หลังจากวันที่ฉันรับปากว่าจะไปส่งไมเคิลให้ที่คอนโดฯ ก็ดูเหมือนความเกรงใจของมอร์แกนจะหมดสิ้นไปทันที เพราะเขายังคงติดต่อมาหาพี่บี๋เพื่อให้ฉันพาไมเคิลไปส่งอีกเป็นครั้งที่สอง แน่ล่ะว่าพี่บี๋รับปาก ส่วนคนที่มีหน้าที่ไปส่งน่ะหรือ? เหอะ คือฉันเองไง
ฉันก็บ้าบอ รู้ทั้งรู้ว่าถ้าไปแล้วก็จะต้องเจอกับเขา แต่ก็ยังจะรับปากอีก จะบอกว่าเป็นเพราะค่าตอบแทนที่เขาให้ฉันก็ไม่เชิงนัก บอกตามตรงว่าฉันไม่ได้อยากได้เงินของเขา ที่ฉันอยากได้ก็คือ...อยากเจอเขา
เพิ่งรู้ตัวเหมือนกันว่าเป็นคนที่ย้อนแย้งขนาดนี้ ฉันถอนหายใจให้กับตัวเอง ก่อนจะพาไมเคิลลงจากรถแท็กซี่ แล้วก็ใช้คีย์การ์ดจากกระเป๋านักเรียนตรงขึ้นลิฟต์ไปเปิดห้องของมอร์แกนอย่างที่เคยทำในครั้งแรก ซึ่งในครั้งนี้ ฉันก็อยู่นั่งรอเขากลับมาเป็นเพื่อนไมเคิลอีกเช่นกัน
อันนี้ฉันบอกได้เลยว่าที่อยู่ต่อเป็นเพราะเป็นห่วงเด็กเท่านั้น ไม่ใช่อยากจะเจอคุณพ่อจนไม่ยอมกลับไปไหน ฉันจัดแจงเอานมกล่องให้ไมเคิลกิน พร้อมกับถือวิสาสะใช้ครัวทำไข่เจียวราดข้าวให้ด้วย เด็กน้อยจะได้ไม่ต้องเข้านอนไปพร้อมกับท้องที่หิวจนกิ่ว
ไมเคิลก็เป็นเด็กที่น่ารักมากทีเดียว พูดอะไรก็เชื่อฟัง ไม่ดื้อ ไม่ซน เรียกได้ว่าเป็นเด็กพูดน้อยก็ว่าได้ อาจจะเป็นเพราะไม่ค่อยมีคนอยู่ให้พูดคุยด้วยล่ะมั้ง เขาถึงได้พูดน้อยอย่างนี้ ช่วยไม่ได้ ก็พ่อแม่เขาไม่ค่อยใส่ใจนี่นะ มีเงินก็ใช่ว่าจะเลี้ยงลูกได้ดี ส่วนฉัน...จะมาเป็นพี่เลี้ยงลูกให้มอร์แกนทำไมก็ไม่รู้ ทำเกินหน้าที่ครูพี่เลี้ยงไปมากเกินไปแล้ว
ถึงอย่างนั้น ฉันก็ยังจะพาไมเคิลไปอาบน้ำแต่งตัว และพาเข้านอนเมื่อเห็นว่าท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว ไมเคิลเป็นเด็กที่ดูน่าจะถูกเลี้ยงดูมาโดยสไตล์ฝรั่ง พอเข้าห้องนอนปุ๊บ เขาก็ปีนขึ้นเตียง เล่นตุ๊กตานิดหน่อย ขอให้ฉันเล่านิทานให้ฟัง จากนั้นก็ผล็อยหลับไปอย่างง่ายดาย โดยที่ฉันไม่ต้องขู่หรือปลอบอะไรมากมาย
ฉันกลับออกมานั่งรอเจ้าของห้องที่โซฟาในห้องนั่งเล่น ผ่านไปสักชั่วโมงกว่าๆ ร่างสูงของมอร์แกนก็โผล่มาให้เห็น ฉันดันตัวขึ้นยืนแล้วโพล่งออกมาก่อนที่เขาจะได้ทักทาย
“ไมเคิลเข้านอนไปแล้วนะคะ ฉันให้กินข้าวเย็น แล้วก็อาบน้ำเรียบร้อยแล้ว คุณพ่อไม่ต้องทำอะไรแล้วค่ะ หมดหน้าที่แล้ว”
เน้นย้ำกระแทกประโยคหลังไปเล็กน้อยเพื่อบอกให้เขารู้ว่าเขาละเลยลูกตัวเองมากเกินไปแล้ว หากทว่ามอร์แกนกลับไม่แสดงท่าทีอะไรออกมา นอกเสียจากยิ้มรับแล้วว่าเสียงนุ่ม
