หญิงสาวรู้สึกตัวขึ้นมาอีกทีก็เมื่อร่างกายได้รับการรักษาดูแลเป็นที่เรียบร้อยแล้วโดยที่เธอไม่อาจรู้เลยว่าตอนที่สลบไปคุณหมอได้รักษาเธอด้วยวิธีการใด ร่างบางใบหน้าซีดเซียวนอนอยู่บนเตียงคนเดียวไร้คนเคียงข้างในวันที่ต้องการใครสักคนอีกแล้ว กวาดสายตาไปรอบ ๆ ก็เห็นแต่ผนังห้องสีขาวของโรงพยาบาล แต่เหมือนเธอก็ชินเสียแล้วกับการที่อยู่มาตัวคนเดียวแบบนี้
เมื่อสติรับรู้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลที่ไหนสักแห่งจากการถูกการที่อดีตเอเจนซีทำร้ายร่างกายอย่างหนัก สมองก็ย้อนกลับไปคิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา ซอนย่าเข้ามาทำร้ายเธออย่างรุนแรงเหมือนว่าโกรธแค้นเธอมากอยากฆ่าให้ได้เลยยิ่งดี แต่ตอนที่มันกระทุ้งเข่าใส่ท้องเธอจนล้มตัวงอลงกับพื้นเธอได้ยินพวกมันพูดว่า
‘...ทำไมเลือดมันไหลออกตรงนั้น หรือว่ามันตกเลือด…’
ตกเลือด! มุกกันยาใจหายวาบขึ้นมาทันใด มือเผลอเลื่อนมากุมที่หน้าท้องตัวเองโดยอัตโนมัติ ผงกศีรษะขึ้นอย่างลืมตัวก่อนจะนิ่วหน้าด้วยความเจ็บจนต้องทิ้งศีรษะลงกับหมอนอย่างเก่า นอนคิดอีกไม่กี่อึดใจจึงบอกกับตัวเองว่า อาการตกเลือดต้องเกิดขึ้นได้เฉพาะกับคนท้องเท่านั้นไม่ใช่หรือ แล้วเธอ...?
ในขณะที่กำลังหญิงสาวกระวนกระวายอยากรู้คำตอบประตูห้องก็ถูกเปิดออกมาพอดีตามมาด้วยนางพยาบาลที่เข้ามาดูอาการ เมื่อเห็นคนไข้ฟื้นก็เข้ามาสอบถามอาการจากปากของเธอ
“คนไข้เป็นยังไงบ้างคะ ยังเจ็บแผลอยู่มั้ย”
มุกกันยาพยักหน้า เพราะเธอยังรู้สึกเจ็บไปทั้งตัว นางพยาบาลยิ้มให้กำลังใจปฏิบัติกับเธออย่างอ่อนโยนเพราะโรงพยาบาลที่มุกกันยานอนรักษาตัวเป็นโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง
“รอสักครู่นะคะเดี๋ยวจะไปตามคุณหมอมาดูอาการ”
“เดี๋ยวค่ะคุณพยาบาล”
หญิงสาวเอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงค่อนข้างแหบแห้ง เมื่อนางพยาบาลหันกลับมาจึงได้เอ่ยถาม
“ฉันเป็นอะไรมากรึเปล่าคะ”
นางพยาบาลยิ้มหม่น ๆ ออกมาก่อนจะบอกว่า
“รอให้คุณหมอมาอธิบายให้ฟังดีกว่านะคะ คนไข้นอนรอสักครู่ก่อนนะคะ”
นางพยาบาลไม่ยอมบอก แต่เลือกที่จะไปตามคุณหมอมาแจ้งผลให้ทราบเอง มุกกันยารู้สึกหวิว ๆ ในใจ เกิดคำถามตามมาถ้าเรื่องมันเกิดขึ้นจากเรื่องคืนนั้นแสดงว่าเธอป้องกันตัวเองไม่ทันหรือ หนึ่งชีวิตจึงถือกำเนิดขึ้นมาแล้วในตอนที่เธอยังไม่มีโอกาสรับรู้และไม่มีโอกาสดูแลตัวเองเพื่อเขาเลย
ประตูห้องพักฟื้นถูกเปิดออกอีกครั้งในเวลาต่อมา คราวนี้มีคุณหมอเข้ามาดูอาการของคนไข้ด้วย มุกกันยาหันไปมองทางเสียงฝีเท้าที่ได้ยินอึดใจก็เห็นนายแพทย์หนุ่มสวมชุดกาวน์เดินนำนางพยาบาลเข้ามาหยุดยืนประชิดข้างเตียงของเธอ ดูจากใบหน้าคุณหมอคาดเดาอายุไม่เกินสี่สิบแน่ ๆ รูปร่างสูงใหญ่ภายใต้ชุดสุภาพ เธอจำหน้าคุณหมอคนนี้ได้เพราะเป็นคนที่ฉีดยาคุมฉุกเฉินให้เธอเองในวันนั้น แต่ไม่แน่ใจว่าคุณหมอจำเธอได้หรือไม่ คุณหมอโน้มใบหน้าลงมาเล็กน้อยดูสีหน้าคนไข้ชัด ๆ มุกกันยาจึงรีบถามออกไปในสิ่งที่เธออยากรู้เต็มที
“คุณหมอคะ มีอะไรเกิดขึ้นกับฉันรึเปล่า ฉันจำได้ว่าถูกทำร้ายมา”
สีหน้าของคนที่รักษาดูแลเธอเรียบนิ่ง จนแทบอ่านความคิดไม่ออก ก่อนเอ่ยออกมา
“ตอนนี้ร่างกายของคุณปลอดภัยแล้ว แต่หมอต้องขอแสดงความเสียใจด้วยที่ไม่สามารถช่วยชีวิตเด็กในท้องเอาไว้ได้”
สีหน้าของมุกกันยาพลันซีดสลดลงในทันที เธอตกตะลึงจนไม่รู้จะต้องรู้สึกอย่างไร แสดงอารมณ์สีหน้าแบบใดออกมา ดวงตากลมตวัดจ้องหน้าคุณหมอหนุ่มเพื่อถามว่า
“ฉันท้องเหรอคะ”
“ครับ”
“ตะ แต่เมื่อสองเดือนก่อน คุณหมอฉีดยาคุมฉุกเฉินให้ฉันแล้วนี่คะ”
หญิงสาวเอ่ยตะกุกตะกัก ยังสับสนงุนงงกับเรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิตตอนนี้
“หมอก็ได้อธิบายให้คนไข้ฟังแล้วนะครับว่ายาคุมฉุกเฉินไม่ได้ป้องกันการตั้งครรภ์ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ และกรณีที่คนไข้ตั้งครรภ์อยู่ก่อนแล้วการฉีดยาคุมก็ไม่ใช่การยุติการตั้งครรภ์ และถ้ามีอาการอะไรผิดปกติให้รีบมาที่โรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด”
“ค่ะ แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมา ฉันไม่รู้สึกว่าร่างกายตัวเองมีอะไรผิดปกติเลย ก็เลยไม่ได้ดูแลตัวเอง”
คุณหมอนิ่งไปด้วยสีหน้าเศร้า ๆ อนุมานได้ว่าหญิงสาวยังไม่รู้ตัวว่าตนเองกำลังตั้งครรภ์ก็มาแท้งไปก่อน
“ครับ...แต่การที่คุณแท้งก็มาจากการที่คุณถูกทำร้ายร่างกายอย่างหนักมานะครับ หมอว่าถ้าไม่เกิดเรื่องขึ้นเด็กในท้องก็ยังสามารถเจริญเติบโตขึ้นมาได้ หมอว่าคุณควรแจ้งความเอาผิดกับคนที่มาทำร้ายคุณ”
ตรวจดูอาการโดยรวมและแจ้งข่าวให้คนไข้ทราบแล้วคุณหมอก็เดินออกไปให้คนไข้ได้พักผ่อนพร้อมกับบอกเธอว่าไม่ต้องคิดอะไรให้ตัวเองเครียด แต่เมื่อกลับมาอยู่คนเดียว ความเงียบความอ้างว้างที่ไร้ตัวตนก็ทำให้หญิงสาวที่เพิ่งรู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์พร้อม ๆ กับที่ได้รับรู้ว่าสูญเสียลูกไปแล้วด้วยเช่นกัน ก็ไม่สามารถหยุดคิดเรื่องที่เกิดขึ้นได้
^
^
^
***โปรดติดตามตอนต่อไปนะค้า ส่งคอมเมนต์เป็นกำลังให้มาให้กลอยด้วยน้า