ห้างสรรพสินค้าใจกลางกรุงเรียกความสนใจให้กับเด็กสาวได้ไม่น้อย มิลันดามองดูร้านค้ามากมาย ร้านอาหาร ร้านเครื่องเขียน แถมยังมีร้านขนมเค้กของโปรดอีก หล่อนไม่เคยเที่ยวห้างสรรพสินค้าใหญ่ขนาดนี้มาก่อนเลย ดาวเรืองมองดูบุตรสาวแล้วอมยิ้ม หลายวันมานี่เห็นลูกเครียดๆ เลยอยากพามาเปิดหูเปิดตา และมันได้ผลเลยทีเดียว
“เราไปดูเสื้อผ้าตรงนั้นหน่อยไหมมิ” ดาวเรืองเอ่ยชวนแล้วชี้ไปทางร้านขายเสื้อผ้า
“ค่ะแม่”
เด็กสาวก้าวตามมารดาแต่กลับชะงักเมื่อเจอคนคุ้นหน้า หล่อนจำได้หญิงสาวคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหนแน่นอน
“มีอะไรหรือเปล่ามิ” ดาวเรืองถามเมื่อเห็นบุตรสาวหยุดเดิน
“แม่คะ นั้นแฟนพี่คมนี่คะ” หล่อนชี้ให้แม่ดู ดาวเรืองมองตาม
“แฟนพี่คมแล้วยังไงล่ะลูก”
มันแปลกมาก ทำไมผู้หญิงคนนั้นถุงควงแขนผู้ชายคนอื่นหน้าตาเฉย แถมยังโอบเอวหอมแก้มกัน พูดคุยหัวเราะต่อกระซิก มิลันดาไม่อยากเชื่อเลย หรือแฟนพี่คมกำลังนอกใจ มีพี่คมอยู่แล้วยังคบกับคนอื่นอีก
“ทำไมแฟนพี่คมถึงกอดกับผู้ชายคนอื่นคะแม่ แฟนพี่คมนอกใจพี่คมใช่ไหมคะแม่” มิลันดาเป็นเดือดเป็นร้อนแทน
“แม่ว่าอย่ายุ่งเรื่องของเขาเลย เรื่องนี้เป็นเรื่องของพี่คมเขา”
“แต่มันไม่ถูกต้องนะคะแม่ ผู้หญิงคนนั้นกำลังหลอกพี่คม”
“ไม่ได้มิ เรื่องนี้แม่ขอห้าม เรากำลังเรียนก็ตั้งใจเรียนดีกว่า เรื่องหนุ่มสาวให้พวกเขาจัดการเอาเอง เราเป็นเด็กไปก้าวก่ายมันไม่งามนะมิ” ดาวเรืองดุ
มิลันดารู้สึกเหมือนถูกขัดใจเมื่อมารดาเริ่มเสียงแข็งไม่ให้เด็กสาวเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้
“ก็ได้ค่ะแม่” เด็กสาวรับคำอย่างเสียไม่ได้
หลังกลับจากการช็อปปิ้งมิลันดาปลีกตัวมาอยู่ในสวนหลังบ้าน เดินวนครุ่นคิดหลายตลบเกี่ยวกับเรื่องที่เห็นในวันนี้ ควรบอกพี่คมดีหรือเปล่า หรือปล่อยไป หากไม่บอกพี่คมคงถูกหลอก แต่ถ้าบอกจะถูกมองยังไง มิลันดาสับสนและไม่พอใจ แฟนพี่คมก็น่าแปลก หน้าตาสวยๆ ไม่น่าทำเรื่องไม่ดีเลยจริงๆ
คมฉณัฐเหลือบมองเด็กสาวที่กำลังเดินวนไปวนมาหลายรอบ จนเขารู้สึกขำ
“น้องมิเป็นอะไรครับ” เขาตะโกนถามแล้วส่งยิ้มให้
มิลันดาหันหาต้นตอของเสียง อ้าปากจะพูดแต่กลับหุบลง สีหน้าบึ้งตึง หล่อนไม่อยากยุ่งด้วย ไม่อยากเสี่ยง หันกายกลับเข้าบ้าน ขอหลบหน้าพี่คมก่อนเพราะหล่อนเกรงตนเองจะห้ามปากไม่ไหว
“หรือจะเป็นวันนั้นของเดือนอยู่” คมฉณัฐพึมพำกับตนเอง
วันนี้พิภัทรอาสาพาเพื่อนและภรรยา รวมถึงบุตรชายไปทานอาหารนอกบ้าน ทุกคนพูดคุยอย่างสนุกสนาน มีเพียงคมฉณัฐที่นั่งตักอาหารทานอย่างเงียบเชียบ ตั้งแต่มิลันดาจากไปกลับรู้สึกเหงาอย่างประหลาด ไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็นเช่นนี้ ทำไมถึงเฝ้าคิดคำนึงถึงตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ หรือท่าทางเขินอายของหล่อน
หรือเขากำลังตกหลุมรักมิลันดาจริงๆ มันไม่เหมาะเลยที่คิดเช่นนี้ หล่อนยังเด็ก หากคบหากันคงถูกคนอื่นนินทาว่าวัวแก่อยากกินหญ้าอ่อนเสียเปล่า สะบัดไล่ความคิดออก ไม่อยากให้ตนเองพลั้งเผลอไปมากกว่านี้
“หนูมิเป็นไงบ้าง ส่งข่าวมาบ้างไหม” พิภัทรถาม มันทำให้คนรอฟังอีกคนเหลือบมองด้วยความสนใจ
“ก็สบายดีค่ะ ตอนนี้กำลังเรียนหนักเลย” ดาวเรืองตอบ
“ถ้าอย่างนั้นคงไม่ต้องห่วงอะไรสินะ”
“ไม่ต้องเป็นห่วงลูกข้าหรอกไอ้ภัทร” ชัยเดชแกล้งเย้า
แค่รู้ว่าเด็กสาวสบายดีก็ดีแล้ว ข่าวแว่วมาว่าสาเหตุที่ทำให้มิลันดาต้องเรียนต่อต่างประเทศมาจากเขา ยิ่งส่งผลให้รู้สึกผิดหนักมาขึ้นอีก มองดูผู้ใหญ่คุยกันพักใหญ่วัยรุ่นเพียงคนเดียวในกลุ่มเลยแยกออกมาเดินเล่นด้านนอก
สายตาชายหนุ่มหยุดนิ่งอยู่ที่ภาพของผู้หญิงที่หน้าตาละม้ายคล้ายแฟนสาวกับหนุ่มที่ไหนไม่รู้กำลังแลกจูบกันอย่างดูดดื่มหน้าผับข้างๆ ร้านอาหาร คมฉณัฐก้าวเข้าใกล้เพื่อดุให้แน่ใจไม่อยากปรักปรำ อยากรุ้ความจริงที่พ่อและน้องมิเคยบอ กเกี่ยวกับแฟนสาว
สองเท้าหยุดชะงักเมื่อภาพเบื้องหน้าเด่นชัดถนัดตา คมฉณัฐรู้สึกเหมือนถูกตบหน้า ดวงตาคมกริบวาวโรจน์ความโกรธแล่นพล่านนี่ตนเองถูกสวมเขาอยู่งั้นเหรอ
“กานต์คุณทำอะไร!” คมฉณัฐตวาดลั่น
สาวเจ้าหยุดแลกจูบ หันมองตามเสียงตวาดเข้ม ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจ รีบผลักไสหนุ่มอีกคนให้ออกห่าง
“คมคุณมาทำอะไรที่นี่คะ” หล่อนถามเขาปากคอสั่น
ชายหนุ่มที่แลกจูบกับกานต์สินี หันหน้ามามองเขาแล้วยกนิ้วโป้งขึ้นก่อนเลียริมฝีปาก เพื่อบ่งบอกว่าแฟนของเขามันสุดยอด ชายแปลกหน้าหัวเราะแล้วเดินผิวปากจากไป ปล่อยให้คมฉณัฐยืนขบกรามแน่นเพื่อระงับอารมณ์เดือด
“ทำไมคุณทำแบบนี้กานต์ ผมไม่อยากจะเชื่อ!” เขาตัดพ้อ
“คมฟังกานต์ก่อน!” กานต์สินีรีบหาข้อแก้ตัว
“คงไม่ต้องฟังอะไรอีกแล้วมั้ง แค่นี้ก็เกินพอแล้ว!” เขาเดินหนีออกมา
กานต์สินีพยายามวิ่งตามเป็นจังหวะเดียวกับที่ทุกคนในร้านอาหารเดินออกมา พิภัทรหยุดมองหญิงสาวกำลังวิ่งตามบุตรชาย หล่อนมายืนดักด้านหน้าเพื่อกั้นไม่ให้แฟนหนุ่มเมิน
“คมฟังกานต์ก่อนนะคะ” กานต์สินีสะอื้น
“ถอยไป” ชายหนุ่มบอกเสียงแข็ง
“กานต์รักคมนะคะ กานต์ผิดไปแล้ว คมให้อภัยกานต์นะคะ” หล่อนพยายามอ้อนวอน
“ผมอาจให้อภัยคุณได้ทุกเรื่อง แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องเดียวที่ผมให้อภัยไม่ได้!” เขาตวาดจนคนฟังสะดุ้ง คมฉณัฐเดินหนีออกมา เห็นบิดาและครอบครัวของน้องมิมองอยู่
ร่างอรชรทรุดกองกับพื้น หล่อนรักเขา แต่หล่อนก็ต้องการเรื่องอื่นไม่ใช่ความรักเพียงอย่างเดียว คมฉณัฐไม่เคยแตะต้องหล่อนเลย เฝ้าพร่ำบอกรอให้พร้อมเสียก่อนเท่านั้น หล่อนทนไม่ไหวเลยหาทางปลดปล่อยตัวเองแล้วมันผิดตรงไหนกัน เขาต่างหากที่ไม่เข้าใจอะไรเลย ทั้งที่หล่อนพยายามทุกทางเพื่อให้เขาตอบรับความต้องการ
“มีเรื่องอะไรกันคม” พิภัทรถามบุตรชาย
“ไม่มีอะไรหรอกครับพ่อ”
เขาเหลือบมองแฟนบุตรชายเห็นกำลังร้องไห้สะอึกสะอื้น ถ้าเดาไม่ผิดคมคงรู้ความจริงแล้ว
“พ่อเตือนแกแล้ว แต่แกไม่เชื่อ แล้วเป็นยังไงเจอกับตัวเองแบบนี้คงเชื่อแล้วสินะ แล้วแกจะทำยังไงกับคนที่แกเข้าใจผิด”
น่าแปลก... ทำไมเขาถึงได้ไม่รู้สึกโกรธกานต์สินีมาก กลับรู้สึกผิดกับมิลันดามากกว่าที่เข้าใจหล่อนผิดไป
“พ่อครับแค่นี้ผมก็รู้สึกแย่พอแล้วนะครับ”
“ความรู้สึกนี่จะติดตัวแกจนกว่าหนูมิจะกลับมานั่นล่ะเจ้าคม”
“แล้วน้องมิจะกลับมาเมื่อไหร่เหรอครับ” เขาหันไปถามดาวเรือง
“อีกนานจ้ะ มิคงกลับมาหลังจากรับปริญญาแล้ว”
กว่ามิลันดาจะกลับมาเมืองไทยไม่รู้อีกนานเท่าไหร่ เขาเองอยากจะขอโทษหล่อนในหลายๆ เรื่อง และอยากจะบอกความรู้สึแท้จริงที่มีออกไป คงทำอะไรไม่ได้ไปมากกว่าการเฝ้ารอสินะมิลันดา