ตอนที่ 3 หรือตั้งใจเฝ้า

1395 คำ
ตอนที่ 3 หรือตั้งใจเฝ้า ลู่ชุนไม่ได้คาดหวังว่าอาหารของจ้าวลี่หลินจะมีรสชาติเช่นไร ขอเพียงอุ่นท้องก็พอแล้ว รีบกินจะได้รีบนอน พรุ่งนี้ยังต้องออกเดินทางแต่เช้า เขายกชามจ่อที่ริมฝีปากใช้ตะเกียบพุ้ยเข้าไปเต็มคำ รอรับรสชาติที่แสนจะย่ำแย่ของอาหาร แต่แล้วเขาก็ต้องผิดหวัง เพราะโจ๊กธรรมดาสามัญชามนี่กลับมีรสชาติที่แสนจะอร่อย เขายังไม่อยากจะเชื่อจึงได้กินเข้าไปอีกคำใหญ่ ๆ คำแล้วคำเล่าเพียงครู่เดียวโจ๊กชามใหญ่ก็หมดลงไป นี่เขายังไม่ได้ลองกินผักโขมหมักเกลือสักคำเลยนะ "ส่งชามมาเถอะข้าจะเติมข้าวให้ท่านเจ้าค่ะ" ลู่ชุนส่งชามให้นางอย่างว่าง่าย จ้าวลี่หลินก็ตักให้เขาอีกเต็มชาม โจ๊กในหม้อพลันหมดไม่เหลือแม้แต่หยดเดียว เขาขมวดคิ้วขึ้นพลางชะโงกหน้าไปมองชามของนางที่ตั้งเอาไว้บนพื้น กับจานผักโขมจานเล็ก ๆ ข้างกัน "แบ่งใส่ชามเจ้าไปสิ" จ้าวลี่หลินยิ้มกว้างออกมา อย่างน้อยเขาก็แสดงความห่วงใยออกมาให้เห็น เช่นนั้นอนาคตต่อจากนี้ของนางนับว่าไม่แย่นักกระมัง "ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ข้ากินเล็กน้อยก็อิ่มแล้ว ท่านต่างหากต้องใช้แรงงานมากกว่าข้า ท่านกินเถอะ" ลู่ชุนไม่พูดอะไรอีก เขารับชามข้าวมา ตั้งหน้าตั้งตากินไม่สนใจนางอีก "ท่านลองกินคู่กับผักดูสิเจ้าคะ เข้ากันนักเชียว" มือที่กำลังพุ้ยข้าวชะงักค้าง เขาเหลือบไปมองผักสีเขียวในจาน จากนั้นก็ยกตะเกียบไปคีบเข้ามาวางในชาม คลุกกับโจ๊กจนชุ่มแล้วจึงกินเข้าไปในปาก ดวงตาคมเบิกขึ้น โจ๊กเนื้อแห้งนี้ว่ารสดีแล้ว กินกับผักโขมหมักเกลือยิ่งดีเข้าไปอีก จ้าวลี่หลินเห็นเขากินคำแล้วคำเล่าก็ยกยิ้มขึ้นมา จากนั้นตนเองก็เริ่มกินบ้าง สายตาเรียวเหลือบมองใบหน้าหล่อเหลาที่กินคำโต ไม่รู้ทำไมหัวใจนางถึงได้พองโตจนคับอก เมื่อก่อนนางก็ชอบทำอาหารเช่นนี้ ทุกครั้งที่นางและเพื่อนในกลุ่มมีเวลาตรงกัน ก็มักจะนัดกันมาทำอาหารกินด้วยกันที่บ้านของซ่งไป๋ลู่ นางรับหน้าที่เข้าครัวทุกครั้ง ไม่ใช่ว่าทุกคนจะทำอาหารไม่เป็น แต่เพราะนางชอบอาหารกระมัง บางครั้งหลี่จื่อเว่ยก็มักจะนำเหล้านอกมาดื่ม นางบอกว่าอาหารดีย่อมคู่กับสุราดี ส่วนกวนจือหลินนั่นน่ะหรือ รายนั้นเป็นเจ้ามือใหญ่ วัตถุดิบต่าง ๆ ในการทำอาหารก็ได้กวนจือหลินนี่แหละที่ออกเงินอยู่คนเดียว ว่าไปแล้วก็คิดถึงเหลือเกิน ไม่รู้ว่าป่านนี้เพื่อนทั้งสามของนางจะเป็นอย่างไรบ้าง จะรู้หรือไม่ว่านางมิได้ตายจาก แต่วิญญาณนางทะลุมิติมาในนิยายต่างหาก หลังจากที่กินอาหารเสร็จแล้ว จ้าวลี่หลินก็เก็บของทั้งหมดใส่ตะกร้า นำไปล้างที่แม่น้ำด้านหลัง ฉวยโอกาสอาบน้ำไปด้วยเลย อย่างไรบาดแผลนางก็ต้องทำความสะอาดหากไม่เช่นนั้นจะอักเสบเอาได้ นางทำทุกอย่างด้วยความรวดเร็ว ครั้นเดินกลับมา ก็เจอเข้ากับลู่ชุนที่ยืนหันหลังอยู่ไม่ไกล "ท่านจะมาอาบน้ำเช่นกันหรือ" "อืม.." เขาตอบกลับเสียงเบา นางจึงพยักหน้ารับและยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน เขาอยากอาบน้ำก็ไม่แปลกอันใด วันนี้ทั้งวันเขาก็บังคับม้าลากเกวียนจนเหงื่อเปียกชุ่มไปทั้งแผ่นหลัง แต่กระนั้นก็แปลกเสียจริง นางไม่รู้สึกว่าเขาตัวเหม็นเลยสักนิด "เช่นนั้นข้าจะเตรียมที่นอนให้ท่าน ข้ากลับไปก่อนนะ" ชายหนุ่มพยักหน้าและก้าวขาลงไปที่แม่น้ำ จ้าวลี่หลินเดินกลับไปเตรียมที่นอนให้เขาจริง ๆ นางหยิบผ้ามาปูทับหญ้าแห้งที่เขาวางไว้ใต้ต้นไม้ จากนั้นก็หยิบผ้าห่มพับตั้งไว้อย่างเป็นระเบียบ แต่แล้วเมื่อหันไปเห็นหีบใส่เสื้อผ้า นางก็ต้องขมวดคิ้ว เขาไปอาบน้ำอย่างไรถึงไม่เตรียมอาภรณ์ไปเปลี่ยน แต่แล้วหญิงสาวก็ต้องเบิกตาขึ้น ความหวานล้ำสายหนึ่งวูบเข้ามาอย่างว่องไวเพียงครู่เดียวก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย "หรือเขาต้องการไปเฝ้าระวังให้ข้า" นางเม้มปากกลั้นยิ้มเอาไว้ อย่าได้คิดเข้าข้างตนเองเชียว เขาก็แค่ทำไปตามหน้าที่เท่านั้น แต่กระนั้นเจ้าหัวใจไม่รักดีก็เต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมา "ท่านมาแล้ว" จ้าวลี่หลินเห็นร่างกายด้านบนที่เปลือยเปล่า หยดน้ำยังเกาะเต็มเนื้อตัว กางเกงที่สวมใส่ดูชื้นทว่าไม่ได้เปียก ไม่ใช่ว่าเขาเปลือยกายลงน้ำกระมัง ใบหน้าหวานแดงซ่านขึ้นมา ถึงอย่างไรวิญญาณนางก็ยังเป็นสาวพรหมจรรย์อยู่นะ "อืม..หยิบเสื้อตัวใหม่ให้ข้า" เขาออกคำสั่งเสียงเข้ม นางรีบเปิดหีบหยิบเสื้อสีดำตัวใหม่ และผ้าเช็ดผมส่งให้เขา ผมยาวเปียกเรียบไปทางด้านหลัง "ท่านเช็ดผมให้แห้งก่อน ข้าจะตากเสื้อตัวเก่าให้ท่าน ส่งมาสิ" เขาส่งมันให้นางจากนั้นก็รับผ้าเช็ดผมและเสื้อไปนั่งที่ข้างกองไฟ เช็ดมันจนแห้งจากนั้นก็สวมเสื้อให้เรียบร้อย ร่างหนาเอนกายลงนอนบนผ้าสะอาดที่ปูเอาไว้ ครั้นหันไปมองก็เห็นนางปีนขึ้นไปบนเกวียน คิ้วหนาขมวดขึ้น นางจะขึ้นไปนอนข้างบนนั้นหรืออย่างไร แต่ก็ไม่ได้แปลกอันใด ตลอดเวลาที่เดินทางมานางก็มักจะไปนอนบนเกวียน เขารู้ว่านางรังเกียจ คนที่นางรักก็คือพี่ใหญ่ของเขา หากไม่ใช่เพราะมารดานางบังคับให้แต่งกับเขา นางก็คงไม่ยินดี แต่จะว่าไปนั่นก็เพราะมารดานางและมารดาเขาเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน จึงอยากให้เขาและนางแต่งกันคงคิดอยากให้ช่วยดูแลกันกระมัง แต่มารดาเขาก็คิดผิดเสียแล้ว นอกจากไม่ดูแลแล้ว นางยังทำร้ายเขาอีกต่างหาก "กลางคืนอากาศหนาว เจ้ายังบาดเจ็บมานอนข้างกองไฟเถอะ ระวังจะล้มป่วยเป็นภาระให้ข้า หากเช่นนั้นข้าก็ยินดีที่จะทิ้งเจ้าเอาไว้ข้างทางให้เป็นอาหารของหมาป่าเสีย" จ้าวลี่หลินเพิ่งจะล้มตัวลงนอนก็ต้องลุกขึ้นมา นางเม้มปากแน่น ๆ เจ้าคนพิลึกนั่น ประเดี๋ยวดีประเดี๋ยวร้าย ไม่รู้เป็นบ้าอันใด จากที่หัวใจนางเพิ่งจะเต้นแรงเพราะเขา พลันตอนนี้ก็ห่อเหี่ยวลงเสียแล้ว นางปีนลงจากเกวียนไปล้มตัวลงนอนข้าง ๆ กับเขา ทั้งสองนอนตะแคงหันหลังให้กัน ต่างฝ่ายก็ไม่เอ่ยวาจาใดอีก เพียงไม่นานก็ได้ยินเสียงลมหายใจที่เข้าออกอย่างสม่ำเสมอของร่างอรชรที่ดังอยู่ด้านหลัง ชายหนุ่มจึงได้หลับตาลงบ้าง เสียงแมลงกลางคืนส่งเสียงร้องเหมือนดนตรีขับกล่อมให้คนทั้งคู่เข้าสู่ห้วงนิทรา ผ่านไปอีกหลายชั่วยามลู่ชุนก็สะดุ้งขึ้นมา กวาดตาไปมองเงาดำที่แทงกระบี่เข้ามา เขาล้วงมือไปที่ใต้ผ้าปูนอน หยิบกระบี่คู่ใจออกมาปัดคมกระบี่ของคนชุดดำออกไป ร่างหนากระโจนตามเข้าไป ฟาดฟันผู้บุกรุกอย่างรุนแรงและรวดเร็ว เพียงไม่นานคนชุดดำทั้งสามก็สิ้นลมหายใจใต้คมกระบี่ของเขา อีกสองคนกระโดดหายไปต่อหน้า ลู่ชุนไม่ได้ตามไป เขาไปหาร่างที่ไร้ลมหายใจ ปาดกระบี่เช็ดเลือดไปที่เสื้อของร่างนั้น หันไปทางที่นอนก็เห็นหญิงสาวลุกขึ้นนั่งถือมีดทำอาหาร ตั้งท่าระวังภัยอยู่ก่อน ริมฝีปากหยักกระตุกขึ้น ตอนแรกคิดว่าจะได้ยินเสียงกรีดร้องจากนางเสียอีก ถือว่าปรับตัวได้รวดเร็วดี
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม