บทที่ 2: เพียงสายตาที่มีเรื่องของฉัน 5

1381 คำ
“เอาล่ะ เรามาคุยเรื่องของเรากันต่อ” แต่มอร์แกนก็คือมอร์แกน ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเขาจะตอแยเก่งขนาดนี้ พอไมเคิลหายไป เขาก็กลับเข้าเรื่องเดิม ฉันเชิดหน้าขึ้น พร้อมสู้กับเขาเหมือนกัน “เป็นอะไรน่ะโรส ดูทำหน้าเข้า อย่างกับว่าอยากจะต่อยผมอย่างนั้นแหละ” ก็เออสิวะ! พูดไม่เข้าหู แม่จะต่อยให้ปากแตก! ทว่าก็ไม่ได้บอกอะไรหรอกนะ ได้แต่ว่าเสียงเข้มเท่านั้น “อยากจะคุยอะไรก็รีบคุยค่ะคุณพ่อ ครูไม่มีเวลามากนะคะ ต้องคอยดูแลเด็กๆ ต้องเตรียมการสอนด้วย วุ่นวายไปหมด” ฉันแสร้งปัดไม้ป่ายมือประหนึ่งว่าวุ่นวายตามที่พูด มอร์แกนก็ดันหัวเราะออกมาให้ฉันได้มองตาเขียว ไม่รู้ว่ามีอะไรน่าขำ ดีที่เขาหยุดตอนถูกฉันมองค้อน ฉันเลยตั้งใจฟังเขาบ้าง “ผมขอเวลาคุยกับคุณเป็นการส่วนตัวสักชั่วโมงสองชั่วโมงจะได้ไหม เผื่อมีเรื่องต้องอธิบายยาว” เท่านั้นฉันก็เลิกคิ้วสูงทันที “มีอะไรต้องอธิบายยาวเหรอคะ” “ไม่รู้สิ แต่ลางสังหรณ์มันบอกอย่างนั้น” ฉันตั้งใจในวินาทีนั้นเลยนะว่าจะปฏิเสธ แต่พออ้าปากขึ้น เขาก็... “เอาเป็นว่าหลังโรงเรียนเลิก เราไปนั่งเล่นที่คาเฟ่ใกล้ๆ กันดีไหม จะได้พาไมค์กี้ไปกินขนมด้วย นานแล้วที่ไม่ได้พาไป ผมไม่ค่อยว่างน่ะ งานมันรัดตัว” พอเอาไมเคิลขึ้นมาอ้าง ฉันก็ลังเลใจไปชั่วขณะ เหลือบไปมองเด็กชายลูกครึ่งคนนั้นแล้วก็นึกสงสาร “ถ้าอย่างนั้นคุณพ่อก็พาไมเคิลไปกันสองคนเถอะค่ะ ไม่ต้องเอาฉันไปด้วยหรอก” อยากให้เด็กน้อยได้ใช้เวลากับคุณพ่อ แต่ไอ้คุณพ่อไม่ได้เรื่องกลับ... “ถ้าคุณไม่ไป ผมก็คงไม่ไป สั่งมาที่คอนโดฯ จะง่ายกว่า” เห็นแต่ความสำคัญของคนนอก ไม่เห็นความสำคัญของลูกตัวเองเลย ไอ้พ่อบ้าเอ๊ย! ฉันตีหน้าตึงเลยนะ หากแต่มอร์แกนไม่สะทกสะท้าน ถามฉันด้วยน้ำเสียงระรื่น “แล้วตกลงคุณจะไปกับผมไหม” ถ้าฉันไม่ไปก็แสดงว่าไมเคิลก็จะไม่ได้ไปด้วย แล้วฉันจะปฏิเสธได้อย่างไรล่ะ “ไปก็ได้ค่ะ แต่มีข้อแม้นะ” “อะไรครับ” “ห้ามเร่งกลับ ถ้าไมเคิลอยากกลับเมื่อไร เราค่อยกลับกันตอนนั้น ปล่อยให้ไมเคิลได้เล่นจนพอใจ เราค่อยกลับกันนะคะ” ฉันอยากจะชดเชยความผิดเสียหน่อย อย่างน้อยก็มอบความสุขให้กับไมเคิลก่อน ส่วนการชดเชยความผิดในส่วนของแม่ไมเคิล...ฉันยังคิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไร มอร์แกนมองหน้าฉันอย่างสงสัย แต่พอเห็นฉันไม่ว่าอะไร เขาก็หัวเราะออกมา “เรื่องนั้นไม่มีปัญหา หลังเลิกงานผมมีเวลาอยู่กับคุณยาวเลยล่ะ” นี่ไง อะไรๆ ก็ฉันอีกแล้ว ฉันพยายามที่จะไม่ใส่ใจสิ่งที่เขาพูด รีบพยักหน้าแล้วตัดบทก่อนที่จะเผลอใจไปตามเขาอีก “งั้นไว้เจอกันตอนเย็นค่ะ” แล้วฉันก็คว้าเอาปึกกระดาษบนโต๊ะมาจัดเรียง ทำทีเป็นไม่สนใจเขาอีก มอร์แกนก็ไม่ได้พูดอะไร ทำเพียงยิ้มให้ฉันแล้วก็จากไป ปล่อยให้ฉันได้ลอบมองตามแผ่นหลังกว้างกระทั่งเขาหายไปจากสายตา เฮ้อ...จริงๆ วันนี้ก็ไม่สมควรที่จะไปกับเขาเลย แต่เอาเถอะ ถือว่าไปแสดงจุดยืนแล้วกันว่าฉันจะไม่มีทางกลับไปสานสัมพันธ์ต่อกับเขา ทุกอย่างมันจบสิ้นลงแล้ว และฉันจะไม่ไปวุ่นวายกับเขาอีก ไม่ไปยุ่งอีกแล้วล่ะ... ตกเย็นก็ไปตามนัดอย่างที่มอร์แกนตั้งใจ เขามานั่งรอฉันส่งเด็กคนอื่นๆ กลับบ้านจนหมดแล้วถึงได้พาฉันขึ้นรถไปยังคาเฟ่ที่อยู่ไม่ไกลจากคอนโดฯ ของเขา พี่บี๋ที่เห็นอย่างนั้นก็อดทักไม่ได้เหมือนกัน ‘พาครูโรสไปเที่ยวคนเดียว ไม่พาครูบี๋ไปอย่างนี้ ครูบี๋น้อยใจนะ’ ไม่ได้ทักมอร์แกนหรือฉันหรอก ทักไมเคิลต่างหาก และความไร้เดียงสาตามประสาเด็กก็ทำให้ไมเคิลขออนุญาตคุณพ่อว่าให้พี่บี๋ได้ไปกับเราด้วย แต่ทว่า... ‘ให้ครูบี๋ไปด้วยไม่ได้หรอกครับ แด๊ดดี้มีเรื่องต้องคุยกับครูโรสตามลำพัง’ ซึ่งพี่บี๋ก็ไม่ได้คิดจะไปด้วยจริงๆ หรอก แค่พูดแซวเท่านั้น แต่พอได้ยินประโยคนี้จากปากของมอร์แกน พี่บี๋ถึงกับทำหูตาแพรวพราวใส่ฉันเลย ส่วนฉันก็ได้แต่พึมพำบอกกับเจ้าหล่อนว่าไม่มีอะไร ดูเหมือนพี่บี๋จะไม่เชื่อสักเท่าไร ก่อนฉันจะไปก็มีการมากระแซะ ‘มีอะไรที่พี่ต้องรู้ มาบอกต่อด้วยนะ’ ไม่มีอะไรที่ต้องรู้ทั้งนั้นแหละ! ไม่สลักสำคัญอะไรทั้งสิ้น! ดูท่าแล้วคงมีแค่ฉันที่คิดอย่างนี้ เพราะพอมาถึงคาเฟ่ มอร์แกนก็รีบคว้าเมนูจากพนักงานเสิร์ฟมาเลือกของกินให้ลูกเป็นการใหญ่ พอฉันถามว่าทำไมต้องรีบร้อน เขาก็ทำให้ฉันต้องย่นคิ้ว “ผมจะได้มีเวลาคุยกับคุณเร็วๆ ไง อยากคุยกับคุณจะแย่อยู่แล้ว” คิดว่าฉันจะรู้สึกอย่างไรล่ะ? ก้มหน้าก้มตาสั่งเครื่องดื่มมันเสียเลย พอเลือกเสร็จก็บอกกับพนักงานเสิร์ฟ หลังจากนั้นก็เข้าสู่ช่วง...