“ขอบคุณครับ คุณใจดีจังเลย พาไมค์กี้เข้านอนให้ด้วย”
ก็ไม่ใช่หน้าที่ของฉันหรอก ถ้าไม่เห็นแก่เด็กก็คงจะไม่ทำ และตอนนี้ก็หมดหน้าที่ของฉันแล้ว ฉันจะกลับละ
“ไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ เดี๋ยวจะดึก”
พอพูดจบก็เดินตรงไปยังประตู ทว่ามอร์แกนกลับยืนขวางเอาไว้ ทำให้ฉันต้องขมวดคิ้ว
“มีอะไรคะ”
สาบานว่าไม่ได้กระชากเสียงแต่อย่างใด ทว่าน้ำเสียงของฉันก็เต็มไปด้วยความไม่พอใจนั่นแหละ
จู่ๆ ก็มายืนขวางไม่ให้กลับ จะเอาอะไรอีก
“เดี๋ยวผมไปส่งเอง ไม่ต้องกลัวดึก”
แล้วเขาก็ทำให้ฉันต้องขมวดคิ้วมากขึ้นไปอีก
เขาคิดอะไรอยู่ ถึงได้บอกให้ฉันอยู่ต่อแบบเป็นนัยๆ
ไม่ได้คิดเองนะ เขาต้องอยากให้ฉันอยู่ต่อแน่ แต่ใครมันจะไปอยู่กัน
“พรุ่งนี้ฉันมีงานเช้านะคะ อยู่ดึกกว่านี้ไม่ได้หรอก”
“ก็ไม่ได้จะบอกให้คุณอยู่ดึกสักหน่อย แค่อยากจะให้คุณอยู่ต่ออีกเดี๋ยวเดียวเท่านั้น”
ฉันหรี่ตาลง จ้องมองใบหน้าที่อาบไปด้วยรอยยิ้มพรายอย่างไม่เข้าใจ
“จะอยากให้ฉันอยู่ต่อไปทำไมคะ”
ถามตรงๆ ไปเลย เขาจะได้บอกจุดประสงค์ออกมาตรงๆ ก่อนที่สายตาของฉันจะถูกเบี่ยงเบนไปเมื่อคนตรงหน้าชูถุงพลาสติกที่ใส่อะไรบางอย่างขึ้นมา
“ผมซื้อข้าวเย็นมาเผื่อคุณ อยากให้คุณกินก่อน คิดว่าคุณคงจะยังไม่ได้กินอะไร”
มันเป็นบะหมี่เกี๊ยวน้ำล่ะ แต่ว่า...เขาห่วงฉัน ทว่าไม่ห่วงลูกตัวเองเนี่ยนะ
“ไม่ต้องห่วงว่าผมจะไม่ได้ซื้อให้ไมค์กี้ ซื้อมาเหมือนกัน แต่จะเอาไว้ให้เขากินพรุ่งนี้เช้าก่อนไปโรงเรียน”
ราวกับอ่านสายตาของฉันออก เขารีบพูดออกมาก่อนที่จะโดนฉันสวนคืน ฉันไม่รู้จะพูดอะไรเลยได้แต่พยักหน้า ขณะที่เขาคะยั้นคะยอ
“ไปที่ครัวเถอะครับ ผมจะได้เตรียมของให้คุณได้กิน”
จะปฏิเสธก็ดันรู้สึกเกรงใจขึ้นมา ฉันยืนนิ่งอยู่เล็กน้อย จนกระทั่งเขาว่ามาอีก
“มาเถอะครับ กินเสร็จแล้ว ผมจะไปส่ง”
“ไม่ต้องไปส่งหรอกค่ะ อยู่กับไมเคิลเถอะ ฉันกลับเองได้”
ฉันรีบบอกไป ถ้าเขาไปส่งฉัน ก็เท่ากับว่าจะต้องทิ้งไมเคิลให้อยู่คนเดียวอีก ซึ่งฉันไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น แล้วก็กะว่าถ้ามอร์แกนดึงดันก็จะยืนกรานให้หนักแน่นกว่านี้ ดีที่เขามองฉันนิ่งๆ เพียงครู่แล้วก็พยักหน้ารับ
“เอาแบบนั้นก็ได้ แต่ยังไงก็มากินก่อนเถอะครับ เดี๋ยวมันจะหายร้อนหมด”
เขาพยักหน้า เรียกให้ฉันเข้าครัว ฉันสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดแล้วเดินตามไป เท่านั้นมอร์แกนก็ยิ้มออกมาได้ ก่อนที่จะไปเตรียมถ้วยชามมาแกะอาหารเย็นใส่ให้ฉันให้กิน