เขาผายมือไปยังบอดีการ์ดสาวที่ยืนอยู่ด้านข้าง “อลิซาเบธ ลี บอดีการ์ดฝีมือดีอีกคนของผม เมื่อยังไม่รู้ตัวคนร้าย ผมอยากให้มีคนคอยดูแลคุณ หากส่งบอดีการ์ดคนอื่นมาดูแลคุณคงจะอึดอัด เป็นผู้หญิงด้วยกันน่าจะดีกว่า”
ศาสตราจารย์จางถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง อย่างไรเรื่องนี้ก็เกี่ยวพันถึงชีวิต “เธอต้องระวังตัวให้มากขึ้นหลงเหยียน พวกเราจะช่วยกันหาความจริง แต่เธอเองก็ต้องปลอดภัยไว้เช่นกัน”
หลงเหยียนพยักหน้า สิ่งที่เกิดขึ้นถึงขั้นหมายเอาชีวิต เธอจึงไม่คิดจะขัดกับสิ่งที่หวงต้าลู่เสนอ อีกอย่างเธอเองก็รู้สึกสบายใจที่มีคุณลีอยู่ใกล้ ๆ
ไม่มีการพูดถึงจี้และสร้อยคอ แถมหลงเหยียนยังได้สาวเท่เดินตามหลังออกมาจากห้องพักของศาสตราจารย์จาง และยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่เธออยากทำ และอยากให้มันจบลงในวันนี้