หลินหลิน หมิงเอ๋อร์ และซินซินช่วยกันพยุงตัวคุณหนูตระกูลเย่ขึ้นมาด้วยความทุลักทุเล เมื่อพานางเข้าห้องมาได้ก็รีบพาไปนอนลงที่เตียง จากนั้นก็ไปต้มน้ำร้อน และหาชุดมาเปลี่ยนให้โฉมสะคราญผู้นี้
ทางด้านจางหย่งเฉินที่นั่งดื่มสุรากินของว่างอยู่ห้องถัดไปก็ได้แต่นั่งครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ไม่นานหมอก็มาถึง แต่ไม่ได้เข้าไปดูอาการเย่ฟางหรูก่อน กลับมาเข้าเฝ้าเฉินอ๋อง
“ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”
“ไปรักษานางให้ดี ทำอย่างไรก็ได้ให้นางหายป่วยเร็ว ๆ” เพราะข่าวด่วนเพิ่งส่งมาถึงเย็นนี้บอกว่าเสด็จย่ากำลังเดินทางกลับมาถึงเมืองต้าเยี่ยนแล้ว ถ้าหากเสด็จย่ารู้ว่าสตรีตระกูลเย่อยู่ที่นี่ เขาคงถูกจับคลุมถุงชนเป็นแน่ ดังนั้นควรรีบรักษาเย่ฟางหรูให้หายดีแล้วก็ซ่อนนางไว้ไม่ให้ใครจับได้
จางหย่งเฉินไม่อยากแต่งงานกับสตรีตระกูลเย่ เพราะยังเคียดแค้นเรื่องที่เจ้าเมืองเหลียนโจวใช้กลอุบายในสงครามเมื่อสองปีก่อน ตอนที่สู้กับแคว้นฉู่เยี่ย ทำให้จิ่นอ๋องซึ่งก็คือบิดาของเขาต้องพลาดพลั้งถูกธนูพิษต้องกลับมารักษาตัวที่ต้าเยี่ยน อดทนมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานก็ต้องลาโลกนี้ไป วันนี้ครบสี่เดือนแล้วที่บิดาตายจาก ทำให้เขากลายเป็นผู้นำตระกูลและเจ้าเมืองต้าเยี่ยนคนใหม่ที่ช่างโดดเดี่ยว ตอนนี้ตระกูลจางเหลือเพียงเสด็จย่าและก็เขาเท่านั้น ส่วนมารดาก็ป่วยตายไปหลายปีมากแล้ว
หมอก้มหน้ารับคำสั่งแล้วรีบไปดูอาการสตรีตระกูลเย่ทันที ฝ่ามือเรียวสวยแตกหลายจุดเนื่องจากบอบบาง และถูกใช้ให้ยกของหนัก นานเข้าก็อดทนไม่ไหวเลยหมดสติไป จึงจัดการทำแผลและพันผ้าขาวสะอาดให้ส่วนอาการไข้ที่ปะทุขึ้นมาก็จัดเทียบยาลดไข้และยาแก้อักเสบด้วย ป้องกันอาการจะเรื้อรังจนยากรักษาให้หายขาด เย่ฟางหรูมีร่างกายอ่อนแอเกินไปไม่เหมือนสตรีคนอื่น ดังนั้นควรต้องดูแลและทะนุถนอมมากเป็นพิเศษ
“คุณหนูตื่นแล้วหรือเจ้าคะ” เป็นหลินหลินที่คอยเช็ดตัวให้
เย่ฟางหรูที่ได้นอนพักสักครู่ก็ค่อย ๆ ลุกขึ้น แต่ทว่านางกลับออกแรงกดที่มือมากไปสักหน่อยจึงรู้สึกเจ็บปวด
“อะ โอ๊ย!” แน่นอนว่าทั้งร่างกายของสตรีโฉมสะคราญนั้นรู้สึกปวดระบมไปทั้งหมด โดยเฉพาะหัวไหล่และแขนทั้งสองข้าง
หมิงเอ๋อร์และซินซินเห็นดังนั้นก็รู้สึกสงสารจับใจ “มือท่านเจ็บ อย่าลุกเลยเจ้าค่ะ” พวกนางก็มาช่วยกันพยุงตัวให้เย่ฟางหรูนั่งพิงที่ขอบเตียง
“ข้าหลับไปนานเท่าไรแล้วหรือ” เย่ฟางหรูรู้ว่าอาการไข้หวัดยังไม่หายดี ดังนั้นคงเพราะพิษไข้กำเริบหนักจึงได้หมดสติไป เหตุการณ์พวกนี้ไม่ใช่ครั้งแรก ตั้งแต่นางยังเด็กก็มีสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไร แต่ตระกูลเย่ก็เลี้ยงดูมาเป็นอย่างดีจึงไม่ค่อยเกิดเหตุการณ์อย่างเช่นวันนี้เท่าไรนัก
“หลับไปแค่หนึ่งชั่วยามเจ้าค่ะ” พวกสาวใช้ส่งยิ้มมาให้ เย่ฟางหรูจึงรับยามาดื่มโดยไม่อิดออดและก็กำลังจะลงมือกินโจ๊กหมูที่หมิงเอ๋อร์ต้มให้ แต่ประตูห้องที่ได้ซ่อมแล้วก็มีคนเปิดเข้ามาเสียก่อน จากบรรยากาศที่สดใสก็กลายเป็นตึงเครียดขึ้นมา
“คุณหนูใหญ่มีแรงลุกขึ้นมาแล้วหรือ” นั่นเป็นคำทักทายแรกที่เย่ฟางหรูไม่อยากได้ยินเลยสักนิด สาวใช้ทั้งสามรีบเดินหลบไปด้านข้างทันที เฉินอ๋องเดินเข้ามา สีหน้าที่ดุดันนั้นไม่ค่อยน่ามองสักเท่าไรนัก
เย่ฟางหรูรู้ว่าเขาเข้ามาหาเรื่องแน่จึงรีบใช้ช้อนตักโจ๊กขึ้นมากิน ไม่สนใจอ๋องประสาทเสีย และนั่นจึงเป็นการยั่วโทสะคน
“จะไม่ตอบหรือ เจ้าเป็นใบ้หรืออย่างไรกัน” บุรุษมาหยุดยืนที่ข้างเตียงและใช้ฝ่ามือหนาแย่งถ้วยโจ๊กออกจากมือคนป่วย ด้วยความหิวโหย เย่ฟางหรูจึงตวัดตามองเขาแล้วก็น้ำตาไหลอาบแก้มด้วยความอึดอัดใจ ยิ่งร่างกายอ่อนแอ หัวใจและความรู้สึกของโฉมงามก็อ่อนแอตามไปด้วย
ทุกคนในที่แห่งนั้นตกใจไปตาม ๆ กัน ไม่เว้นแม้กระทั่งเฉินอ๋องด้วย
“บ้าน่า...ขะ ข้าไม่ได้คิดจะแย่งเจ้าสักหน่อย” คนที่ทำอะไรไม่ถูกก็รีบยัดถ้วยใส่มือคืน เป็นครั้งแรกที่โทสะหายไปในทันตาเห็น แววตาตัดพ้อที่มองมาทำให้ใจบุรุษเต้นไม่เป็นจังหวะ ความรู้สึกผิดถาโถมเข้ามารวดเร็วอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“ข้าไม่กินแล้ว” เย่ฟางหรูพูดเสียงเบาแล้ววางถ้วยโจ๊กลงบนโต๊ะเตี้ยข้างเตียงนอน จากนั้นก็ลุกขึ้นมานั่ง เพราะไม่อยากมีปัญหากับบุรุษอีกจึงตัดสินใจว่าจะไม่ทำอะไรขัดใจเขาเด็ดขาด พยายามจะอยู่ให้เงียบเชียบที่สุด หวังว่าสักวันเขาจะใจอ่อนและปล่อยนางไปเอง
กิริยาอาการที่ดูผิดปกติไปนั้นทำให้จางหย่งเฉินหงุดหงิดใจมากนัก
“พวกเจ้าไปต้มโจ๊กมาใหม่ ใส่เนื้อหมูเยอะกว่านี้ แล้วก็ใส่ยาลงไปในนั้นด้วย” เฉินอ๋องเอ่ยขึ้น และนั่นก็ทำให้พวกสาวใช้งุนงงมากนัก แต่ก็ไม่กล้าคิดนานจึงรีบรับคำสั่งแล้วเดินออกจากห้องไปทันที
หลังจากสาวใช้ทั้งสามคนออกไปหมดแล้ว หลิวหมัวมัวและนางกำนัลคนอื่น ๆ ก็มาทำหน้าที่ปรนนิบัติท่านอ๋องแทน
“เจ้าหายไปที่ไหนมา” เป็นครั้งแรกที่จางหย่งเฉินจะพูดดีกับเย่ฟางหรู สตรีไม่แม้แต่จะมองหน้าคนใจร้ายสักนิด
“ท่านเป็นคนสั่งเองไม่ใช่หรือว่าให้ข้าไปทำงาน ข้าก็ไปทำตามที่ท่านสั่งแล้ว” น้ำเสียงของเย่ฟางหรูเย็นชามากนัก จนเฉินอ๋องนึกมันเขี้ยว
“อาการดีขึ้นมาหน่อยก็ปากดีเลยนะคุณหนูใหญ่” เพียงเขากระซิบถามที่ข้างหู เย่ฟางหรูก็ตกใจที่เขารู้ความจริงแล้ว
“ข้าให้เจ้าไปทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น ไม่ใช่ให้ไปทำงานหนักเช่นนี้” เฉินอ๋องดุ จากนั้นก็ตวัดสายตาเย็นชาไปมองหลิวหมัวมัว
“หม่อมฉันผิดไปแล้วเพคะ” หลิวหมัวมัวรู้ตัวว่าทำผิดจึงรีบคุกเข่าลงแล้วโขกศีรษะกับพื้นแข็ง ๆ ระหว่างนั้นหลิงหาวก็เข้ามาแล้วกระซิบบอกบางอย่าง
“คนของฉีอิ่งหรือ…”
“ข้าจะให้โอกาสเจ้า รีบไปจัดการให้เรียบร้อย” แล้วบุรุษก็โบกมือ หลิวหมัวมัวรีบลุกขึ้นทันที เมื่อทั้งห้องเหลือเพียงสองบุรุษกับหนึ่งสตรี คนที่นั่งอยู่บนเตียงก็เกิดความประหม่า
“ในเมื่อท่านอ๋องรู้แล้วว่าข้าเป็นคุณหนูใหญ่ เช่นนั้นก็ปล่อยข้าไปเถิดนะเจ้าคะ” เย่ฟางหรูกลั้นใจพูดออกมา นางสบตากับเขาที่นั่งชิดติดกัน มิหนำซ้ำใบหน้ายังอยู่ใกล้กันมากอีกด้วย
จางหย่งเฉินหลุบตาลงสำรวจใบหน้าซีดเซียวที่เริ่มมีสีระเรื่อ พลางยกมือลูบที่แก้มใสนั้นด้วยหลังข้อนิ้ว เย่ฟางหรูรีบหลับตาปี๋ทันที
“ไม่ต้องกลัว ข้าไม่ทำรุนแรงกับเจ้า แลกกับการที่ต้องอยู่ที่นี่เงียบ ๆ เข้าใจหรือไม่” เฉินอ๋องพูดต่อรอง ถ้าเสด็จย่าไม่รีบเสด็จกลับจากเมืองหลวงแล้วละก็ เขาคงไม่กลั้นใจพูดดี ๆ กับสตรีตระกูลเย่อย่างแน่นอน
โฉมสะคราญครุ่นคิด เขาจะมาไม้ไหนอีกกันนะ นัยน์ตาหงส์มองดวงตาคมเข้มคู่นั้นด้วยแววตาประเมินราวกับว่าประหลาดใจ ประกายตาที่เคลือบแคลงสงสัยนั้นทำให้เฉินอ๋องเริ่มรู้ตัวว่าตนกำลังจะใจอ่อนก็รีบผุดลุกขึ้นยืน
“ต่อไปนี้เจ้าก็อยู่ที่นี่ในฐานะสตรีของเฉินอ๋อง ที่ข้าเรียกเมื่อไรก็ต้องมา” จางหย่งเฉินพูดเพียงเท่านั้นก็เดินออกไปทันที ทางด้านหลินหลินที่ต้มโจ๊กเสร็จแล้วกำลังเดินยกถาดเข้ามา ก็ต้องรีบถอยหลังไปยืนด้านข้างทันที
เฉินอ๋องเดินพรวดพราดออกไปแล้ว ไม่แม้จะชายตามองสักนิดว่าโจ๊กที่พระองค์มีรับสั่งให้ทำมานั้นเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลินหลินจึงเดินยกถาดนั้นเข้ามาในห้องนอน
“คุณหนูเจ้าคะ”
เย่ฟางหรูที่เหม่อลอยครุ่นคิดกับคำพูดประโยคนั้นของบุรุษก็พลันหน้าแดงก่ำ นางนึกไปถึงตอนที่ถูกคนผู้นั้นล่วงเกินก็ยิ่งเกิดความประหม่ารู้สึกอับอาย จึงส่ายหน้าไล่ความคิดนั้นเบา ๆ กับตัวเอง โดยไม่รู้เลยว่าหลินหลินเดินเข้ามาในห้องแล้ว
“คุณหนูมากินโจ๊กก่อนเถิดเจ้าค่ะ” เสียงเรียกเบา ๆ ของสาวรับใช้จึงทำให้เย่ฟางหรูรีบกลับมามีสติ
“ขอบใจเจ้ามาก” แม้เย่ฟางหรูจะรู้สึกเกรงใจ แต่ท้องก็ร้องประท้วงออกมาจนเสียงดังแล้ว ร่างบางจึงลุกขึ้นแล้วไปนั่งกินโจ๊กเงียบ ๆ แม้จับช้อนไม่ค่อยถนัดเท่าไรก็ตาม
“ถ้าท่านกินโจ๊กเสร็จแล้วก็นอนพักต่อนะเจ้าคะ” หลินหลินบอกแล้วก็รีบออกไปข้างนอกเมื่อหมิงเอ๋อร์กวักมือเรียก หลิงหาวยืนรอพวกสาวใช้ จากนั้นก็นำรับสั่งท่านอ๋องมาแจ้งกับพวกนางว่าให้จับตาดูสตรีตระกูลเย่ให้ดี ห้ามให้นางทำงานหนักเด็ดขาด แล้วก็ไม่ให้ออกไปนอกเขตเรือนหมู่ตานอีกด้วย
“รับทราบเจ้าค่ะ” สาวใช้ทั้งสามก้มหน้าลง
“หลินหลิน ทุกสามวันให้เจ้ามารายงานที่เรือนซีซวน”
“ส่วนหมิงเอ๋อร์ ถ้ามีเรื่องด่วนให้มาแจ้งทันที”
“ซินซินคอยสังเกตว่าคุณหนูคนนี้ชอบทำอะไรบ้าง”
เมื่อหัวหน้าองครักษ์สั่งงานเสร็จก็กลับเรือนซีซวนตามเดิม จากนั้นทหารทั้งหมดสองร้อยนายก็เข้าปิดล้อมเรือนหมู่ตานตามรับสั่งของท่านอ๋อง