ตอนที่ 2 กอดขาทองคำ

1334 คำ
ตอนที่ 2 กอดขาทองคำ ม้าลากเกวียนหยุดลงตรงป่าข้างทางพร้อมกับแสงอาทิตย์ที่คล้อยต่ำจนแทบจะลาลับขอบฟ้า ลู่ชุนโดดลงจากเกวียนลากไปใต้ต้นไม้ปล่อยให้ม้ากินหญ้าอ่อน ๆ ตรงนั้น เขามิได้ปลดเกวียนออกจากตัวม้าเพราะถึงอย่างไรก็ต้องมัดเข้าไปใหม่อยู่ดี ชายหนุ่มถือถังน้ำเดินหายไปทางด้านหลัง จ้าวลี่หลินยังคงนั่งอยู่ที่เดิมไม่ได้ลงไปข้างล่าง เกวียนกับรถม้าย่อมแตกต่างกัน ความสะดวกสบายก็ไม่เหมือนกันเป็นธรรมดา นางนั่งเหม่อมองไปยังท้องฟ้า เหล่านกน้อยบินผ่านหน้า พวกมันคงกำลังกลับรังของตนเอง แล้วนางเล่า!!.นางกำลังจะไปที่ใดกัน แล้วที่ไหนถึงจะเป็นรังของตนเอง เสียงม้าร้องปลุกหญิงสาวให้หลุดจากภวังค์ ลู่ชุนกลับมาแล้ว เขายกถังน้ำมาตั้งตรงหน้าม้าสีดำ เมื่อสักครู่เขาคงไปตักน้ำมาให้ม้ากระมัง นางเหม่อมองเขาอยู่นานเท่าใดไม่รู้ จนกระทั่งร่างกำยำรับรู้ได้ถึงสายตาของนาง เขาจึงหันกลับมาทั้งสีหน้าและแววตาไม่พอใจเป็นอย่างมาก "ยังจะนั่งอยู่อีก ไม่ลุกขึ้นมาหุงหาอาหารเล่า จะรอให้ใครทำให้เจ้ากัน" "ให้ข้าทำอาหารหรือ" จ้าวลี่หลินชี้นิ้วมาที่ใบหน้าตนเอง ลู่ชุนแค่นยิ้มหยันมิใช่ว่าเขาไม่รู้ว่านางทำอาหารไม่เป็น สตรีแพศยาอย่างนาง จะทำสิ่งใดเป็นนอกจากยั่วบุรุษไปวัน ๆ ครั้นเห็นนางไม่ยอมลงมาเสียทีเขาก็ยิ่งรังเกียจนางมากยิ่งขึ้น "หากไม่ใช่เจ้าแล้วจะเป็นผู้ใด หรือว่าจะให้เสี่ยวไป๋ทำให้กิน" "เสี่ยวไป๋..ผู้ใดกันที่นี่มีท่านกับข้า แล้วจะมีเสี่ยวไป๋มาจากไหน หรือท่านนัดผู้ใดไว้หรือ" ตั้งแต่ออกจากจวนสกุลลู่ ลู่ชุนก็ไม่ได้ให้ผู้ใดติดตามมาด้วยสักคน ข้างกายเขามีบ่าวที่ซื่อสัตย์เสียที่ไหน ล้วนเป็นคนของฮูหยินใหญ่ทั้งสิ้น แล้วยามที่ออกมาก็มีเพียงนางที่เป็นภรรยากับเขาผู้เป็นสามี จะมีเสี่ยวไป๋อันใดที่ไหนกัน ครั้นได้ยินคำถามของจ้าวลี่หลิน ชายหนุ่มก็หันมายกมือขึ้นไปลูบบนหัวอาชาสีดำ มันเงยหน้าขึ้นมามองนาง ก่อนจะพ่นลมหายใจดังฟืด..เหมือนกับว่าฟังที่นางกับลู่ชุนพูดกันเข้าใจอย่างนั้น "เสี่ยวไป๋ก็อาชาย่ำสวรรค์ของข้านี่อย่างไร" "ม้าของท่านมิใช่สีดำหรือ สีดำเหตุใดชื่อเสี่ยวไป๋ หรือว่าท่านตาบอดสี มองสีขาวกับสีดำไม่ออก" เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าม้าสีดำ เจ้าคนบ้านี่กลับตั้งชื่อให้ว่าเสี่ยวไป๋ พิลึกเหลือเกิน ยิ่งนางพูดออกมาเช่นนี้ เจ้าม้าบ้านั่นก็เหมือนจะไม่พอใจ มันตะกุยขาหน้าขึ้นร้องเสียงดัง นางที่นั่งบนเกวียนถูกกระชากจนล้มก้นกระแทกลงไปที่พื้น เจ็บจนน้ำตาแทบไหล บ้า!!..บ้าทั้งม้าทั้งเจ้าของมัน "เจ้าน่ะสิตาบอด มิเห็นหรือว่าดวงตาเสี่ยวไป๋ขาวราวไข่มุก ทั้งกระจ่างเหมือนจันทรา ใต้หล้านี้จะหาอาชาที่สง่างามเหมือนเสี่ยวไป๋ไม่มีแล้ว" ทั้งคนและม้าหันไปมองหน้ากัน ใบหน้าดูพึงพอใจเป็นอย่างมาก เจ้าเสี่ยวไป๋นั่นก็เอียงใบหน้าถูไถกับฝ่ามือใหญ่ ร้องฮี่ ๆ คล้ายออดอ้อน ใช่!!..เจ้าม้าดำนี่มันกำลังออดอ้อน ช่างประหลาดนัก "อย่ามัวพูดมากเบาปัญญาอยู่ ลงมาปรุงอาหารให้ข้าได้แล้ว" จ้าวลี่หลินหมดคำจะเอ่ย นางรื้อหม้อและข้าวสารที่จัดเตรียมเอาไว้บนเกวียนออกมา หยิบเนื้อแห้งหนึ่งพวง พร้อมทั้งเครื่องปรุงรสใส่ตะกร้าแล้วกระโดดลงจากเกวียนอย่างคล่องแคล่ว ลู่ชุนมิได้หวังว่านางจะทำเป็น แต่กระนั้นเมื่อเห็นท่าทางแข็งขันของนางก็อดจะแปลกใจมิได้ ครั้นเห็นนางกระโดดลงมายืนบนพื้นได้แต่ก็เซถอยหลังไป คิ้วเรียวของนางขมวดขึ้นพร้อมกับมือที่ยกกุมหน้าท้อง ตนเอง เสียงร้องครางแผ่วเบาดังออกมาจากริมฝีปากสีซีด สมน้ำหน้าช่างไม่รู้จักประมาณตนเอง นางบาดเจ็บอยู่มิใช่หรือ ทำตัวอวดเก่งกระโดดลงมาได้อย่างไรกัน ชายหนุ่มแสยะยิ้มออกมา ไม่สนใจสตรีนางนั้นอีก เขาหันไปเตรียมก่อกองไฟ และหาหญ้าแห้งมากองเอาไว้เป็นที่นอนคืนนี้ เสี่ยวไป๋กินหญ้าเสร็จมันก็ทิ้งตัวลงนอนใต้ต้นไม้ ไม่ได้สนใจผู้เป็นเจ้าของอีก กลิ่นโจ๊กเนื้อโชยเข้าจมูกบุรุษที่นั่งหลับตาใต้ต้นไม้ เขาสูดดมเข้าไปพร้อมกับท้องที่เริ่มส่งเสียงประท้วงเบา ๆ จ้าวลี่หลินยิ้มหวานออกมา นางตักโจ๊กชามใหญ่ส่งให้เขา พร้อมกับผักหมักเกลือจานหนึ่ง ลู่ชุนย่อมไม่ปฏิเสธของกินอยู่แล้ว เขารับมาทว่าใบหน้าก็ไม่ได้แสดงความรู้สึกใด ๆ "ข้าต้มโจ๊กใส่เนื้อแห้ง ส่วนผักโขมหมักเกลือนั่น..รสชาติยังไม่เข้ากันสักเท่าไร ข้าเพิ่งเข้าไปเก็บเมื่อสักครู่ ท่านลองกินดู" อ้อ..