วันต่อมา…
ร่างสูงที่นั่งอยู่ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นหลังจากแสงแดดสอดส่องเข้ามากระทบเข้าที่ดวงตาคมของเขา ก่อนที่ชายหนุ่มจะหันไปจ้องมองยังร่างสวยอีกคนที่นอนหลับตาพริ้มอยู่ ซึ่งในจังหวะนั้น เซลีนก็เริ่มรู้สึกตัวเช่นกันพร้อมกับดวงตาของทั้งสองที่เผลอปะทะกันเข้าอย่างจัง และมีความเก้อต่อกันอยู่ไม่น้อย หลังจากที่ใช้เวลาอยู่ด้วยกันเกือบทั้งคืน ที่ถึงแม้จะไร้ซึ่งการพูดคุยใด ๆ แต่คนที่ไม่เคยสนิทกันมาก่อน แถมทะเลาะกันอยู่เป็นประจำ พอต้องมาอยู่ด้วยกันก็จะมีท่าทีบางอย่างต่อกันไปโดยธรรมชาติแบบนี้ กระทั่ง…
แกร๊ก!
“เอ้! ใครกันหนา มาเปลี่ยนกุญแจล็อก” เสียงชายสูงวัยที่เป็นคนดูแลทุกอย่างพูดขึ้นอยู่บริเวณหน้าห้องเก็บของ ทำให้พอร์ชที่ได้สติรีบเดินเข้าไปหยิบเสื้อจากเซลีนเข้ามาสวมใส่ด้วยความรวดเร็วเกรงว่าจะถูกเข้าใจผิดเอาได้ ร่างสวยที่รับรู้ได้ถึงลักษณะท่าทีของอีกคนก็นิ่ง จนประตูห้องเก็บของถูกเปิด
“อ้าว! ทะ…ทำไมมาอยู่ที่นี่กันได้ล่ะครับ” ชายภารโรงเอ่ยถามสองคนที่อยู่ด้านในสีหน้าตื่นตกใจ พอร์ชที่เห็นก็นึกรู้ได้ถึงความเป็นกังวลของชายสูงวัย
“พอดีเราเข้ามาเอาของ แล้วน่าจะมีคนเข้าใจผิดคิดว่าไม่มีคนอยู่น่ะครับ” เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาบอกพลางหันมองยังร่างบางที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน เซลีนที่ได้ยินแบบนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ แม้ว่าจะรู้สึกหงุดหงิดที่ถูกกลั่นแกล้งแบบนี้ แต่เธอไม่อยากจะทำอะไรให้ต้องเป็นเรื่องใหญ่ จึงจะยอมปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไป และแน่นอนว่า มันจะเป็นแค่ครั้งนี้ครั้งสุดท้าย หากคิตตี้หรือใครล้ำเส้นมายุ่งกับเธอจนเกินพอดีแบบนี้อีก…
เธอจะไม่ปล่อยไว้ นั่นคือนิสัยของเธอ
พอร์ชที่เห็นท่าทีนิ่งไม่เอาเรื่องของเพื่อนร่วมโต๊ะก็ยกยิ้มบาง ๆ บอกกับภารโรงสูงวัย
“ไม่ต้องห่วงนะครับ แต่ต่อไป อยากให้ระมัดระวังการตรวจความปลอดภัยให้มากขึ้น”
“ครับ” ชายสูงวัยรีบพยักหน้าตอบกลับทายาทตระกูลใหญ่ที่บอก ก่อนที่สองเท้าหนักของชายหนุ่มจะเดินตามร่างสวยของเซลีนที่ก้าวเท้าเดินนำออกไปก่อนอย่างไม่คิดสนใจใคร
“เฮ้” ริมฝีปากหนาเอ่ยเรียกพลางรีบเดินเข้าไปขวางยังด้านหน้าเพื่อนร่วมโต๊ะ
“อะไร”
“จะไปไหน”
“ทำไม”
“เรียนไหวเหรอ” เจ้าของใบหน้าหล่อถาม ซึ่งถึงแม้เมื่อคืนทั้งสองจะมีฟุบหลับกันไปบ้าง แต่เขาก็รู้สึกถึงความดูไม่สบายตัวอย่างเห็นได้ชัดของหญิงสาว เซลีนที่ได้ยินก็นิ่ง ทำให้พอร์ชตัดสินใจถือวิสาสะเอื้อมมือหนาไปคว้าเข้าที่ข้อมือสวย
“วันนี้ฉันจะยอมให้วันหนึ่ง”
“…” ดวงตาสวยก็นิ่งมองคนตรงหน้า
“ฉันจะยอมให้เธอขาดเรียนได้หนึ่งวัน” พูดจบ ร่างสูงก็ไม่รอช้าที่จะพาร่างสวยเดินตรงไปยังรถสปอร์ตคันหรูของตัวเองที่จอดอยู่ ท่ามกลางปลายตาสวยเฉี่ยวของเซลีนที่คอยจ้องมองคนด้านข้างอยู่ตลอดอย่างไม่รู้ว่าอีกคนจะมาไม้ไหน ทว่าก็ยอมตามน้ำไปด้วยความรู้สึกเหนื่อยและยังคงมีความไม่สบายตัวอยู่จากการนั่งหลับเกือบทั้งคืนเมื่อวาน พอร์ชที่รับรู้ได้ถึงความเงียบสงบกว่าทุกครั้งของคนด้านข้างก็ยกยิ้มก่อนจะเคลื่อนรถหรูไปยังบริเวณป้อมยามที่มีชายวัยกลางคนคอยยืนดูแลความปลอดภัยอยู่ตลอด
“เดี๋ยวผมมาตอนพักกลางวัน” เสียงทุ้มของร่างสูงที่นั่งอยู่เปิดกระจกเอ่ยบอกยามวัยกลางคนที่ยืนอยู่ด้วยท่าทีปกติ ชายที่เห็นว่าเป็นใครก็รีบพยักหน้ารับรู้เปิดประตูให้รถคันแพงขับออกไปอย่างง่ายดาย โดยมีปลายสายตาของเซลีนที่ยังคงลอบมองคนด้านข้าง
“มองอะไร” ชายที่รู้ตัวจึงหันถามเจ้าของใบหน้าเรียวสวย หญิงสาวที่ถูกจับได้ก็นิ่งไม่ตอบ ทำเฉไฉหันไปมองทางอื่น กระทั่งรถคันหรูถูกขับเข้าไปจอดยังบริเวณลานจอดรถโซนวีไอพี เซลีนที่เห็นแบบนั้นก็รู้สึกไม่สบายตัวเป็นอย่างมาก เนื่องจากเธอยังคงอยู่ในชุดพละโรงเรียนเหมือนเดิม ร่างสวยจึงทำท่าจะเปิดประตูเดินตรงจากรถไป ทว่า…
“เดี๋ยว!…” เสียงทุ้มหนาของคนที่นั่งอยู่หันเรียกคนที่ทำท่าจะเดินลงจากรถไป ดวงตาสวยเฉี่ยวจึงหันมองคนที่เรียกนิ่ง
“…ให้พักแค่วันนี้วันเดียวนะ ตั้งแต่พรุ่งนี้ไป เธอจะต้องกลับไปตั้งใจเรียน แล้วก็ซ้อมวิ่งสามขากับฉัน” เซลีนที่ได้ยินแบบนั้นก็แสดงสีหน้าเรียบนิ่งหน้าตายออกมา ก่อนจะสาวเท้าเดินลงจากรถไปด้วยใบหน้าที่เริ่มฉายออกมาถึงความไม่รู้สึกมีกำแพงเท่าตอนแรกกับชายหนุ่มอยู่ เช่นเดียวกับพอร์ชที่มองตามแผ่นหลังสวยของเพื่อนร่วมโต๊ะอย่างรู้สึกชอบใจบอกไม่ถูกกับลักษณะนิสัยที่ดูไม่ได้อ่อนแอจนเกินไปแต่ก็ไม่ได้กระด้างจนไม่สนอะไรเลย อย่างน้อยเธอก็พยายามใจเย็นแม้ว่าจะถูกกลั่นแกล้ง แถมยังไม่โผงผางโวยวายกับสิ่งที่เจอ ทั้งที่ก็ดูไม่ใช่คนที่จะยอมใครง่าย ๆ มันเป็นอะไรที่เขาเพิ่งจะเจอได้พบเจอจากนิสัยผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งมันก็น่าสนใจไปอีกแบบ…ดี
หลายวันผ่านไป…หลังจากวันนั้น…
ในที่สุดก็ถึงวันงานกีฬาสีที่นักเรียนหลายคนต่างให้ความสนใจและรอคอย ซึ่งจากที่เกิดเรื่องในวันนั้น คิตตี้ก็ดูมีความยำเกรงต่อเซลีนขึ้นมาบ้าง เพราะทุกครั้งเวลาสบสายตากัน เซลีนจะจ้องมองยังหญิงสาวด้วยแววตาที่ฉายออกมาถึงความเรียบนิ่งยากจะคาดเดาในความคิดของร่างสวย แต่หนึ่งในความเรียบนิ่งนั้นก็มีความจงใจเตือนทางสายตาให้รับรู้ ทำให้คิตตี้ยอมที่จะรามือจากเซลีนก่อนในช่วงนี้ จากท่าทีที่ไม่ใช่แค่เธอหมายหัวเซลีน แต่เซลีน…ก็ดูหมายหัวเธออยู่เช่นกัน
“แบบนี้แน่นเกินไปหรือเปล่า” เสียงพอร์ชเงยหน้าถามหญิงสาวที่ยืนอยู่ขึ้นหลังจากที่เขามัดขาของเธอกับเขาติดกันเตรียมตัวลงแข่งกีฬาวิ่งสามขา เซลีนที่ได้สติจึงหันไปมองยังเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาที่เงยหน้าถามเธออยู่
“ได้แล้ว” ริมฝีปากสีสวยตอบ ทำให้คนตัวสูงลุกขึ้นยืนเต็มความสูงของตัวเอง
“ถ้างั้นจะซ้อมอีกรอบไหม”
“จะซ้อมอะไรนักหนา”
“ก็เธอยังมั่วซ้ายขวาอยู่เลย” คำตอบจากอีกคน ทำเอาร่างสวยเถียงไม่ออก เพราะเธอยังคงสับสนกับซ้ายขวาอย่างที่เขาว่าจริง ๆ
“คนอะไร บอกให้ไปซ้ายก็จะไปแต่ขวา”
“เงียบสักที จะซ้อมก็ซ้อม” สุดท้ายเรียวปากสวยได้รูปก็ต้องตอบกลับมา ก่อนที่ทั้งสองจะเริ่มซ้อมการเดินสามขาด้วยกันต่อ ซึ่งตลอดหลายวันที่ซ้อมด้วยกันมา มันก็ดีขึ้นอยู่พอสมควร ถ้าไม่นับการถกเถียงกันอยู่บ่อยครั้ง แต่ในความถกเถียงนั้นก็ได้ยินเสียงเซลีนพูดขึ้นมากกว่าเดิม เธอไม่ได้เอาแต่เงียบหรือจะเดินหนีเหมือนแต่ก่อน ถึงนิสัยพวกนั้นมันจะไม่ได้หายไปเลย แต่…มันก็ถือว่าลดลงมาอยู่พอสมควร
“เธอเริ่มที่ขวา…เออ นั่นแหละขวา แบบนั้น…” เสียงร่างสูงพูดขึ้นด้วยความพอใจที่คนด้านข้างเริ่มเข้าใจซ้ายขวามากขึ้น
“…เวลาเดิน เธอต้องฟังที่ฉันนับ”
“รู้แล้ว”
“รู้แล้วตลอด แล้วก็เดินผิดประจำ”
“เงียบสักที นายไม่เคยทำผิดหรือไง”
“ฉันไม่เคยเดินซ้ายขวาผิดนะ มีแต่เด็กหัดเดินเท่านั้นแหละที่ชอบผิดแบบนั้น”
“…” เซลีนก็นิ่งจ้องมองยังคนที่อยู่ด้านข้างแววตาเอาเรื่องกับการถูกเขาหลอกต่อว่า ก่อนที่มือหนาจะโอบเอวบางเข้าหาตัวมากขึ้นเชิงแกล้งพร้อมกับพากันฝึกซ้อมเดินต่อด้วยความเริ่มเคยชินไปกับการแนบชิดในครั้งนี้ กระทั่งการเแข่งขันจริงได้เริ่มขึ้น
“ชนะให้ได้ เธอต้องได้คะแนนพิเศษ” ริมฝีปากหนาก้มลงเอ่ยบอกข้างหูสวยโทนเสียงจริงจังพลางโอบเอวบางเข้าหาตัวให้แน่นมากกว่าเดิมอย่างหมายมั่น พร้อมกับเริ่มก้าวเท้าไปด้วยกัน โดยมีเซลีนที่ถือว่าให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และด้วยความที่ขนาดตัวของทั้งสอง ที่พอร์ชค่อนข้างที่จะสูงโปร่งขายาวกว่าคนอื่น ๆ เช่นกันกับเซลีนที่มีความสูงที่ไม่ได้น้อยสักเท่าไรเมื่อเทียบกับหญิงสาวในห้องเรียนอื่น ๆ ทำให้ในที่สุดทั้งสองก็พากันเดินตรงเข้าไปยังเส้นชัยด้วยใบหน้าที่มีความตั้งใจอยู่ไม่น้อยของเซลีน ที่ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้อยากมาลงแข่งขัน แต่อีกหนึ่งนิสัยที่หญิงสาวมีก็คือ เธอเป็นคนแพ้ไม่เป็น
ใช่ นี่คืออีกนิสัยของหญิงสาวร่างสวย
“หึ” เสียงทุ้มของชายที่เดินผ่านเข้าเส้นชัยมาอย่างง่ายดายยกยิ้มออกมาพลางหันมองเจ้าของใบหน้าเรียวสวยด้านข้างที่ยังคงแสดงสีหน้าราบเรียบ แต่นัยน์ตาสวยกลับแสดงความพอใจในชัยชนะที่ได้มาไม่ต่าง
“ได้เรื่องเหมือนกันนี่” เจ้าของใบหน้าหล่อยิ้มพูดใส่ร่างสวยด้านข้าง ซึ่งเซลีนก็ไม่ได้พูดหรือตอบอะไรกลับไป โดยพอร์ชเองก็ไม่ได้สนใจอะไรเช่นกัน ก่อนจะก้มลงหมายจะจัดการปลดเชือกที่มัดขาเขากับขาสวยติดกันอยู่ แต่แล้ว…ดวงตาคมก็ต้องชะงักไป
“เธอเจ็บงั้นเหรอ” ริมฝีปากหนาถามหลังจากที่เห็นว่าขาสวยถูกเชือกเสียดสีจนเกิดเป็นรอยแดง แม้จะไม่ได้ดูเป็นเยอะ แต่มันก็ทำเอาชายหนุ่มนิ่งไปอยู่ไม่น้อย
“ไหนว่าได้แล้วไง แบบนี้มันรัดแรงเลยนะ” คนตัวสูงพูดด้วยโทนเสียงเอาเรื่องเล็กน้อยพลางรีบปลดเชือกออกมาด้วยความรวดเร็ว ทำให้ยิ่งเห็นรอยแดงชัดขึ้น
“ทำบ้าอะไรของนาย”
“แสบหรือเปล่า” พอร์ชถามพร้อมกับค่อย ๆ ใช้มือสัมผัสเข้าไปที่รอยแดงที่ข้อขาสวย เซลีนที่เห็นก็มีความตกใจอยู่แต่พยายามนิ่ง
“ไม่”
“ตอบความจริงมา”
“ไม่เจ็บ แล้วก็ไม่ได้แสบ ช่างมันเถอะน่า” พูดจบ สองเท้าบางก็เดินไปนั่งลงยังบริเวณโต๊ะม้าหินอ่อนที่ไม่ค่อยมีผู้คนเข้ามาวุ่นวาย ก่อนจะจ้องมองรอยแดงที่ขาของตัวเองอย่างไม่คิดสนใจ และไม่เข้าใจว่าทำไมเพื่อนร่วมโต๊ะของเธอต้องดูไม่พอใจขนาดนั้น ทว่าขณะที่ร่างสวยกำลังนั่งเหม่อคิดอยู่
พรึบ!
อยู่ ๆ ร่างสูงคุ้นเคยของพอร์ชก็เดินเข้ามานั่งลงด้านข้างของเธอพร้อมกับไม่รอช้าที่จะเอื้อมมือลงไปจับเท้าบางข้างที่เป็นรอยแดงของเธอขึ้นมาบีบยาทาให้ด้วยใบหน้าท่าทีปกติ ผิดกับเซลีนที่รู้สึกตกใจอยู่ไม่น้อย
“ทำบ้าอะไรของนาย” ริมฝีปากสีสวยถาม ขณะที่คนที่นั่งอยู่ก็นิ่งตอบกวน
“ว่ายน้ำมั้ง ก็เห็นอยู่ว่ากำลังทำอะไร”
“แล้วมาทำ ทำไม…”
“ไม่อยากเห็นเพื่อนร่วมโต๊ะพิการ” ชายหนุ่มยังคงตอบกลับด้วยความติดกวนเหมือนเคย เซลีนที่ได้ยินก็จ้องมองยังใบหน้าหล่อเหลาที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากตัวเองอีกครั้งด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูกกับความดูห่วงใยแต่ก็ไม่เคยแสดงว่าห่วงของอีกคน จนเมื่อชายหนุ่มทายารอบบริเวณข้อขาสวยเสร็จ
“เสร็จแล้ว” ทันทีที่ได้ยินแบบนั้น ดวงตาสวยก็รีบเบือนหน้าหันไปทางอื่นในทันทีพลางพยายามแสดงท่าทีเรียบนิ่งปกติ ไม่แสดงออกให้อีกคนได้รู้ว่า เธอเริ่มที่จะได้เห็นมุมดี ๆ ของเขาบ้างแล้ว โดยหลังจากที่ทายาให้เซลีนเสร็จ
“อะไรอีก” ร่างสวยที่อยู่ ๆ มือหนาก็เคลื่อนเข้ามาคว้าเข้าที่เรียวแขนสวยเงยหน้าถามคนตรงหน้า
“เดี๋ยวจะไปส่ง”
“ไม่จำเป็น” ริมฝีปากสีสวยสวนกลับทันควัน ถึงเธอจะเริ่มชินไปกับการได้พูดคุยใกล้ชิดกับเพื่อนร่วมโต๊ะ แต่ทั้งสองก็ยังคงมีท่าทีไม่ยอมกันอยู่เสมอ
“แล้วใครสน” พอร์ชตอบกลับอย่างหน้ามึนจะไปส่งพลางไม่รอช้าที่จะลากพาร่างสวยของเซลีนให้เดินตรงไปยังรถสปอร์ตคันหรูของเขาด้วยกัน ซึ่งในตอนนั้น
ครืดดด~
เสียงโทรศัพท์ราคาแพงของชายหนุ่มก็ดังขึ้น ทำให้มือหนาเอื้อมเข้าไปหยิบขึ้นมากดรับสาย
“เออ ว่าไง”
“เดี๋ยวอีกสักพักตามไป พวกมึงออกกันไปก่อนเลย” พูดจบ นิ้วแกร่งก็กดตัดสายพาเพื่อนร่วมโต๊ะไปส่งยังคอนโดหรูที่ทั้งเขาและเธอต่างพักอยู่ที่นั่น เนื่องจากเขาจะต้องกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่พอดี แถมการที่ได้เห็นท่าทีไม่ยอมและขัดขืนแสดงสีหน้าเอาเรื่องของเซลีนก็เหมือนเป็นสิ่งที่เขามักจะชอบเห็นมันไปแล้ว เขาจึงมักจะคอยบังคับให้อีกคนกลับด้วยกัน
“…” แน่นอนว่าตลอดทางก็จะมีแต่ความเงียบงันเหมือนอย่างเช่นทุกวัน เพราะหญิงสาวที่นั่งอยู่ไม่เคยเอื้อนเอ่ยหรือชวนเขาคุยอะไรด้วยก่อนเลยสักครั้ง กระทั่งรถคันหรูขับเข้าไปจอดยังบริเวณด้านหน้าตึกคอนโดหรู
“จอดไม่นาน” ริมฝีปากหนาเอ่ยบอกกับยามที่ยืนอยู่ด้วยโทนเสียงปกติ ชายที่รู้ว่าคือผู้พักที่อยู่ชั้นสูงสุดก็พยักหน้ารับรู้ท่าทีนอบน้อม โดยที่เซลีนก็เดินลงจากรถตรงเข้าไปยังภายในคอนโดราคาแพงไปอย่างไม่คิดสนใจอะไร ทว่า…
“คุณเซลีนคะ” พนักงานสาวที่ยืนคอยดูแลทุกอย่างอยู่ไม่รอช้าที่จะเอ่ยเรียกร่างสวยที่เดินเข้ามา หญิงสาวในชุดกีฬาสีมัธยมปลายที่ได้ยินจึงหันมองตามเสียงที่ถูกเรียก
“พอดีมีของฝากไว้ให้คุณเซลีนน่ะค่ะ รบกวนมาเซ็นรับหน่อยนะคะ” สาวมัธยมปลายปีสุดท้ายที่ได้ยินก็นิ่ง ก่อนจะสาวเท้าเดินเข้าไปเซ็นรับทุกอย่างด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง พร้อมกับก้มลงมองยังกล่องที่ถูกนำมายื่นให้ ร่างบางเอาแต่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิมพลางจัดการเปิดดูสิ่งของที่อยู่ภายในกล่อง ด้านพอร์ชเองที่เดินตามเข้ามาก็ชะงักนิ่งไปกับนัยน์ตาสวยที่ดูวูบสั่นไหวชัดเจนอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนด้วยความบังเอิญ ก่อนที่เซลีนจะดูชัดเจนว่าพยายามสะกดความรู้สึกทุกอย่าง และทำท่าจะนำสิ่งของนั้นเดินไปทิ้งลงยังถังขยะที่อยู่ไม่ไกล ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน
พรึบ!
