มิลันดานั่งถอนใจเฮือกใหญ่ พยายามตั้งใจเรียนอย่างหนัก เพื่อไม่ให้หัวสมองคิดถึงเรื่องความรัก ให้ตัวเองต้องเจ็บปวดอีก แม้แรกมาเยือนหล่อนจะรู้สึกเหงา แต่ก็สู้กัดฟันทนเพราะไม่อยากเห็นหน้าเขา แต่โชคดีที่บิดาและมารดามักเดินทางมาเยี่ยมเสมอ และคอยบ่นตลอดให้กลับไปที่เมืองไทยเสียที ใจก็อยากกลับ แต่พอถึงเวลาก็ไม่กล้า หล่อนยังไม่สามารถเผชิญหน้ากับเขาได้ แปลกใจตัวเองเหมือนกันทั้งๆ ที่มันก็ผ่านมานานมากแล้ว
แม้จะมีชายอื่นมาตามจีบหล่อนมากมาย แต่หล่อนก็ยังคงรักปักใจกับเขาเหมือนเดิม นี่นะหรือ? ที่เขาบอกว่าความรักของมิลันดาเป็นเรื่องไม่จริงเขามองเป็นเรื่องตลก คำพูดของเขายังดังก้องในโสตประสาทจนถึงวันนี้ หล่อนไม่เคยลืมคำพูดนั้นได้เลย
“ถึงมิจะรักพี่ แต่พี่ก็ไม่มีวันรักเด็กอย่างมิหรอกนะ” หญิงสาวนึกถึงคำพูดวันนั้นถึงกับน้ำตาซึม
รมย์รวัตรเหลือบเห็นเพื่อนสาวน้ำตาคลอ เขารู้ดีว่าเพื่อนเป็นอะไร เพราะตั้งแต่คบกันมาเขาเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้อยู่หลายครั้ง เขาพบกับมิลันดาตั้งแต่ตอนอายุสิบสี่เด็กสาวที่หน้าตาหม่นเศร้าเอาแต่ตั้งใจเรียนหนังสือไม่ยอมสุงสิงกับใคร ไม่ยอมพูดกับผู้ชายคนไหนเขาเป็นคนแรกที่หล่อนยอมพูดคุยด้วย เวลาผ่านไปเกือบสิบปีแล้วที่เขากับหล่อนคบเป็นเพื่อนกันมา ถึงแม้ว่าจะมีความรู้สึกเกินเพื่อน แต่รู้ดีว่าเพื่อนสาวมีผู้ชายที่ฝังใจมายาวนานไม่เคยลืม
“มิเราซื้อน้ำมาให้” รมย์รวัตรยืนน้ำอัดลมให้หญิงสาว
“ขอบใจนะ” มิลันดารับก่อนจะกล่าวขอบคุณ
“เป็นยังไงบ้าง งานวิจัยที่ทำกับรุ่นพี่ไปถึงไหนแล้ว?” รมย์รวัตรสอบถาม
มิลันดาเหลือบมอง หล่อนรู้ดีมาตลอดว่าเขาคิดเช่นไร แม้พยายามสักเท่าไหร่ ก็ไม่สามารถรักเขาได้ทั้งๆ ที่อยากจะทำใจให้รักเพื่อนแสนดีคนนี้ เพื่อลืมผู้ชายใจร้ายเสียที
ที่หล่อนยอมเปิดใจคบกับรมย์รวัตร เพราะเขาเป็นคนไทยเช่นเดียวกับหล่อน ประเทศอังกฤษทำให้รู้สึกกลัวในช่วงแรกที่มาเรียน แต่เพราะมีเขาหล่อนถึงได้รู้สึกอุ่นใจ รมย์รวัตรเสมอต้นเสมอปลายไม่เคยเปลี่ยน
“ใกล้เสร็จแล้วล่ะวัตร”
“มิ... ถามอะไรหน่อยได้ไหม”
“อะไรเหรอ”
“มิคิดจะกลับเมืองไทยบ้างไหม”
หญิงสาวเงียบไปชั่วครู่ พลางคิดอย่างชั่งใจใช้ว่าไม่อยากกลับแต่เพราะหล่อนไม่กล้าพอต่างหาก
“คิด... แต่เราไม่รู้ว่าจะกลับไปทำไม”หล่อนตอบเสียงเบา
“ไม่คิดถึงพ่อแม่เหรอ เราเห็นพ่อแม่มิเป็นห่วงมิมากนะ มิจากเมืองไทยมานานไม่เคยกลับไปที่นั้นเลยไม่ใช่เหรอ”
มิลันดาหยุดคิดกับคำพูดของรมย์รวัตร ใช่เกือบสิบปีแล้วสินะที่หล่อนจากเมืองไทยมา แม้วันใดที่คิดจะกลับไปใจมันดันเต้นแปลกๆ ชอบกล ทำใจไม่ได้สักครั้งที่จะกลับไปเพราะกลัวที่จะเห็นเขาอีกครั้ง
“เราไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี เราก็อยากกลับเมืองไทยเหมือนกัน” หล่อนตอบเพื่อนตามตรง
“มิ... มันถึงเวลาที่มิต้องเข้มแข็งแล้วนะ มิจะใช่ชีวิตแบบนี้ไม่ได้อย่าให้ชีวิตเรายึดติดกับคนๆ เดียวเลยนะ มิเป็นผู้หญิงที่สวยมีความสามารถ ทั้งฉลาด เก่งไปเสียทุกเรื่อง อย่าให้เขามามีอิทธิพลกับมิเลย กลับไปเผชิญหน้ากับเขา แม้มันจะเจ็บก็ดีกว่ามิจะหนีความจริงแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ” รมย์รวัตรพยายามเตือนสติ
สิ่งที่กังวลคือการเผชิญหน้า เท่าที่รู้มาพี่คมยังพักอยู่ใกล้บ้านหล่อนเหมือนเคย แต่รมย์รวัตรเองพูดมีเหตุผล ทำไมหล่อนจะต้องให้เขามามีอิทธิพลกับชีวิตของหล่อนขนาดนี้
“ขอบใจมากนะวัตร ไว้เราเรียนจบก่อนแล้วกันแล้วขอคิดอีกทีว่าจะเอายังไง” หล่อนขอคิดเรื่องนี้ก่อนตัดสินใจอีกครั้งดีกว่า กว่าจะถึงเวลานั้นขอสร้างกำลังใจให้ตัวเองเสียก่อน
“อืม ดีแล้วมิ ลองคิดดู เราเองก็อยากกลับเมืองไทยแล้วเหมือนกัน”
มิลันดามองใบปริญญาในมือด้วยความภาคภูมิใจ บิดามารดาหล่อนเดินทางมาร่วมยินดีกับความสำเร็จครั้งนี้ด้วย
“เก่งมากนะลูกมิ จบแพทย์เกียรตินิยมเลยนะ” ชัยเดชชมเปราะ
“อยู่ที่นี่ไม่มีอะไรทำคะพ่อ วันๆ เลยอ่านแต่หนังสือ”
“ดีแล้วที่ลูกเรียนจบสักที แม่อยากให้ลูกกลับเมืองไทยได้แล้วนะ” ดาวเรืองเอ่ยกับบุตรสาวอีกครั้ง
“ได้ค่ะแม่ คราวนี้หนูยอมแม่แล้วกลับก็กลับโอเคไหมคะ”หล่อนยอมแล้ว เพราะมารดาบ่นหลายครั้ง หล่อนเองก็คิดถึงกับข้าวฝีมือแม่ และบ้านกับเตียงนอนแสนสบาย
“จริงเหรอมิ ดีแล้วลูก กลับบ้านเรากันเถอะ” ดาวเรืองระบายยิ้มสีหน้ายินดี