@บ้านพอร์ช
“ถึงไหนแล้ว” เสียงพร้อมพงศ์หันถามภรรยาของตัวเอง ทำให้ นลินทิพย์ ที่ได้ยินตอบกลับ
“น่าจะใกล้แล้วนะ…” โดยยังไม่ทันที่หญิงวัยกลางคนหน้าตาดูสวยใจดีจะพูดจบ
“…อ้าวนั่นไง พอร์ชมาพอดีเลย” สิ้นเสียงหวานของนลินทิพย์เอ่ยบอกพลางหันไปยังร่างสูงที่กำลังสาวเท้าเดินเข้ามา
“สวัสดีครับ” เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาไม่รอช้าที่จะยกมือขึ้นไหว้พ่อแม่ของตัวเองพร้อมกับมองไปยังชายวัยกลางคน และชายรุ่นราวคราวเดียวกับเขาที่นั่งอยู่ ซึ่งแม้จะไม่เคยพบเจอกันมาก่อน แต่พอร์ชก็เลือกที่จะยกมือขึ้นไหว้ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่บนโซฟาภายในห้องรับแขกบ้านหลังใหญ่ของเขาไปด้วยท่าทีสุภาพ
“สวัสดีครับ” พอร์ชมีท่าทีอึกอักเล็กน้อย เนื่องจากชายวัยกลางคนนั้นดูไม่ใช่เชื้อชาติไทย ชายหนุ่มจึงไม่รู้จะต้องทักทายเป็นภาษาอะไร และทำท่าจะเปลี่ยนเป็นทักทายภาษาอังกฤษต่อ ทว่า…
“หวัดดี” ชายวัยกลางคนนั้นกลับทักทายกลับมาด้วยภาษาไทยที่อาจจะฟังดูไม่ชัดสักเท่าไร แต่ก็พอที่จะสื่อสารได้พอสมควร
“นั่งลงก่อนสิ” พร้อมพงศ์หันบอกกับลูกชายเพียงคนเดียวของตัวเอง คนตัวสูงที่ได้ยินแบบนั้นจึงพยักหน้ารับรู้นั่งลงยังโซฟาฝั่งตรงข้ามกับชายทั้งสองที่นั่งอยู่ด้วยท่าทีปกติ ซึ่งเมื่อเห็นแบบนั้น พร้อมพงศ์ก็ไม่รอช้าที่จะแนะนำลูกชายตัวเองให้กับนักธุรกิจใหญ่ต่างชาติที่อยู่ตรงหน้า
“นี่พอร์ชครับ ลูกชายผม…”
“…พอร์ช นี่อาอัคราฟ ทำธุรกิจอยู่ที่อิตาลี” ชายหนุ่มมัธยมปลายที่ได้ยินก็ก้มหน้าทักทายด้วยท่าทีสุภาพอีกครั้งอย่างรู้ตัวว่าควรจะมีท่าทียังไง เนื่องจากพ่อของเขามักจะคอยสร้างคอนเน็กชันเพื่อส่งเสริมธุรกิจต่าง ๆ ให้กับครอบครัวอยู่เสมอ ทำให้ในตอนนี้ธุรกิจนำเข้ารถหรูของบ้านเขากำลังไปได้สวย รวมถึงแพลนที่จะหันไปจับทำธุรกิจอื่นร่วมด้วยของทางบ้านก็กำลังไปได้ด้วยดีและมีความน่าเกรงขามสำหรับคอนเน็กชันที่พ่อเขาสร้างเอาไว้
“อ้อ ส่วนนี่ เคลวิน ลูกอาอัคราฟเขา ทำความรู้จักกันไว้สิ…”
“…เดือนหน้าเคลวินมีแพลนว่าจะมาเมืองไทยอีก ถ้าแกว่าง ก็ช่วยพาเคลวินเขาไปเที่ยวหน่อย” พร้อมพงศ์บอกอย่างไม่ได้กดดันอะไรลูกชายตัวเองมากนัก ทว่าพอร์ชที่หัวไวในเรื่องนี้ก็ไม่คิดทิ้งโอกาส เขาติดนิสัยพ่อตัวเองมาอยู่ไม่น้อยในการรักษาความสัมพันธ์อันดีกับคนอื่นเพื่อผลประโยชน์ต่าง ๆ