เดดแอร์ ไม่มีใครพูดอะไรกันทั้งนั้น มีแต่หนูน้อยไมเคิลที่โพล่งขึ้นมาว่าอยากจะกินขนมเร็วๆ นั่นก็พอจะเรียกรอยยิ้มจากฉันได้อยู่บ้าง “รออีกนิดนึงนะครับ เดี๋ยวไอติมก็มาแล้ว” ฉันบอก ไมเคิลพยักหน้ารับแล้วว่าเบาๆ ว่า ‘ครับ’ จากนั้นก็ตั้งหน้าตั้งตารอต่อไปเงียบๆ ส่วนมอร์แกนก็มองหน้าฉันกับไมเคิลแล้วยิ้มขึ้นมา “ดูคุณจะเข้ากับไมค์กี้ได้ดีนะครับ” ฉันชำเลืองมองเขาทันที “ฉันเข้ากับเด็กได้ดีทุกคนนั่นแหละค่ะ เป็นครูอนุบาลนี่” ไม่อยากจะเจาะจงว่าเฉพาะกับไมเคิลที่ฉันเข้าด้วยด้วย เดี๋ยวเขาจะหลงประเด็นกลายเป็นว่าที่ฉันเข้ากับลูกเขาได้เพราะอยากได้เขา “แต่ดูคุณจะสนิทสนมกับไมค์กี้มากกว่าเด็กคนอื่นๆ” ซึ่งก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เสียด้วย พอเขาพูดมาอย่างนี้ ฉันก็ยิ้มอ่อน “ก็เพราะคุณพ่อมาฝากให้ครูไปส่งที่บ้าน แล้วยังให้ช่วยดูแล พาเข้านอนด้วย จะสนิทมากกว่าเด็กคนอื่นในชั้นก็ไม่แปลกค่ะ” บอกตามตรงว่าฉันประชดประชันเขานะ แต่ทำไมเขาถึงดูไม่ทุกข์ร้อนเลย ฟังฉันพูดแล้วก็คลี่ยิ้มกว้าง “นี่ไง ผมถึงบอกว่าพวกคุณสนิทกัน” ฉันคันในใจยุบยิบเมื่อรู้สึกว่ากำลังถูกดึงให้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่ง ดีที่อาหารและเครื่องดื่มที่สั่งมาเสิร์ฟเสียก่อน ฉันเลยพอที่จะเบนความสนใจไปเรื่องอื่นได้บ้าง ไอศกรีมหน้าตาน่ากินถูกวางอยู่ตรงหน้าเด็กน้อย ไมเคิลคว้าช้อนได้ก็จัดการบรรเลงตักเข้าปากเป็นการใหญ่ ดูท่าทางจะชอบและมีความสุขที่ได้กินของอร่อยมาก กินจนมุมปากเปรอะเปื้อนไปหมด มอร์แกนหัวเราะแล้วก็เรียกอีกฝ่าย “ไมค์กี้ เลอะหมดแล้ว ไหนหันหน้ามาให้แด๊ดดี้ดูหน่อย” เด็กน้อยยอมหันไปตามคำสั่ง ก่อนที่จะถูกคุณพ่อเอากระดาษทิชชูเช็ดให้จนสะอาด “ไม่ต้องรีบกินนะครับ ไม่พอเราก็สั่งใหม่ โอเคไหม” “โอเคฮับ” “เก่งมาก ไหน ตีมือหน่อย” มือเล็กๆ ชูขึ้นในอากาศ แตะกับมือใหญ่ของมอร์แกน เห็นภาพนั้นแล้ว ฉันก็หัวเราะออกมา
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม