รสจูบของเขายังคงมีรสชาติดีเหมือนเดิม ฉันเคลิ้มไปตามการกระทำของเขาเลยทีเดียว หัวสมองที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดชอบชั่วดีหยุดทำงานกะทันหัน ยอมให้เขาได้ตวัดตักตวงความหวานในปากอยู่อย่างนั้น อีกทั้งยังยอมให้ฝ่ามือใหญ่ได้เคล้นคลึงหน้าอกข้างหนึ่งอีกด้วย
ชายเสื้อถูกถลกขึ้น ฝ่ามือนั้นถลำเข้ามาเคล้นคลึงหน้าอกภายในแล้ว ก่อนมันจะซุกซนซอกซอนไปใต้ขอบบราเซียแล้วหยอกเย้ากับยอดอกจนกระทั่งแข็งชูชัน
ฉันหอบหายใจออกมาเล็กน้อย ก่อนที่จะต้องเก็บกักลมหายใจนั้นไว้เมื่อริมฝีปากถูกเขาครอบครองไม่ห่าง ร่างใหญ่ประคองพาฉันไปยังโซฟาที่ครั้งหนึ่งเราเคยใช้เป็นที่เริงรักกัน คราวนี้เสื้อของฉันถูกถลกขึ้นแล้วดึงออกจากหัว ฉันมองหน้าอีกฝ่ายที่แทรกตัวเข้ามาระหว่างกลางแล้วคร่อมทาบทับร่างฉันเอาไว้ พลันก็รู้สึกตัวขึ้นมาว่ากำลังทำบ้าอะไรอยู่เมื่อจู่ๆ ก็เห็นเขาปลดเข็มขัดกางเกง
ไม่! มันต้องไม่ใช่แบบนี้! ทำไม่ได้!
“หยุดนะคะมอร์แกน! ฉันขอสั่งให้คุณหยุด!”
ฉันเอื้อมมือไปรั้งการกระทำของเขาเอาไว้พลางส่งเสียดัง มอร์แกนดูท่าจะตกใจมากที่จู่ๆ ฉันก็ร้องลั่นขึ้นมา เขารีบชะงักมือแล้วคว้ามือฉันไปจับไว้มั่น
“คุณเป็นอะไรน่ะโรส ตกใจอะไร ผมทำอะไรผิดไปตรงไหนหรือเปล่า”
เขารัวคำถามมาเป็นชุด ฉันสูดหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ อดก่นด่าตัวเองไม่ได้
แกนะแก ยัยโรส! แกปล่อยตัวปล่อยใจอย่างนี้ได้อย่างไร!
ฉันไม่ตอบคำถามเขา มีแต่สีหน้าและแววตาอึดอัดที่ส่งไปให้ ก่อนจะบอกออกมาด้วยความ...รู้สึกผิด
“ฉันอยากกลับบ้านค่ะ ขอฉันกลับบ้านนะคะ”
มอร์แกนน่าจะยังสงสัยการกระทำของฉันอยู่นั่นแหละ แต่เขาไม่ซักไซ้อะไรแล้ว เห็นฉันดูท่าไม่ดี เขาก็รีบใส่เข็มขัดอย่างเดิม
“งั้นเดี๋ยวผมไปส่ง โรสแต่งตัวเถอะ”
พลันผละไปคว้าเสื้อของฉันที่อยู่บนพื้นมาให้ ฉันรับมาแนบกับหน้าอกของตัวเองแน่น
“ไม่ต้องค่ะ ฉันขอกลับเองดีกว่า”
“แต่มันดึก...”
“ฉันกลับเองสบายใจกว่าค่ะ”
ตัดสินใจบอกไปอย่างนี้ มอร์แกนเลยยุติการคะยั้นคะยอ ถอนหายใจออกมาเต็มแรงคล้ายจงใจให้ฉันได้ยิน แล้วก็ยอมจนได้
“ก็ได้ งั้นผมจะลงไปส่งคุณขึ้นแท็กซี่แล้วกัน ถึงแล้วก็ช่วยโทรมาบอกผมหน่อยนะครับ ผมจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง”
ฉันพยักหน้าไปอย่างนั้นแหละ ไม่ทำตามที่เขาบอกหรอก พลันก็รีบสวมเสื้อคืนกลับที่เดิม แล้วลุกจากโซฟา คว้าข้าวของของตัวเองมาถือในมือ ส่วนมอร์แกนก็ยืนมองด้วยสายตาที่ยากจะอ่าน
“ฉันพร้อมกลับแล้วค่ะ”
ฉันบอก มอร์แกนเม้มริมฝีปากแล้วพยักหน้า
“โอเค ถ้างั้นเราก็ไปกันเลย ถ้าคุณลืมอะไรไว้ก็ไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวผมเอาไปคืนให้ที่โรงเรียนเอง”
ฉันพยักหน้าอีกครั้ง ไม่พูดอะไร เดินออกมารอนอกห้อง พอเขาล็อกประตูอะไรเรียบร้อยแล้วก็ตรงไปยังลิฟต์ ไม่มีบทสนทนาใดๆ ของเราทั้งคู่ดังขึ้นมาอีก
ความจริงจะว่าไม่มีก็ไม่ถูกต้อง มีตอนที่มอร์แกนส่งฉันขึ้นรถแท็กซี่แล้วกำชับว่า...
‘กลับถึงบ้านแล้วโทรหาผมด้วยนะ ผมจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง’
แต่เอาเข้าจริง ฉันก็ไม่ได้โทรหาเขาหรอก รู้สึกผิดที่เผลอปล่อยตัวปล่อยใจจนไม่อยากจะพูดคุยกับเขาอีกแล้ว
ทว่าก็หนีไม่ได้เมื่อเช้าวันใหม่ ฉันก็เจอกับเขาที่โรงเรียนตอนที่เขามาส่งลูกอยู่ดี
“เมื่อวานคุณไม่โทรหาผม”
เขาปรี่มาหาฉันทันทีที่สบโอกาส ฉันที่เพิ่งจะส่งไมเคิลให้กับพี่บี๋เพื่อพาไปรวมกับเด็กคนอื่นๆ ในห้องมองเขาด้วยสายตาที่คิดว่าเย็นชาสุดๆ
“รู้ใช่ไหมว่าผมเป็นห่วงคุณ”
พอฉันไม่พูด เขาก็ว่ามาอีก ฉันเลยต้องหันไปมองหน้าเขาจังๆ
“ฉันก็ถึงโดยสวัสดิภาพไม่ใช่เหรอคะ ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย”
“แต่คุณก็ควรโทรหาผม ไม่ใช่ให้ผมกระวนกระวายใจรอดึกดื่นขนาดนั้น”
“คุณก็มีเบอร์ฉันนี่ โทรมาก็ได้”
“แล้วคุณรับหรือเปล่า”
เขาว่าเสียงเข้มมาเชียว ใช่ เขามีเบอร์ฉัน และเขาก็ระดมโทรมาหาด้วย แต่ฉันไม่รับ อย่างที่บอก ไม่อยากจะรู้สึกผิดไปมากกว่านี้น่ะ ก็เขา...มีลูกมีเมียแล้ว
คิดเรื่องนี้ขึ้นมา ความผิดบาปก็ก่อตัวจนฉันขยะแขยงตัวเองไม่น้อย
ทำไมฉันจะต้องไปเผลอไผลกับคนมีลูกมีเมียแล้ว
ทำไมฉันถึงควบคุมตัวเองไม่ได้ทั้งๆ ที่ก็ปฏิเสธได้
ไม่โทษว่าเป็นความผิดของเขาฝ่ายเดียวหรอก เป็นความผิดของฉันเองด้วย ฉันไม่มีหน้าจะไปพูดคุยกับเขาแล้ว แต่ก็จำต้องพูดเมื่อจู่ๆ เขาก็คว้าแขนฉันเอาไว้
“โรส ผมคุยกับคุณอยู่นะ สนใจหน่อยได้ไหม”
“นี่มันโรงเรียนนะมอร์แกน คุณจะมาทำแบบนี้กับฉันที่นี่ไม่ได้”
ฉันรีบชักมือออกอย่างรวดเร็ว เขาก็ยอมปล่อยเช่นกัน ดีที่ไม่มีใครเห็น ทว่าเขาก็ไม่หยุดที่จะตอแย
“งั้นคุณก็ต้องบอกผมว่าไม่พอใจอะไรผม ผมจะได้อธิบายให้คุณฟัง คุณจะได้เลิกทำท่าทางงี่เง่าอย่างนี้สักที”
งี่เง่า...นี่เขาว่าฉันงี่เง่าหรือ!?
มีสิทธิ์อะไรมาว่าฉันอย่างนี้ ถึงฉันจะงี่เง่าจริงๆ ก็เถอะ แต่เขาไม่ได้เป็นอะไรกับฉัน ไม่มีสิทธิ์มาว่าฉันอย่างนี้นะ!
“ฉันว่าคุณเข้าใจผิดไปกันใหญ่แล้วค่ะ ฉันไม่ได้งี่เง่า แล้วก็ไม่ได้ไม่พอใจอะไรคุณ ฉันแค่ไม่...”
ไม่อยากจะไปเป็นมือที่สามของครอบครัวใคร...
เกือบจะพูดออกไปอย่างนี้อยู่แล้ว ทว่าก็ต้องระงับไว้เมื่อจู่ๆ ไมเคิลก็วิ่งถลาเข้ามา
“แด๊ดดี้...” พร้อมกับเรียกมอร์แกน
มอร์แกนละสายตาจากฉันไปยังลูกชายตัวน้อย พลางถามด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปราวกับหน้ามือหลังมือ
“ว่ายังไงครับไมค์กี้ มีอะไรเหรอ”
“ลืมหอมแก้มแด๊ดดี้”
เด็กน้อยบอกเสียงใส นิ้วมือเล็กๆ จิ้มลงไปบนแก้มนุ่มจนบุ๋ม ฉันยิ้มให้กับภาพนั้น และยิ้มกว้างมากขึ้นไปอีกเมื่อเห็นมอร์แกนยื่นหน้าให้ไมเคิลได้หอม
“เอาสิครับคนดี หอมแด๊ดดี้แล้วเชื่อฟังคุณครูนะ”
เขาว่า ไมเคิลโผเข้ากอดร่างใหญ่เป็นการบอกลา ก่อนจะกลับเข้าไปรวมกลุ่มเพื่อนๆ เหมือนเดิม ส่วนฉันที่ยืนยิ้มอยู่ ฉับพลันก็รู้สึก...สังเวชตัวเองขึ้นมา
ครอบครัวของเขามีความสุขขนาดนี้ ฉันกล้าแทรกกลางเข้าไปทำลายได้อย่างไรกัน
ไม่เอา...ไม่เอาแล้ว ต่อจากวินาทีนี้เป็นต้นไปจะไม่สนใจผู้ชายที่ชื่อว่ามอร์แกนอีกแล้ว ต่อให้เขาหล่อเลิศประเสริฐศรีมาจากไหนก็เถอะ แต่ฉันจะไม่เข้าไปทำลายครอบครัวเขาแน่ๆ ถ้าครอบครัวเขามันจะพังทลาย มันต้องเป็นเพราะผู้หญิงคนอื่น ไม่ใช่ฉันอย่างแน่นอน!