“ได้สิ ถ้ามาเมื่อไร ก็บอกได้ตลอดเลยนะ” ชายหนุ่มหันบอกกับชายลูกครึ่งที่ตอนนี้ดูไม่มีความสนิทกันเลยแม้แต่น้อย
“อืม” ทว่าเคลวินเองก็ไม่ได้รู้สึกแย่อะไรนักกับคนที่อยู่ตรงหน้า อาจจะเพราะอายุทั้งสองเท่ากันด้วย ทำให้บรรยากาศไม่ได้ดูน่าอึดอัดใจเท่าตอนแรกที่เขานั่งอยู่คนเดียวท่ามกลางผู้ใหญ่
“อยากออกไปเดินเล่นหน่อยไหม” พอร์ชมองหน้าถามหนุ่มลูกครึ่งอิตาเลียน เจ้าของใบหน้าหล่อที่ได้ยินแบบนั้นจึงพยักหน้าตอบกลับ ก่อนที่ทั้งสองจะพากันเดินออกไปยังบริเวณสวนหลังบ้านหรู และในตอนนั้นเอง
“เอาหน่อยไหม” พอร์ชไม่รอช้าที่จะยื่นซองบุหรี่ยี่ห้อแพงให้กับคนที่ยืนอยู่ เคลวินที่เห็นแบบนั้นก็เริ่มรู้สึกถูกชะตากับลูกชายเจ้าของบ้าน
“อืม” ปากหนาตอบกลับพลางหยิบบุหรี่เข้ามาสูบตามประสา
“จะมาทำธุรกิจที่ไทยกันเหรอ” พอร์ชชวนพูดคุย
“อืม เห็นเขาว่าน่าลงทุน”
“ธุรกิจแบบไหนล่ะ”
“ก็มีอย่างเดียวที่น่าทำ” ชายลูกครึ่งตอบกลับถึงธุรกิจสีเทาที่หลายคนมักจะเลือกมาลงทุนกัน แน่นอนว่าพอร์ชที่พอรู้อยู่แล้วว่าอัคราฟไม่ใช่เพียงนักธุรกิจธรรมดาก็พยักหน้ารับรู้ พร้อมกับพ่นควันบุหรี่สีขาวเทาออกมาพูดคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้กับเคลวินมากขึ้นด้วยอายุและมีสิ่งที่สนใจคล้าย ๆ กัน กระทั่งอัคราฟกับเคลวินกลับไป
“เป็นไง กับเคลวิน พอจะทำความรู้จักกันไว้ได้บ้างไหม” เสียงพร้อมพงศ์หันถามลูกชายของตัวเอง
“ได้อยู่ครับ ดูไม่ได้มีอะไร”
“แบบนั้นดีเลย พวกเขากำลังจะเริ่มมาลงทุนที่ประเทศไทย เป็นคนมีอิทธิพลของฝั่งอิตาลี ถ้าเราได้ทำความรู้จักกับเขาไว้ จะเป็นผลดีต่อหลายอย่าง”
“ครับ” เจ้าของใบหน้าหล่อไร้ที่ติพยักหน้าตอบกลับอย่างรับรู้ โดยในตอนนั้นเอง
ครืดดด~
เสียงโทรศัพท์ของพอร์ชดังขึ้น
ข้อความ (5)
ไซอัล : อยู่ไหนกันแล้ววะ
ยูโน่ : กำลังออก
มินโฮ : กูอยุ้**องนัำ
ไซอัล : พิมพ์เหี้ยอะไร อ่านไม่รู้เรื่อง
มินโฮ : เย้ดอยุ้
ไซอัล : ไอ้เวร! ล่อตั้งแต่ยังไม่ถึงโต๊ะเลยนะ
ยูโน่ : 555555555
ไซอัล : แล้วมึงล่ะ @บอมเบย์ ถึงไหนแล้ว
บอมเบย์ : กำลังออก แวะไปคอนโดมา
บอมเบย์ : เมื่อกี้กูเจอเพื่อนใหม่ด้วย
ไซอัล : เพื่อนใหม่?
บอมเบย์ : เด็กใหม่ห้องกูที่นั่งข้างไอ้พอร์ชไง
บอมเบย์ : อยู่คอนโดเดียวกันกับพวกเรา
ยูโน่ : ถามจริง
บอมเบย์ : เออ กูเกือบทักละ แต่เห็นเขาไม่สนใจใครเลย กูก็เลยเดินสวนออกมา
ยูโน่ : ดูท่าจะบ้านมีเงินใช่เล่น บ้านทำธุรกิจอะไรวะ
บอมเบย์ : ไม่รู้ว่ะ
ไซอัล : เออ ช่างเด็กใหม่ก่อนเหอะ รีบมาไอ้เวร กูอยู่คนเดียว นั่งหงอยแดกเหมือนคนไม่มีเพื่อนคบ
มินโฮ : ก้ไมีมรจรีงไๆๆ
ไซอัล ลบ มินโฮ ออกจากกลุ่ม
ไซอัล : ออกไปซะไอ้เวร เย็บอยู่ยังเสือกมานะจะพิมพ์
บอมเบย์ : 55555555555555
ยูโน่ : 55555555555555555
“หึ” พอร์ชที่ยืนอ่านข้อความในกลุ่มเพื่อนอยู่เงียบ ๆ เผลอหลุดหัวเราะออกมา ทำให้พร้อมพงศ์กับนลินทิพย์ที่ยืนอยู่หันมองหน้าลูกชายตัวเองด้วยความสงสัย ร่างสูงที่ได้สติจึงเงยหน้าเอ่ยบอกคนเป็นพ่อแม่
“ถ้างั้นเดี๋ยวผมกลับก่อนนะครับ” ริมฝีปากหนาเอ่ยบอก
“อืม” ชายวัยกลางคนที่ได้ยินจึงพยักหน้ารับรู้ ตามด้วยเสียงหวานของนลินทิพย์
“กลับดี ๆ นะลูก”
“ครับ” หนุ่มมัธยมปลายปีสุดท้ายยิ้มตอบกลับแม่ของตัวเองพลางสาวเท้าเดินตรงกลับไปยังรถคันหรูของตัวเองและขับตรงกลับไปยังคอนโดของตัวเองที่อยู่ห่างจากตัวบ้านอยู่ไม่ไกลไม่ใกล้ ทว่าเนื่องจากการจราจรที่ติดขัดในเกือบทุกวัน ก็ทำให้เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาใช้เวลาอยู่ไม่น้อยกว่าจะถึงยังคอนโดหรูใจกลางเมืองที่เพื่อน ๆ ของเขาทั้งหมดก็พักอาศัยกันอยู่ที่นี่ ทว่าอยู่กันคนละชั้น โดยยูโน่ บอมเบย์ จะอยู่ในชั้นที่ 50 ส่วนไซอัล มินโฮ และพอร์ชจะอยู่ในชั้นที่ 58 เป็นชั้นที่สูงที่สุดของคอนโดโครงการนี้ ทว่าพวกเขาอยู่กันคนละฝั่ง ไซอัลกับมินโฮจะอยู่ห้องไม่ห่างกันมาก ส่วนพอร์ชจะอยู่ในฝั่งที่ห้องมีขนาดใหญ่กว่าปกติเล็กน้อย ซึ่งเป็นห้องที่แพงที่สุด และมีความเป็นส่วนตัวค่อนข้างสูง โดยหลังจากขับรถมาจนถึงที่จอดรถโซนวีไอพีของชั้นล่างที่ชายหนุ่มมักจะชอบจอดเนื่องจากมันค่อนข้างที่จะสะดวกสำหรับเขา
สองเท้าหนักก็เดินลงจากรถตรงเข้าไปยังทางผ่านล็อบบีปกติเพื่อรอลิฟต์ไปยังห้องพักของตัวเอง ทว่าขณะที่ร่างสูงกำลังยืนรอลิฟต์ด้วยท่าทีปกติอยู่นั้น
ตึก
ตึก
อยู่ ๆ ใบหน้าหล่อก็ต้องชะงักไปหลังจากได้ยินเสียงสองเท้าของใครบางคนเดินตรงเข้ามายืนรอลิฟต์อยู่ด้านข้างเขาพร้อมกับกลิ่นน้ำหอมที่ดูคุ้นเคยบอกไม่ถูกจนดวงตาคมจำต้องหันไปมองด้วยความรู้สึกสงสัย ก่อนที่พอร์ชจะชะงักนิ่งไปเล็กน้อยอีกครั้ง เมื่อพบว่า คนที่ยืนอยู่ด้านข้างเขาในตอนนี้ก็คือ เพื่อนร่วมห้องคนใหม่ที่นั่งอยู่ด้านข้างเขามาตลอดทั้งวันในวันนี้ ซึ่งในตอนนี้ เธอแปลกตาไป เนื่องจากอีกคนไม่ได้สวมใส่ชุดนักเรียน แต่กลับสวมใส่เสื้อกล้ามสีขาวที่ดูรัดรูปเล็กน้อย รวมถึงกางเกงขาสั้นที่เผยให้เห็นเรียวขาสวยขาวเนียนชวนมอง ยิ่งอยู่ในชุดแบบนี้แล้ว มันยิ่งทำให้หญิงสาวที่ปกติว่าดูดีอยู่แล้ว ยิ่งเหมือนเพิ่มความชวนให้มองไม่หยุดมากขึ้น
