เหตุการณ์เมื่อสองปีที่แล้ว เรย์โนว์ คาลอส เดินทางมาพักผ่อนแบบส่วนตัวในระเวลาสั้นๆเพราะธุรกิจสายสีเทาค่อนไปทางดำมือของเขานั้นทำให้ไม่สามารถอยู่ได้นานนัก ความวุ่นวายสามารถเกิดได้ทุกเมื่อและบางเรื่องก็ดูจะปัญญาอ่อนเกินไปจนแทบไม่น่าเชื่อเลยด้วยซ้ำด้วยซ้ำ
นี่คือสิ่งที่แช่หัวใจที่ด้านชาให้เต้นแรงอีกครั้ง
นี่คือพรหมลิขิตชัดๆ
"โอ๊ย!"
"คุณเป็นอะไรมากรึเปล่า?"
"สงสัยเปือกหอยจะบาดเท้าค่ะ ฉันเดินไม่ระวังเอง รบกวนพาฉันไปนั่งตรงนั้นหน่อยได้ไหมคะ?"
เรย์โนว์อุ้มหญิงสาวขึ้นท่ามกลางความตกตะลึงของเหล่าบอดี้การ์ดเพราะปรกติเจ้านายไม่ค่อยได้ทำดีกับใครขนาดนี้ถ้าไม่มีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง แล้วผู้หญิงคนนี้ก็ไม่ได้ดูมีพิษภัยมากจนต้องระวังเป็นพิเศษให้ต้องตกใจเกิดไป
"เอ่อ…ขอบคุณค่ะหนักไหมคะ ฉันอ้วนขนาดนี้"
“ไม่หนัก” เรย์โนว์มองหุ่นผู้หญิงตรงหน้าด้วยความไม่เข้าใจ เธอเอาตรงไหนมาอ้วนกันห่ะ จากที่อุ้มเมื่อกี้นี้ก็สามารถคาดเดาได้ว่าน้ำหนักคงไม่เกินห้าสิบกิโลกรัมแน่นอน
"เดี๋ยวผมทำแผลให้นะท่าทางจะลึกน่าดูเลย"
“อย่าเลยค่ะ ฉันทำเอง”
“ผมทำให้ดีกว่า”
“งั้นก็ได้ค่ะ” เธอปฎิเสธเพราะว่าเกรงใจมากแล้วแผลก็ไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้น แต่ว่าเขายังยืนยันที่จะทำให้ แล้วหันไปสั่งผู้ชายอีกคนหนึ่งที่เดินมาพร้อมกันแต่ไม่พูดอะไรออกมาเพื่อให้ไปเอาอุปกรณ์ทำแผลมาให้
คนอะไรหน้าตาดีแล้วใจดีอีก
โชคดีของเธอแล้วที่เจอแล้วในเวลานี้
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรเขาถึงอ่อนโยนกับผู้หญิงคนนี้ได้มากมายขนาดนี้ทั้งที่เธอก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษเลย หรือว่าเธอมีบางอย่างที่สามารถสะกดซาตานอย่างเขาได้ เรย์โนว์ทำแผลที่เท้าอย่างเบามือที่สุดไม่นานก็เสร็จแล้ว
"ขอบคุณอีกครั้งนะคะที่ช่วยเหลือกันมากขนาดนี้ แต่เดี๋ยวคงไม่รบกวนแล้วเพราะเพื่อนฉันกำลังจะมาแล้ว"
“เอ่อ…ไม่เป็นไรครับ” ทำไมเขารู้สึกหวิวๆในใจแปลกๆแค่เธอกำลังจะไปโดยที่เรายังไม่รู้จัก
“ชื่ออะไรครับเผื่อเจอกันอีกครั้งผมได้ทักถูก" เธอหันมายิ้มหวานให้ทำเอาใจที่แข็งแกร่งรู้สึกสั่นขึ้นมาดื้อๆ
"กีรดาค่ะ เรียกว่าดาก็ได้ค่ะ เพื่อนฉันมาแล้วไปก่อนนะคะ"กีรดาหันมายิ้มให้กับเขาก่อนที่จะลุกไปกับเพื่อนสองคนที่มาพยุง
เธอหันมายิ้มหวานให้อีกครั้งก่อนจะไปจริงๆ รอยยิ้มแค่เสี้ยวนาทีทำเอาหัวใจซาตานร้ายอย่างเรย์โนว์สั่นมาก แต่ก็รู้สึกหวิวในใจขึ้นมาแปลกๆแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน มันคล้ายกับว่าเธอเดินจากไปและเอาหัวใจของเขาติดตัวไปด้วย
"มาคัสสืบประวัติผู้หญิงคนนั้นเอามาให้ฉันเร็วที่สุด" เรย์โนว์สั่งงานด่วนด้วยความไม่เข้าใจตัวเอง แล้วเดินกลับเข้าบ้านพักด้วยความรู้สึกแปลกๆเหมือนว่ามีกลิ่นตัวของเธอลอยอบอวลรอบตัว แล้วที่หนักสุดก็คล้ายว่าหูแว่วได้ยินน้ำเสียงหวาน
เจอกันอีกครั้งเธอจะจำเขาได้ไหมนะ
ให้ตายสิ! ลืมไปเลยว่าเขาชื่ออะไรให้เธอจำได้
สองวันต่อผ่านไป มาคัสเอาประวัติของกีรดามาให้เจ้านายตามคำสั่งทุกอย่าง ตอนนี้เธออายุยี่สิบปี กำลังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ เธอเป็นลูกสาวคนเดียวของครอบครัวและอีกมากมายที่เกี่ยวกับเธอนั้นผ่านสายตา
"รอพี่ก่อนนะหนูดา พี่จองไว้แล้วนะ" เรย์โนว์หยิบกว้างในขณะที่หยิบรูปขึ้นมาดูก่อนจะจูบแผ่วเบา
ปัญหาเรื่องธุรกิจในตอนนี้ทำให้ต้องระวังมากขึ้นและไม่อยากดึงจะเธอมาเกี่ยวข้องด้วยเพราะอาจจะโดนลูกหลง แต่เรย์โนว์ยังส่งคนคอยดูแลตลอดโดยไม่ให้เธอรู้ตัว เขาได้แต่มองรูปเธอผ่านโทรศัพท์อยู่ทุกวันจนรู้สึกเหมือนว่าตอนนี้เป็นบ้า
ในตอนนี้ปัญหาทุกอย่างจบลงแบบไม่สวยงามเท่าไรนัก แต่ว่าเขาก็ยังไม่กล้าดึงเธอเข้ามาอยู่ในชีวิตเพราะมันไม่ได้สวยงามเลย แม้ว่าสมองจะอยากทำตามหัวใจมากเท่าไรก็ได้แต่อดกลั่นด้วยความยากเย็นมากขึ้นทุกวัน
"สองปีแล้วนะหนูดาที่แอบรักและคิดถึง"
ซาตานร้ายจนขึ้นชื่ออย่างเขาแม้จะรักเธอมากมายขนาดไหนก็ต้องอดทนให้ไหว แล้วยอมปล่อยให้เธออยู่ในโลกที่สดใสดีกว่ามาแปดเปื้อนในโลกที่เทาเต็มไปอันตรายแบบเขา
ชีวิตของกีรดาดีอยู่แล้ว
อย่าดึงเธอเข้ามาในโลกสีเทานี้เลย
ในเวลาปัจจุบันหลังจากเรียนจบ กีรดาได้ออกแบบเสื้อผ้าและทำแบรนด์ของตัวเอง ด้วยเสื้อผ้าหลากหลายรูปแบบที่เป็นไวรัลดังอยู่หลายครั้งและมีเซเลป ดาราและเน็ตไอดอลหลายคนเลือกใส่นั่นเลยทำให้มีกระแสตอบรับค่อนข้างดีมาก ผ่านไปไม่นานเป็นที่สนใจของคนทั่วไป
และนี่คืองานเปิดตัวครั้งแรกในชีวิต
"ขอเสียงตบมือน้องกีรดาหน่อยค่ะ"
เสียงตบมือดังสนั่นพร้อมกับแสงแฟรชจากนักข่าวและผู้ร่วมมางานที่ถ่ายรูป งานแฟชั่นโชว์ครั้งแรกของเธอประสบความสำเร็จจนกลั่นน้ำตาไว้ไม่ไหวเลย หลายคนเข้ามาแสดงความยินดีและพูดคุยต่างๆมากมายจนตอบแทบไม่ทัน กว่าจะได้พักเวลาก็ล่วงเลยไปดึกมากแล้ว แต่ในขณะที่นั่งพักก็มีคนโทรมาด้วยเบอร์โทรที่ไม่คุ้ยเคยเท่าไรนัก
นี่คือข่าวร้ายที่สุดในชีวิตของเธอ
โรงพยาบาลโทรมาแจ้งว่าพ่อแม่เธอประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์และได้เสียชีวิตแล้ว เธอรีบเดินทางไปโรงพยาบาลดังกล่าวทันทีด้วยสติคล้ายว่ามึนเบลอไปหมด เธอแจ้งเจ้าหน้าที่แล้วเขาก็พามาในห้องหนึ่งที่ทำเอาหัวใจเหมือนจะหยุดเต้น หยดน้ำตาไหลออกมาแบบไม่รู้ตัวและเสียใจจนตั้งสติไม่ไหว
"พ่อแม่…ทำไมไม่อยู่ดูความสำเร็จของหนูก่อน..." น้ำเสียงสั่นเทาพูดไม่ดังมากในขณะที่น้ำตาไหลอาบแก้ม คนที่เธอรักในตอนนี้จากไปหมดแล้ว ต่อจากนี้เธอจะอยู่กับใครล่ะ ภาพครอบครัวที่แสนสุขผุดขึ้นมาในหัวไม่หยุดเลย
"หนูดาชิมดูสิอร่อยไหมพ่อลงมือเองเลยนะ"
"หนูดาเหนื่อยไหมลูก"
"สู้ๆนะพ่อกับแม่เป็นกำลังใจให้"
ภาพที่แสนสุขมากมายหลั่งไหลเข้ามาในหัวเหมือนแผนฟิลม์ที่ฉายชัดไม่มีหยุด ทำไมไม่อยู่รอเธอก่อนล่ะ แค่โอกาสให้บอกลายังไม่มีเลยและในวันนี้ที่เธอประสบความสำเร็จครั้งแรกในชีวิต คนที่อยากให้ยินดีกับเธอคือพ่อแม่แต่ว่าไม่มีแล้ว
ต่อจากนี้ในชีวิตเธอไม่มีใครอีกแล้ว
ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย!!
กีรดาพาร่างไร้วิณญาณของพ่อแม่มาประกอบพิธีกรรมตามศาสนา จนวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่จะส่งท่านไปสวรรค์แล้ว เพื่อนหลายคนเข้ามาแสดงความเสียใจต่อจากสูญเสียของเธอและปลอบใจเพราะว่าเธอไม่มีใครอีกแล้ว
"คุณน้าท่านไปสบายแล้วดาต้องเข้มแข็งนะ" นิรินทำได้เพียงปลอบใจเพื่อนเพราะเธอก็เศร้ามากไม่ต่างกัน
อีกมุมหนึ่งก็มีคนแอบมองด้วยความเป็นห่วง
"นายใหญ่จะไม่เข้าไปจริงๆเหรอครับ?" มาคัสมองผู้เป็นนายด้วยความไม่เข้าใจว่าคิดอะไรอยู่ แต่ก็ทำได้เพียงนิ่งเฉยคอยทำตามที่นายสั่งแม้จะเป็นคนสนิทแต่ยังไงเขาก็คือลูกน้อง
"ไม่ล่ะ ฉันแค่อยากมาดูเฉยๆว่าหนูดาเป็นไงบ้าง" เรย์โนว์ตอบและเฝ้ามองดูอย่างห่างๆอย่างห่วงๆ แม้ว่าเขาจะอยากเข้าไปปลอบใจให้รู้สึกดีขึ้น อยากบอกว่าเธอยังมีเขาอยู่แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะเขามันคือตัวอันตรายที่อาจจะทำให้เธอเจ็บตัว
สองปีที่เขาทำได้แค่เฝ้ามองเธอมาตลอด
และคงจะเฝ้ามองต่อไป