ที่นางเดินเข้าป่าไปเมื่อสักครู่ก็เพื่อไปเก็บผักนี่มาหรอกหรือ เขาก็นึกว่านางจะไปปลดเบาเสียอีก "เพียงแค่เติมให้เต็มท้องจะรสชาติเช่นไรหาได้สำคัญไม่ ยามที่ข้าออกรบแม้กระทั่งเปลือกไม้ก็ยังกินมาแล้ว" จ้าวลี่หลินเม้มปากขึ้น นางมิใช่คนในภพนี้มิอาจรับรู้ได้ถึงความลำบากของเขา แต่กระนั้นก็ไม่ใช่ว่านางจะไม่เรียนรู้ประวัติศาสตร์ และยิ่งนิยายที่นางรีวิวแต่ละเรื่อง ก็บรรยายถึงความยากไร้ของคนในอดีตได้เป็นอย่างดี "หากวันหน้าท่านอยากกินสิ่งใด ขอเพียงบอกข้าย่อมยินดีทำให้ท่าน" "หึ..ข้าไม่บังอาจรับความหวังดีจากเจ้า ครั้งหน้าข้าอาจไม่ได้ตื่นมาในห้องหวังอี๋เหนียง แต่คงตื่นมาในเล้าหมูกระมัง" ไม่ใช่ไม่รู้ว่าก่อนหน้านั้นเกิดสิ่งใดขึ้น เหตุที่เขาถูกไล่ออกจากจวนก็เพราะว่า เขาตื่นขึ้นมาในสภาพเปลือยเปล่าบนเตียงของหวังอี๋เหนียง อนุคนโปรดของบิดา ลู่ชุนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองไปนอนกับอี๋เหนียงได้อย่างไร แต่หากจำไม่ผิดสุราที่ภรรยาแสนดีของเขานำเข้ามาให้คงมีบางสิ่งผิดปกติไปกระมัง มิเช่นนั้นจะเกิดเรื่องบ้านี่ได้อย่างไรกัน แต่ถึงจะรู้อยู่เต็มอกว่าเป็นฝีมือของนาง แต่ก็หาหลักฐานมิได้ จะเอาเรื่องนั่นหรือ หึ..ก็แค่สตรีผู้หนึ่ง สมน้ำหน้าก็แต่นาง คงหวังว่าช่วยผู้อื่นเล่นงานเขาแล้ว นางจะได้อยู่กับคนรักหรือ หึ!!..เป็นอย่างไร สุดท้ายคนเหล่านั้นก็หวังสังหารนางเพื่อปิดปาก จ้าวลี่หลินมิได้รู้ถึงความคิดของชายหนุ่ม นางรู้แค่เพียงว่าคนที่ติดค้างเขาคือร่างเก่านี้ มิใช่นาง!!..แต่กระนั้นนางเข้ามาอาศัยร่างกายนี้อยู่จะนิ่งเฉยได้เช่นไร สิ่งใดทำได้นางก็ต้องทำไปก่อน และที่สำคัญ...นางไม่มีทางไป นอกจากติดตามเขาแล้ว นางจะไปที่ใดได้อีก ลู่ฮูหยินไม่ปล่อยนางแน่ ดูจากที่ส่งคนมาสังหารนางนั่นปะไร หากไม่กอดขาทองคำนี้ไว้ ลมหายใจนี้ก็คงจบสิ้นแล้ว จะว่าไปแล้วที่ร่างเดิมรวมทั้งนางรอดพ้นจากการไล่ล่ามาได้ ก็เพราะมีลู่ชุนที่ปกป้องทั้งสิ้น นางจะยอมจากไปพบเจอความตายหรือ ฝันไปเถอะ..
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม