มีเพียงเอวิตาเท่านั้นที่รู้ว่าพี่ๆ ยอมให้เธอกลับมาทำงานที่ออกสื่อได้แต่ต้องมีข้อแม้ว่าต้องให้คนตามมาดูแลเธออย่างใกล้ชิด แม้เธอจะยืนยันว่าเธอเข้มแข็งจากเรื่องที่ผ่านมาแล้วก็ตามที เเต่พวกเขายืนกรานว่าหากไม่ได้อยู่ในสายตาพวกเขาเธอต้องยอมรับการคุ้มกันถึงจะปล่อยกลับมาทำงาน... เธอเลยยอมรับข้อแม้และเดินทางมาทำงานที่รักแบบมีความอึดอัดเพิ่มขึ้นมาเพียงนิดเดียวเท่านั้น
เธอรู้ดีว่าลึกๆ ส่วนหนึ่ง อาคินให้บอดี้การ์ดมาเฝ้าติดตามเพราะคิดว่าอาจจะเจอทิน เธอเลยตั้งข้อแม้กับพี่ชายกลับว่าห้ามทำอะไรทิน เพราะถ้ารู้ว่าทินเป็นอะไรไปเพราะเธอแม้แต่รอยขีดข่วนเธอก็จะทำร้ายตัวเองอีก...
เธอยิ้มน้อยๆ ในตอนที่บอก เมื่อเห็นว่าแววตาอาคินลุกเป็นไฟ เธอเลยบอกพี่ชายอย่างใจเย็นลง
"อีฟไม่ได้ปกป้องเขาแต่อยากเลิกแล้วต่อกัน อีฟเจ็บเพราะเขาดังนั้นเลยไม่อยากยุ่งเกี่ยวหรือมีความรู้สึกอะไรกับเขาอีก อีฟอยากให้ต่างคนต่างไปใช้ชีวิต ถ้าต้องเจอกันอีกก็ทำเป็นไม่รู้จักกันดีกว่า วิธีนี้จะทำให้อีฟลืมเขาได้ แต่ถ้าพี่อาคินยังจะเอาคืนเขามันก็ไม่ต่างจากดึงอีฟกลับไปสู่ความรู้สึกแย่ๆ เหล่านั้นอีก ดังนั้นเรามูฟออนไปด้วยกันเถอะนะคะ"
เธอบอกพี่ชายไปอย่างนั้น... เพราะไม่คิดว่าทินจะกลับเข้ามาในชีวิตเธออีก ถึงจะเคยอยากรู้ว่าเขาทำแบบนั้นกับเธอทำไมเธอไปทำอะไรให้ แต่เธอก็หมายความตามที่บอกกับพี่ชายไปแล้วจริงๆ ว่าเขาออกไปจากชีวิตแล้วและเธอเจ็บปวดมาก ทางเดียวที่จะทำให้ชีวิตเดินหน้าได้ก็คือต้องลืมเขา เธอเลยไม่อยากจะนึกย้อนกลับไป เหลือไว้ให้เป็นรอยเเผลเป็นในใจ แม้จะไม่ได้รักษา หากแต่เธอเชื่อว่ามันจะหายดี ด้วยกาลเวลา และความพยายามที่จะเข้มเเข็งของเธอเอง
เอวิตาเชื่ออย่างนั้นจริงๆ จนเธอเดินลงมาจากเวทีเปิดตัวแล้วเเละเห็นคนคุ้นตายืนพิงกำเเพงกอดอกและจ้องมาทางเธอ สายตานั้นไม่ใช่สายตาอ่อนโยนเหมือนที่เธอเคยเห็น
หัวใจของเธอแทบหยุดเต้น ความเจ็บปวดที่ว่าจะลืมกลับล้นทะลักเอ่อขึ้นมาอีก
รอยแผลที่เเขนที่หายแล้วกลับเจ็บจี๊ดขึ้นมาราวกับว่าเพิ่งเกิดขึ้นสดใหม่...
แม้ริมฝีปากจะสั่นและก้าวขาแทบไม่ออก แต่เธอก็พยายามประคองตัวเองไว้ เขาเคยบอกว่าจะเลิกกับเธอเพราะเธอไม่ใช่คนที่เขาจะสร้างครอบครัวด้วย เขาทำผิดต่อเธอมากหากพบเจอกันคราวหน้าแล้วจะทำเป็นไม่รู้จักหรือแค่ทักทายกันแล้วผ่านเลยก็สุดแล้วแต่เธอ
ดังนั้นเธอก็จะทำตามที่เขาเคยบอกเอาไว้ หญิงสาวหันหลังให้เขา แล้วใช้ความพยายามอย่างมากที่จะบังคับขาให้เดินแยกออกมาคนละทางและทำเหมือนเขาไม่มีตัวตน...
"ผมมีเรื่องจะคุย" เสียงที่ดังขึ้นจากด้านหลัง และต้นแขนที่ถูกคว้าไว้ทำให้เอวิตาชะงัก เธอหันกลับไปมองทินช้าๆ งุนงงเล็กน้อยที่เขาเป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนา
หญิงสาวหันไปยิ้ม ดวงตาที่เจ็บปวดของเธอเธอคงหลบหลีกเขาไม่ได้ หากแต่เธอก็ไม่เสียน้ำตาสักหยด เพราะที่ผ่านมาร้องไห้มามากพอแล้ว มากพอจนเข้มแข็งที่จะย้อนถามเขากลับไป...
"มีเรื่องจะคุย" เธอเลิกคิ้ว "ฉันนึกว่าเราจะไม่มีเรื่องคุยกันตั้งแต่วันที่คุณบอกฉันว่าเราจบกันแล้วเสียอีก"
"..." เขามองเธอด้วยสายตาแปลกใจ และไม่พูดอะไรจนเธอชักอึดอัด อยากจะหนีไปจากตรงนี้ แต่ยังไม่ทันก้าวขา ทินก็เอ่ยปากขึ้นมาเสียก่อน "คุณดูไม่เหมือนคนเดิมที่ผมรู้จักเลยนะ ไม่รู้ว่าคุณเปลี่ยนไป หรือเพราะว่าคุณเป็นอย่างนี้อยู่แล้วมาตลอดกันแน่"
ทั้งที่อยากจะจบปัญหาด้วยการเดินหนีเขา แต่คำพูดติดจะเย้ยหยันจากปากทินทำให้เธอหยุดชะงัก หันกลับไปมองหน้าเขา สายตาที่เขามองมาเหมือนท้าทาย ไร้ซึ่งความอ่อนโยนเหมือนที่เคยเป็น
หรือว่าที่ผ่านมามันอาจจะมีอะไรผิดพลาดสักอย่างจริงๆ
"คุณมีอะไรจะคุยกับฉันคะ"
"พี่ชายของคุณลักพาตัวนิ้งไปหรือเปล่า" คำพูดแรกที่เขาพูดออกมาทำให้เอวิตาอึ้ง เขาไม่ได้ถามว่าสบายดีไหม ไม่ได้ถามว่าเป็นอย่างไร แม้ว่าเธอจะดูซูบผอมลงจากตอนที่อยู่กับเขา เขาก็ไม่สังเกต แต่คำพูดของเขาคือการพูดถึงคนอื่น มันบอกถึงลำดับความสำคัญของเธอในใจเขาได้เป็นอย่างดี
แม้จะบอกให้ตัวเองเข้มแข็งอย่างไร แต่ความอ่อนแอที่อยู่ข้างในมันก็แสนเปราะบางเหลือเกิน
"เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ พี่ชายฉันจะทำอย่างนั้นทำไม" เพราะไม่รู้ว่าเขาจะมาไม้ไหนกันแน่ เธอเลยย้อนทันควัน
"มันเป็นสิ่งที่ผมเองก็อยากถามเหมือนกัน ผมกำลังจะไปเจอเขา และเเวะเปลี่ยนเครื่องที่นี่สองชั่วโมง พอดีรู้ว่าคุณอยู่ที่นี่เลยแวะมาถามก่อน
เอวิตาฟังที่เขาพูดแล้วนึกย้อนกลับไปตอนที่พี่ชายเธอบอกว่าทินกับนลินวิภาเข้ามาเพื่อทำร้ายและหลอกลวงเธอเหมือนกับเคยมีเรื่องโกรธแค้นกันมา แต่เธอคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก พอทินบอกว่ากำลังจะเดินทางไปหาอาคิน เธอก็คิดว่าอาจจะมีเรื่องยุ่งเหยิงบางอย่างเกิดขึ้นตลอดเวลาที่ผ่านมาโดยที่เธอไม่รู้ตัวก็ได้
"คุณพูดเล่นหรือพูดจริงๆ คุณจะไปหาพี่ชายฉัน" ตลอดเวลาที่คบกันเขาเข้าใจว่าเธอตัวคนเดียวไม่มีใคร เธอไม่เคยเล่าเรื่องครอบครัวให้ฟัง เพราะอยากแน่ใจในตัวเขาก่อนค่อยจะแนะนำให้รู้จักครอบครัว แต่ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะเป็นฝ่ายรู้จักกับครอบครัวเธอก่อน ไม่รู้ว่าเขารู้ในตอนที่คบหากันหรือว่าตอนที่เขาทิ้งเธอไปแล้วกันแน่
"ถ้านาย อาคิน ศิลาปราการ คือพี่ชายคุณ ก็ใช่"
เอวิตาขมวดคิ้วมุ่น
"ถ้าอย่างนั้นเราก็คงมีเรื่องต้องคุยกันจริงๆ แล้วล่ะค่ะ"
หญิงสาวบอกเขา แม้ว่าการพานพบจะนำพาความเจ็บปวดกลับมา แต่เรื่องนี้ไม่อาจหลีกเลี่ยงหรือเดินหนี ต้องเผชิญหน้ากับต้นเหตุแห่งความเสียใจ แต่เธอคิดว่าเธอจะได้รู้ว่าที่ผ่านมาคืออะไรและตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
หญิงสาวบอกเขา ก่อนจะมองลาดเลาว่ามีคนติดตามเธอมาทั้งพี่เลี้ยงและการ์ดที่พี่ชายจัดให้ตามมาไม่ได้อยู่แถวนี้ เธอพยักหน้าให้เขาเเล้วเดินเลี่ยงออกไปด้านนอกเพื่อให้คุยกันสะดวก
"คุณมั่นใจแค่ไหนว่าพี่ชายฉันลักพาตัวผู้หญิงคนนั้นไป"
"นิ้งขาดการติดต่อ ก่อนที่จะปิดเครื่องมีคนโทรจากเบอร์นิ้งมาหาผมแล้วบอกว่าเป็นพี่ชายคุณ ผมเลยไปสืบหาเพื่อที่จะเข้าไปคุยกับมันว่าเอาตัวนิ้งไปทำไม" ทินบอกด้วยเสียงเครียด เขาเองเสียใจที่วันแรกที่นลินวิภาบอกว่าปลอดภัยแล้วเขาไม่เอะใจและไม่ติดต่อไปตามที่เธอบอกและมัวแต่ยุ่งกับการทำงานอย่างหนักอยู่หลายวัน