ชายหนุ่มที่ปกติน้อยครั้งจะเข้าไปยุ่งเรื่องอะไรแบบนี้กับคนอื่นกลับเดินเข้าไปคว้าเข้าที่ข้อมือสวย และลอบมองยังสิ่งที่อยู่ภายในกล่อง
“เค้กงั้นเหรอ” ริมฝีปากหนาพึมพำ หญิงสาวที่ถูกคว้ามือไว้ก็นิ่ง
“มาทำบ้าอะไรของนายอีก”
“เธอจะทิ้งมันงั้นเหรอ” ชายหนุ่มถาม
“เรื่องของฉัน”
“ใช่ มันเรื่องของเธอ แต่ถ้าเธอไม่เอา งั้นฉันขอเอาไว้ได้หรือเปล่า…”
“…วันเกิดฉันวันนี้ ยังไม่มีเค้กอยู่พอดี” คำพูดของเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาที่เอ่ยออกมา ทำเอาร่างสวยที่ได้ยินชะงักหันมองหน้าอีกคนนิ่ง
“เฮ้ ฉันเกิดวันนี้จริง ๆ นะ ถ้าเธอไม่เชื่อ…” ว่าแล้ว มือแกร่งข้างที่ว่างอยู่ก็หยิบกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาเปิดบัตรประจำตัวให้เพื่อนร่วมโต๊ะดู เซลีนจึงจ้องมองยังเลขวันเกิดนั้น แล้วก็ต้องนิ่งไปเมื่อพบว่า เขาเกิดวันนี้จริง ๆ วันที่ 16 เดือน 6 วันเดียว ปีเดียวกันกับเธอ…
แปลว่าตอนนี้เธอกับเขาอายุสิบแปดปีเท่ากัน
“เธอเองก็เกิดวันนี้สินะ” คนตัวสูงถามอย่างไม่อยากที่จะเชื่อเช่นกัน แต่บนหน้าเค้กมันเขียนไว้ว่า HAPPY BIRTHDAY
“…” เซลีนก็นิ่งไม่ตอบ ทำให้คนตัวสูงตัดสินใจมองเอ่ยถามคนที่อยู่ตรงหน้า
“ไปฉลองด้วยกันไหม” แววตาคมแสดงถึงความเชิญชวนด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก หลังจากเห็นท่าทีของเซลีนที่ดูไม่ได้มีความสุขในวันเกิดของตัวเอง แถมเธอดูเหมือนจะต้องอยู่เงียบ ๆ คนเดียวในวันที่ควรจะเป็นวันพิเศษสำหรับเรา ด้านร่างสวยที่ถูกเชิญชวนก็ยืนนิ่งไปชั่วขณะอย่างบอกไม่ถูกเช่นกัน ก่อนสุดท้ายจะตัดสินใจ
“อืม” เสียงหวานตัดสินใจตอบกลับด้วยความรู้สึกที่อยากลองฉลองวันเกิดตัวเองดูบ้างสักครั้ง แถมคนที่อยู่ตรงหน้า ถึงแม้จะเป็นเพื่อนร่วมโต๊ะที่ตอนแรกเธอรู้สึกรำคาญใจและไม่ถูกชะตา ทว่า…หลาย ๆ ครั้งก็เป็นเขาที่ทำให้เธอไม่ได้รู้สึกว่าทุกอย่างมันน่าเบื่อไปซะหมด
“โอเค จะไปที่ไหนดี”
“ห้องนาย”
“หือ?”
“อยู่ชั้นสูงไม่ใช่เหรอ ฉันอยากเห็นวิวข้างบน” ริมฝีปากสวยตอบกลับตามตรง เธอคิดว่าอีกคนน่าจะอยู่ชั้นที่สูงอยู่พอสมควร พอร์ชที่ได้ยินแบบนั้นก็นิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะตัดสินใจพยักหน้าตอบกลับ
“ก็เอาสิ” สิ้นเสียงทุ้มบอก มือแกร่งก็ไม่รอช้าที่จะกดส่งข้อความหากลุ่มเพื่อนสนิทของตัวเอง
“วันนี้กูไปไม่ได้แล้ว ไว้เลี้ยงวันอื่น” จากนั้นทั้งสองก็พากันเดินไปยังลิฟต์หรูเพื่อตรงไปยังชั้นคอนโดห้องของชายเจ้าของวันเกิด