ด้านพอร์ช…หลังจากเปลี่ยนเสื้อเสร็จเดินกลับมาเจอร่างสวยของเซลีนยังคงยืนนิ่งรอเขาอยู่ก็ยกยิ้มออกมาด้วยความรู้สึกพอใจ ก่อนจะไม่รอช้าที่จะเริ่มซ้อมการแข่งขันที่เขาโพล่งบอกออกไปว่าจะลงแข่งในทันที โดยกีฬาการวิ่งสามขา ผู้เล่นทั้งสองจะต้องมัดขาข้างใดข้างหนึ่งติดกัน และค่อนข้างที่จะใช้ความสามัคคีค่อนข้างสูง
“เธอจะใช้ขาข้างไหน” เจ้าของใบหน้าหล่อมองหน้าถามหญิงสาวที่ยืนอยู่ เซลีนที่ได้ยินก็นิ่งเมินเฉยต่อคำถามที่ได้ยิน พอร์ชที่ได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกเริ่มนึกชินไปกับท่าทีของคนตรงหน้า มือหนาจึงเอื้อมเข้าไปดึงขาข้างซ้ายของเซลีนเข้ามาผูกมัดติดกับขาข้างขวาของตัวเอง
“…” คนที่ถูกดึงขาไปอย่างไม่ทันตั้งตัวก็ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะยังคงแสดงสีหน้าราบเรียบของตัวเองออกมา ซึ่งหลังจากที่จัดการผูกขาติดกันเสร็จ คนตัวสูงก็ยืนยืดตัวตรงเต็มความสูงของตัวเองที่มีพลางเอื้อมมือเข้าไปคว้าเข้าที่เอวสวย
“ทำอะไร!” หญิงสาวที่ถูกแตะต้องตัวหันถามคนด้านข้างทันทีพลางจับมือหนาไว้
“ก็ซ้อมไง”
“…” ดวงตาสวยเฉี่ยวก็จ้องมองยังใบหน้าหล่อไร้ที่ตินิ่ง
“ถ้าไม่ให้จับเธอไว้ แล้วจะเดินไปด้วยกันได้ยังไง ฉันไม่ได้อยากที่จะลวนลามเธอหรอกน่า” ริมฝีปากหนาบอกตามความจริงทุกอย่าง เขาไม่ได้จะคุกคามหรือลวนลามอะไรเพื่อนร่วมโต๊ะ แต่หากไม่จับกัน การเดินไปด้วยกันก็จะยากลำบาก เซลีนที่เห็นแววตาไม่ได้โกหกของชายหนุ่มก็จำต้องปล่อยผ่านอย่างทำอะไรไม่ได้ และยอมซ้อมทุกอย่างให้มันจบ ๆ ไป ทว่า…มันก็ไม่ได้ง่ายแบบที่เธอต้องการ
“อ๊ะ! เธอก้าวให้เร็วกว่านี้หน่อยดิวะ” เสียงพอร์ชหันพูดกับร่างสวยที่มักจะก้าวช้ากว่าเขาจนทำให้การเดินสามขาด้วยกันสะดุดอยู่หลายครั้ง
“…” เซลีนที่ถูกทักท้วงก็นิ่ง และก็ยังคงก้าวขาไปแบบนั้น
“นี่! เธอจงใจกวนประสาทฉันเหรอวะ” ชายหนุ่มที่เริ่มมีน้ำโหมองหน้าถามคนด้านข้างท่าทีเอาเรื่อง และคิดว่าอีกคนคงจะจงใจแกล้งเพื่อให้เขามีท่าทีงึกงักแบบนี้ แต่แล้ว…
“ขายาวอย่างกับเปรตแบบนาย ใครจะไปเดินตามทัน” เสียงราบเรียบของเซลีนพูดใส่หน้าคนตัวสูงที่ยืนอยู่สีหน้าตาย ทำเอาคนที่ได้ยินชะงักเริ่มเข้าใจ
ก็จริง…เขาสูงกว่าเธออยู่เกือบยี่สิบเซนติเมตร
จะให้เธอเดินตามเขาทันทุกก้าวก็คงไม่ได้
“งั้นฉันจะนับ แล้วก้าวไปพร้อมกัน เธอเริ่มจากขาขวา…” พูดจบ คนตัวสูงก็พยายามใจเย็นในการซ้อมลงแข่งขันจากการปากพล่อยของตัวเองไปในครั้งนี้ ทว่า…
“อ๊ะ!” ครั้งนี้เป็นเสียงเซลีนที่เผลอร้องออกมาหลังจากเสียจังหวะเซไปเข้าหาตัวพอร์ชอย่างจังกับการก้าวขาผิดของตัวเอง โชคดีที่พอร์ชได้สติรับร่างสวยของคนที่โน้มเข้ามาหาตัวเองไว้ได้ทัน พร้อมกับกลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ จากร่างสวยที่ปะทะเข้ามายังจมูกโด่งได้รูปของชายหนุ่ม รวมถึงใบหน้าทั้งสองที่ต่างฝ่ายต่างมองกันนิ่งด้วยความตกใจอยู่ไม่น้อยกับการแนบชิดกันกว่าทุกครั้ง แล้วก็ต้องเป็นเซลีนที่ได้สติพยายามยันร่างตัวเองให้ทรงตัว เช่นเดียวกับเจ้าของความสูงกว่าร้อยแปดสิบหกเซนติเมตร
“ทำบ้าอะไรของเธอวะ ก็ฉันบอกว่าให้เริ่มจากขาขวา”
“…” เซลีนก็นิ่ง
“อย่าบอกนะว่าเธอไม่รู้จักซ้ายขวา” ตาคมมองหน้าถามขึ้นทันที หญิงสาวที่ได้ยินจึงรีบแก้เก้อด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง
“ไม่ได้ไม่รู้จัก…แค่มันเร็วไป”
“หึ” ร่างสูงที่ได้ยินหลุดหัวเราะออกมาทันทีพลางจ้องมองยังใบหน้าเรียวสวยไร้ที่ติ ที่วันนี้เหมือนได้รู้จุดอ่อนอะไรของอีกคนเพิ่ม ขณะที่เซลีนก็รู้สึกอายอย่างบอกไม่ถูกแต่ก็พยายามแสดงสีหน้าเรียบนิ่งกลบเกลื่อนทุกอย่างเอาไว้ กระทั่ง…
“เด็ก ๆ กลับบ้านได้แล้วค่ะ ไว้ค่อยมาซ้อมกันต่อวันอื่นนะ” เสียงครูสาวเดินเข้ามาเอ่ยบอกบรรดานักเรียนทุกคนที่อยู่ในสนามกีฬา โดยเซลีนที่ได้ยินแบบนั้นก็ไม่รอช้าที่จะก้มลงแกะเชือกที่มัดขาเธอกับชายอีกคนไว้ออกอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งทำท่าจะสาวเท้าเดินออกไป
หมับ!
แต่ก็ต้องถูกมือแกร่งของคนที่ยืนอยู่คว้าแขนเรียวสวยเอาไว้
“เดี๋ยว”
“อะไรอีก” ใบหน้าเรียวไร้ที่ติหันถามเพื่อนร่วมโต๊ะเสียงนิ่ง
“ทุกวันหลังเลิกเรียน เธอจะต้องมาซ้อมเดินกับฉัน”
“ทำไมฉันต้องทำแบบนั้น”
“ก็ลองไม่ทำดูสิ” ทายาทตระกูลดังมองหน้าตอบกลับคนที่อยู่ตรงหน้าด้วยแววตาฉายออกมาถึงความร้ายกาจที่มี และในตอนนั้นเอง
“พอร์ช” เสียงคิตตี้เดินถือเสื้อนักเรียนของชายหนุ่มเข้ามาด้วยท่าทียังคงดูเอาใจ
“ให้ฉันเก็บในล็อกเกอร์ให้ไหม” หญิงสาวยิ้มถาม ขณะที่เซลีนเองก็ลอบแสดงสีหน้าเบื่อหน่ายออกมากับทุกอย่างตรงหน้า และพยายามจะสะบัดมือหนาที่คว้าแขนตัวเองไว้ออก
“ไม่เป็นไร เอามาเลย เดี๋ยวฉันจะเปลี่ยน” พอร์ชตอบกลับพร้อมกับหยิบเสื้อมาจากมือของคิตตี้ด้วยท่าทีปกติ ก่อนจะหันไปสนใจเซลีนต่อ คิตตี้ที่เห็นแบบนั้นจึงแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจนพลางสาวเท้าเดินออกไปด้วยความรวดเร็วกับความรู้สึกอิจฉาไม่ชอบเซลีนมาตั้งแต่แรก ซึ่งหลังจากที่คิตตี้เดินออกไป
พรึบ!
พอร์ชก็จัดการโยนเสื้อนักเรียนของตัวเองใส่เซลีนที่ยืนอยู่
“ฝากไว้ก่อน เดี๋ยวฉันไปล้างหน้าแล้วจะกลับมาเปลี่ยนเสื้อ แล้วกลับด้วยกัน” พูดจบ ร่างสูงที่ร่างกายเริ่มเต็มไปด้วยเหงื่อก็เอ่ยออกมาตามประสาคนขี้ร้อนพร้อมกับสาวเท้าเดินไปยังบริเวณที่ล้างหน้าข้างสนามใหญ่ด้วยท่าทีปกติ ผิดกับเซลีนที่ยืนนิ่งจ้องมองเสื้อนักเรียนสีขาวที่อยู่ในมือ ก่อนจะ…
พึบ! หญิงสาวไม่รอช้าที่จะเอาเสื้อนักเรียนนั้นโยนทิ้งลงยังถังขยะที่อยู่ไม่ไกลด้วยสีหน้าเรียบนิ่งพลางสาวเท้าเดินตรงไปยังบริเวณกระเป๋าของตัวเอง แต่แล้วแววตาสวยก็ต้องชะงักไปหลังจากที่เดินเข้าไปยังจุดที่วางกระเป๋าของตัวเองไว้ ตอนที่ถูกลากไปซ้อม แต่ตอนนี้มันกลับไม่มี โดยในขณะที่เซลีนกำลังยืนนิ่งอยู่
“หากระเป๋าอยู่เหรอ” เสียงใครบางคนก็ดังขึ้น ทำให้เจ้าของใบหน้าเรียวสวยหันไปมอง ก่อนจะพบว่าเป็นคิตตี้ที่เดินเข้ามา แน่นอนว่าเพียงแค่เห็นสีหน้าและท่าที เซลีนก็รับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่าง
“กระเป๋าฉันอยู่ไหน” ริมฝีปากสีสวยขยับถามเสียงเรียบ คิตตี้ก็ยิ่งแสดงท่าทียียวน
“ไม่รู้สิ พอดีฉันนึกว่าขยะที่ไหน ก็เลยเอาไปไว้ในห้องเก็บของหลังโรงเรียน ถ้ามันใช่ของเธอก็ลองไปหาดูเอาเองแล้วกันนะ” พูดจบ หญิงสาวขี้อิจฉาก็สาวเท้าเดินออกไปด้วยท่าทางอารมณ์ดี โดยมีสายตาของเซลีนที่มองตามไปอย่างพยายามใจเย็น
“…” ร่างสวยยืนนิ่งอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะสาวเท้าเดินตรงไปยังห้องเก็บของตามที่คิตตี้บอก พร้อมกับพยายามหากระเป๋าของตัวเองไปด้วยใบหน้าที่นึกโมโหอยู่ไม่น้อย แต่ไม่อยากที่จะสร้างปัญหาอะไร ซึ่งไม่นาน เซลีนก็สามารถหากระเป๋าตัวเองได้จริง ๆ แต่ในตอนนั้น…
“ทำอะไรของเธอ” เสียงคุ้นเคยของใครบางคนดังขึ้นในห้องเก็บของมืด ๆ ทำให้ดวงตาสวยหันไปมอง ก่อนจะเห็นร่างสูงของพอร์ชที่เดินเข้ามาพร้อมกับประตูปิดอัตโนมัติของห้อง
“ถูกเอากระเป๋ามาไว้ในนี้งั้นเหรอ” ชายที่พอเดาได้เอ่ย ซึ่งเซลีนก็ไม่สนใจจะตอบทำท่าจะสาวเท้าเดินผ่านอีกคนไป แต่ก็ต้องถูกมือแกร่งคว้าเรียวแขนสวยไว้
“แล้วเสื้อฉันล่ะ” ริมฝีปากหนาถาม เจ้าของใบหน้าเรียวสวยที่ได้ยินจึงหันตอบกลับหน้าตาย
“อยู่ในถังขยะ”
“ว่าไงนะ! นี่เธอ…ทิ้งเสื้อนักเรียนฉันงั้นเหรอ”
“อืม ฉันไม่ใช่คนรับใช้ของนาย”
“เธอ!” ขณะที่คนตัวสูงทำท่าหมายจะเอาเรื่องหญิงสาวร่างสวยที่อยู่ตรงหน้า
แกร๊ก!
เสียงอะไรบางอย่างดังขึ้นจากบริเวณด้านนอก ทำให้สองคนที่ยืนอยู่ภายในห้องต่างมองหน้ากันนิ่ง ก่อนจะเป็นพอร์ชที่เดินเข้าไปจัดการทดลองเปิดประตู แล้วก็ต้องเป็นแบบที่เขานึกคิดเอาไว้
“ดูเหมือนเธอ…จะโดนรับน้องนะ” เสียงทุ้มเอ่ยอย่างพอจะเดาเหตุการณ์ทุกอย่างได้ทั้งหมด เช่นเดียวกับเซลีนที่แสดงสีหน้าหงุดหงิดออกมา แต่ยังคงมีความราบเรียบตามประสา เธอคิดไว้ว่าคงจะถูกหมายหัวไว้จากนิสัยของตัวเอง และก็ยอมมาเอากระเป๋าอย่างไม่เอาเรื่องใคร แต่ไม่คิดว่าจะต้องมาถูกขังในห้องเก็บของแบบนี้ ซึ่งแน่นอนว่าในพื้นที่หลังโรงเรียนแถมในห้องอับสัญญาณแบบนี้ โทรศัพท์ที่ทั้งสองมี…ไม่ได้ช่วยอะไรได้เลย
“น่ารำคาญ” สุดท้ายเรียวปากสีหวานก็ต้องพึมพำออกมากับพวกนิสัยเสียที่ชอบทำกับคนอื่นลับหลังแบบนี้ พอร์ชที่ได้ยินก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองยังใบหน้าสวยไร้ที่ติ ที่ดูไม่ได้มีความตื่นกลัวหรือทุกข์ร้อนแต่อย่างใด เขาพอสัมผัสได้ว่าเธอไม่สนใจอะไร แต่ก็ไม่คิดว่าจะไม่เกรงกลัวอะไรเลยขนาดนี้
“…” ชายหนุ่มเผลอเอาแต่จ้องมองยังร่างสวยที่อยู่ตรงหน้าอยู่อย่างนั้น กระทั่งคนที่ถูกมองอดไม่ได้ที่จะหันถาม
“มองอะไร” คนที่ได้ยินจึงได้สติเบือนหน้าไปทางอื่นด้วยความเฉไฉ ก่อนจะก้มลงมองยังเสื้อเปียกชุ่มจากน้ำที่ชำระหน้าและลำตัวมาที่ตัวเองสวมใส่อยู่อย่างรู้สึกไม่สบายตัว จนท้ายที่สุดทนไม่ไหว
“แม่งเอ๊ย เฉอะแฉะฉิบ” ว่าแล้ว มือแกร่งก็ไม่รอช้าที่จะทำท่าจะถลกถอดเสื้อยืดสีชมพูที่สวมใส่อยู่ออก เป็นจังหวะที่ดวงตาสวยหันไปเห็นเข้าพอดี
“จะทำบ้าอะไร” เซลีนถามด้วยความตกใจอยู่ไม่น้อยแต่ยังคงพยายามนิ่ง
“จะถอดเสื้อไง ฉันเปียกไปหมดแล้ว เธอไม่เห็นหรือไง”
“แล้วทำไมต้องมาถอดตรงนี้”
“แล้วเธอจะให้ฉันถอดตรงไหน” คนตัวสูงถามพลางมองไปยังบริเวณรอบ ๆ ห้องเก็บของที่ไม่ได้มีขนาดใหญ่อะไรเลย ร่างสวยที่ได้ยินจึงชะงักนิ่ง
“ถ้าไม่อยากเห็นก็หันหลังไป” ชายหนุ่มบอกด้วยน้ำเสียงมีความยียวนใส่ เซลีนที่เหมือนถูกพูดหยามใส่ก็นิ่ง
“แล้วทำไมฉันต้องหัน นายสิต้องหันไป”
“หึ ฉันก็ไม่หัน” ริมฝีปากหนาตอบกลับพลางจัดการถลกเสื้อยืดที่สวมใส่อยู่ขึ้นจนเผยให้เห็นหน้าท้องแกร่งของชายรูปร่างดีดูแลตัวเอง หญิงสาวที่ปรายตาเห็นเข้าอย่างจังก็ชะงักพยายามนิ่ง เช่นเดียวกับร่างสูงที่นี่ไม่ใช่การจะถอดเสื้อต่อหน้าผู้หญิงครั้งแรกของเขา แต่เขากลับรู้สึกประหม่าขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก จนในที่สุด
“เออ ฉันหันเองก็ได้” แล้วสุดท้ายชายร่างสูงก็ต้องหันหลังถอดเสื้อไปตามที่ตัวเองต้องการ และในจังหวะนั้น ดวงตาสวยของเซลีนก็ปะทะเข้ากับรอยสักที่อยู่กลางหลังแกร่งของคนที่อยู่ตรงหน้าเข้าพอดี
(มีรูป)
เธอจ้องมองยังแผ่นหลังกว้างที่มีรอยสักชวนมองนั้นอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะรู้สึกประหม่าขึ้นมาไม่ต่างพลางเบือนสายตาไปอีกทางด้วยความไม่เคยใกล้ชิดกับผู้ชายคนไหนขนาดนี้มาก่อน โดยหลังจากที่พอร์ชจัดการถอดเสื้อของเขาเสร็จ ทั้งสองก็ต่างเดินไปนั่งยังฝั่งใครฝั่งมันโดยไร้ซึ่งการพูดคุยใด ๆ ต่อกัน กระทั่ง…
มือสวยของเซลีนเริ่มยกขึ้นลูบไล้ไปยังลำแขนตัวเองด้วยความรู้สึกหนาวเย็นขึ้นมาจากอากาศที่เริ่มเย็นลงหลังจากตกกลางคืน และเธอเป็นคนเลือดจาง ทำให้เป็นคนที่ค่อนข้างหนาวง่าย แน่นอนว่าท่าทีพวกนั้นก็ไม่อาจพ้นสายตาของร่างสูงที่นั่งอยู่อีกฝั่ง เขาลอบมองเซลีนที่เริ่มลูบแขนตัวเองถี่อย่างตัดสินใจ ก่อนจะเดินเข้าไปหยิบเสื้อของตัวเองที่แห้งสนิทแล้วโยนให้กับหญิงสาวร่างสวย เซลีนที่เห็นแบบนั้นจึงค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองคนที่ยืนอยู่พลางกลั้นใจทำท่าจะปฏิเสธ
“อย่าเล่นตัวนัก ฉันรำคาญเวลาปรายตาเห็นเธอนั่งยุกยิกเป็นลิงแบบเมื่อกี้” หญิงสาวที่ได้ยินก็จำต้องเอาเสื้อที่อีกคนให้มา มาคลุมร่างบรรเทาอาการหนาวของตัวเองเอาไว้ พร้อมกับรับรู้ได้ถึงคำพูดไม่จริงจังพวกนั้น เธอรู้สึกว่า เขาไม่ได้รำคาญแบบที่บอก แต่เหมือนเขาไม่อยากที่จะให้เธอต้องนั่งหนาวไปแบบนั้นมากกว่า
ก่อนที่คนตัวสูงจะสาวเท้ากลับเข้าไปนั่งยังที่เดิมของเขาพร้อมกับความรู้สึกภายในใจของเซลีนที่เริ่มคิดขึ้นมาว่า…เพื่อนร่วมโต๊ะของเธอก็ไม่ได้แย่อะไรขนาดนั้น