ตอนที่ 8 เขามีแฟนอยู่ก่อนแล้ว
ก๊อก ก๊อก
“ขอโทษค่ะพี่ภีมม์ พอดีพี่ภีมม์ลืมโทรศัพท์ไว้ในห้อง” ฉันเคาะประตูห้องทำงานของพี่ภีมม์ก่อนเดินเข้าไปเอาโทรศัพท์มือถือไปส่งให้เขาที่โต๊ะทำงาน ดูเขามีสีหน้าเอาจริงเอาจังมากเวลาอยู่ต่อหน้าคอมพิวเตอร์ของเขา
“อ่อครับ ขอบคุณ” เขายอมละสายตาจากงานของเขาก่อนเงยหน้าขึ้นมามองฉัน แต่กลับไม่ยอมกดรับสายในทันที ยิ่งทำให้ฉันรู้สึกสงสัยมากขึ้น
“เพื่อนเหรอคะ สวยจัง” ดูเป็นการเสียมารยาทมากสินะที่ฉันพูดประโยคนี้ออกไปเพราะนอกจากพี่ภีมม์จะไม่ตอบคำถามฉัน แถมยังเลิกคิ้วหนา ๆ มองฉัน คล้ายจะถามว่าทำไมฉันยังไม่ออกไปมากกว่า
เออ...ออกไปก็ได้วะ ฉันก็ไม่อยากรู้สักเท่าไหร่หรอก แค่เห็นสายตาก็พาลให้หงุดหงิดฉันเลยเดินงอน ๆ ออกไปแบบไม่พูดอะไรต่อเหมือนกัน
สุดท้ายตอนนี้ฉันต้องกลับออกมาดูทีวีที่หน้าโซฟาตามเดิม ได้แต่เอาคางเกยหมอนอิงแล้วกดเปลี่ยนรีโมตทีวีไปมา บอกตรง ๆ เลยว่าฉันดูไม่รู้เรื่องเอาซะเลย เพราะฉันไม่ได้สนใจภาพจากจอในทีวีเลยสักนิด
นี่ฉันไม่ได้หึงเขาเลยนะ สาบานได้
แต่...แค่รู้สึกไม่พอใจเฉยๆ
ถึงเราจะไม่ได้รักกันแต่อย่างน้อยเราสองคนก็เป็นสามีภรรยากันตามกฎหมายถึงจะไม่ได้รักกันก็เถอะ
ผ่านไปร่วมครึ่งชั่วโมง บังเอิญฉันเห็นว่านาฬิกาตอนนี้เกินเวลาเที่ยงมาแล้ว ฉันเลยเดินเข้าไปเคาะประตูห้องทำงานของพี่ภีมม์อีกครั้ง และเชื่อไหมว่านับจากตอนที่ฉันเอาโทรศัพท์ไปให้จนถึงตอนนี้เขายังไม่ได้วางสายผู้หญิงคนนั้นเลยแม้แต่น้อย คงจะตั้งแต่ฉันออกไป
ทั้งสีหน้าแววตาและรอยยิ้มของพี่ภีมม์ที่กำลังคุยโทรศัพท์กับผู้หญิงคนนั้น ทำเอาฉันทำตัวไม่ถูกจนทำให้ยืนค้างอยู่ที่หน้าประตูตามเดิม ที่สำคัญเขาคุยกับผู้หญิงคนเพลินจนเหมือนไม่รับรู้การมีตัวตนของฉันที่ยืนอยู่ตรงนี้
“มาสิเดี๋ยวพาไปกินข้าวร้านเดิมเลย”
“อืมไม่ได้ไปไหนแล้ว อยากเจอเหมือนกัน”
“อยู่เมืองไทยให้มันนาน ๆ หน่อยสิรอบนี้”
“คิดถึงสิถามแปลกๆ ”
“มีเซอร์ไพรส์ด้วยรอบนี้ เดี๋ยวเจอหน้าแล้วบอก”
บทสนทนาของพี่ภีมม์กับผู้หญิงคนนั้นทำให้ฉันคิดดีไม่ได้เลย ให้ตายเถอะประโยคสนทนาแบบนี้มันคืออะไรก่อน นี่คงไม่ใช่แค่ลูกค้าหรือเพื่อนร่วมงานธรรมดา ๆ อย่างที่ฉันคิดในตอนแรกได้หรอกใช่ไหม
หรือ... อย่าบอกนะว่าผู้หญิงสวย ๆ คนในรูปคือแฟนเขาจริง ๆ
และที่สำคัญ ที่น่าโมโหสุด ๆ คือฉันยืนอยู่หน้าห้องเขาเป็นนาที โดยที่เขาไม่สนใจฉันที่เคาะประตูแล้วขออนุญาตเข้ามาในห้องนี้เลย
งั้น...ถ้าแคคุยโทรศัพท์แล้วมันอิ่ม ก็คงไม่ต้องทานอาหารเที่ยงก็ได้มั๊ง
ฉันปิดประตูกลับตามเดิม ก่อนที่ประตูจะปิดลงฉันเห็นเขาเงยหน้าขึ้นมามองฉันแป๊บนึงเหมือนตกใจ แต่สุดท้ายแล้วประตูก็ถูกปิดลง และฉันก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรประตูมันถึงปิดดังกว่าตอนที่ฉันเปิดเข้าไปเสียอีก
เวลาห่างกันไม่ถึงห้านาที พี่ภีมม์ก็เปิดประตูเดินตามออกมาที่ห้องรับแขก แต่ก็น่าหลังจากที่วางสายจากผู้หญิงคนนั้นแล้ว
“เฟิร์นครับ เมื่อกี้ที่เข้ามาหาพี่มีอะไรหรือเปล่า”
ขอบคุณที่อุตส่าห์เดินออกมาถาม แต่ฉันรู้สึกไม่ดีไปแล้วไง
“ไม่มีอะไรค่ะ พอดีเฟิร์นว่าจะออกไปหาซื้อกระเป๋ากับเสื้อผ้าใส่ไปทำงานพรุ่งนี้”
ฉันตอบเหมือนประชด ไม่สิก็ประชดจริง ๆ นั่นแหละ ทั้งที่ความจริงเสื้อผ้าใหม่ ๆ ของฉันที่ขนมาแทบเต็มตู้เลยเหอะแต่มันเป็นข้ออ้างเวลาที่ฉันหงุดหงิดฉันเลยเลือกที่จะช้อปปิ้งเพื่อบำบัดจิตใจของตัวเอง
“โอเคครับ งั้นเดี๋ยวพี่ไปส่ง”
พี่ภีมม์ทำท่าเหมือนจะออกมาจากห้องทำงาน แต่พอฉันเห็นโทรศัพท์ที่อยู่ในมือเขามันก็ดันรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเฉย ๆ
“ไม่ต้องหรอกค่ะไม่เป็นไร เฟิร์นไปคนเดียวดีกว่า พี่ภีมม์อยู่ทำงานหรือคุยธุระกับพี่ภีมม์ไปเถอะค่ะ พอดีเฟิร์นจะไปเลือกซื้อเสื้อผ้าผู้หญิงคงจะเลือกนานเดี๋ยวพี่ภีมม์จะกร่อยเปล่า ๆ แล้วเฟิร์นก็ไม่อยากเกร็งหรืออึดอัดตอนเลือกเสื้อผ้าด้วย”
นี่ฉันพูดตรงจนเกินไหมเนี่ย ฉันเห็นพี่ภีมม์ทำสีหน้าเหมือนไม่ชอบใจคำพูดของฉันรอบสอง
“เอางั้นเหรอครับ”
“ค่ะ ว่าแต่พี่ภีมม์หิวอะไรไหมคะ จะให้เฟิร์นทำอาหารเที่ยงอะไรให้กินก่อนไหม”
ในที่สุดพอเห็นสีหน้าเขา ฉันเลยต้องถามไปตามมารยาท
“ไม่เป็นไรครับงั้นเฟิร์นไปเถอะ เดี๋ยวพี่สั่งอะไรง่าย ๆ มากินเองก็ได้”
และเขาก็คงตอบกลับตามมารยาทเช่นกัน แต่ช่างเถอะฉันไม่สนใจหรอก เพราะตอนนี้คำตอบของเขาทำให้หงุดหงิดขึ้นมากเป็นทวีคูณ คือฉันกำลังคาดหวังให้เจ้าบ่าวหมาด ๆ ของฉัน ช่วยรบเร้าว่าจะขอไปกับฉันมากกว่า แต่นี่อะไร แบบเขาจะไม่รั้งฉันซะหน่อยเหรอ แบบไม่ง้อพอเป็นพิธีงี้บ้างเลยเหรอ
ประมาณว่า
-ไม่เป็นไรครับให้พี่ไปส่งน้องเฟิร์นเลือกเสื้อผ้าดีกว่า-
หรือไม่ก็
-ไม่เป็นไรครับพี่รอน้องเฟิร์นเลือกเสื้อผ้านาน ๆ ได้-
แต่นี้คือเขาไม่พูดอะไรแบบนี้ออกมาเลยจะให้ฉันเข้าใจยังไงก่อน นี่เขาคงอยากจะคุยกับผู้หญิงคนนั้นนาน ๆ สินะ เอาเลยเอาให้เต็มที่ แต่ถ้าจะทำอะไรก็ช่วยรักษาหน้าของทะเบียนสมรสระหว่างฉันกับเขาบ้าง ฉันไม่เคยลืมว่าเราแต่งงานโดยไม่ได้รักกัน แต่อย่างน้อยฉันก็ไม่ชอบหรอกนะ ถ้าตัวเองต้องเป็นฝ่ายนอนกอดแค่ทะเบียนสมรสเปล่า ๆ แล้วปล่อยให้สามีไปมีบ้านเล็กบ้านน้อยที่ไหน