แม้กระทั่งร่างสูงเองยังเผลอไผลไปกับภาพที่อยู่ตรงหน้าอยู่หลายนาที กระทั่งคนที่ถูกจ้องมองที่สวมใส่หูฟังอยู่หันมองยังคนด้านข้าง เธอไม่ได้ดูมีท่าทีใด ๆ หรือตกใจเลยสักนิดกับการเจอกับเพื่อนร่วมโต๊ะของตัวเอง ใบหน้าเรียวได้รูปยังคงแสดงออกมาถึงความเรียบนิ่งไม่คิดสนใจอะไร กระทั่งเสียงลิฟต์ที่อยู่ตรงหน้าดังขึ้น สองเท้าบางก็เดินตรงเข้าไปด้านในลิฟต์ในทันที พอร์ชที่ได้สติก็พยายามตั้งสติเดินตรงเข้าไปภายในลิฟต์เช่นกัน ก่อนจะอดไม่ได้ที่จะเหลือบไปเห็นมือบางกดเข้าที่ชั้น 32 ซึ่งน่าจะเป็นชั้นที่อยู่ของเธอ
ก่อนที่มือแกร่งจะเอื้อมเข้าไปกดเข้าที่ชั้น 58 ชั้นห้องของตัวเองเช่นกัน โดยใช้เวลาไม่นาน ลิฟต์หรูก็ถูกเคลื่อนไปยังชั้นที่ 32 ทำให้ร่างสวยที่อยู่ชั้นนี้สาวเท้าเดินออกจากลิฟต์หรูไปนิ่ง โดยมีสายตาคมของคนตัวสูงที่ยังคงยืนอยู่ภายในลิฟต์มองตามไปพร้อมกับกลิ่นน้ำหอมบาง ๆ ที่ยังคงฟุ้งอยู่ภายในลิฟต์
“ใช้น้ำหอมกลิ่นอะไร…กลิ่นดีฉิบ” ปากหนาพึมพำออกมาเล็กน้อย ก่อนที่ประตูลิฟต์จะค่อย ๆ ปิดลงพร้อมกับเคลื่อนตัวขึ้นไปยังชั้นที่ 58 ต่อ…
ด้านเซลีน
หลังจากที่เดินออกมาจากลิฟต์ หญิงสาวก็เดินตรงไปยังห้องตัวเองที่อยู่ริมสุดของชั้นในทันทีด้วยใบหน้ายังคงฉายออกมาถึงความเรียบนิ่งตามประสาของตัวเอง ทว่าขณะที่มือบางที่เพิ่งเดินลงไปซื้อของใช้จำเป็นสำหรับผู้หญิงกำลังจะใช้คีย์การ์ดกดรหัสเปิดห้องเข้าไป
ครืดดด~
เสียงโทรศัพท์ราคาแพงในมือสวยก็ดังขึ้นมาพอดี ทำให้ร่างสวยจำต้องผละสายตาก้มลงไปมองยังหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเอง และในตอนนั้นเอง แววตาสวยก็ฉายออกมาถึงความราบเรียบมากกว่าเดิม
ข้อความ
xx : ทำตัวให้ดี อย่าสร้างปัญหา
xx : ไม่งั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน
หลังจากอ่านข้อความที่ถูกส่งเข้ามาเสร็จ เซลีนก็เอาแต่ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะจัดการเก็บโทรศัพท์ในมือลงพร้อมกับสาวเท้าเดินเข้าไปภายในห้องคอนโดราคาแพงของตัวเองด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเรียบนิ่งแต่ก็มีความรู้สึกบางอย่างมากมายถาโถมอยู่ในใจ