“เดี๋ยวฉันลงไปบอกป้านิลให้เอายาเอาข้าวขึ้นมาให้” พลอยขวัญขยับตัวลุกไปยืนข้างเตียง ก่อนจะบอกหลานสาวและเดินออกจากห้องไป
ใบหน้าเรียบเฉยของน้าสาวค่อย ๆ แปรเปลี่ยนไป มือกำแน่น ใบหน้าบิดเบี้ยวพยายามสะกดกั้นอารมณ์ที่มันกำลังปะทุขึ้นมา อยากกรีดร้องให้สุดเสียง ปฐวีที่เฉยชากับเธอมาเป็นปี จนคิดว่าเขาตายด้านไปแล้ว แต่พอเห็นรอยช้ำบนตัวหลานสาว จะไม่ให้เธอรู้สึกเจ็บแค้นได้ยังไง
พลอยขวัญเดินลงบันไดช้าๆ ก่อนจะชะงักเท้าเมื่อเห็นว่าใครกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะกินข้าว เธอพยามปรับสีหน้าให้เป็นปกติเหมือนไม่มีอะไร ทั้งที่ในใจร้อนรุ่มราวกับกำลังถูกไฟแผดเผา
“ป้านิล ยกข้าวต้มขึ้นไปให้คุณปิ่นด้วยนะ แล้วก็เอายาแก้ไข้ขึ้นไปด้วย”
“คุณปิ่นไม่สบายเหรอคะ!...มิน่าเมื่อเช้าป้าไม่เห็นเดินไปที่ห้องครัวเหมือนทุกวัน”
“อือ”ขณะตอบคำถามแม่บ้าน สายตาของพลอยขวัญก็จับสังเกตสีหน้าของคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะกินข้าวไปด้วย
ปฐวียังคงมีสีหน้าปกติ ไม่เอ่ยถามหรือแสดงพิรุธให้เห็น พลอยขวัญลังเลหรือเธอจะคิดมากไปเอง ก็แค่นอนกับผู้หญิงจะเป็นใครก็ได้ เขาอาจจะไม่ได้ชอบปิ่นรักเป็นพิเศษ ผู้ชายลองได้ลิ้มชิมรสเด็กสาวก็ต้องร้อนแรงเป็นแบบนี้ทุกคน...หรือเปล่า
“งั้นเดี๋ยวจัดโต๊ะเสร็จป้าจะเอาข้าวต้มเอายาขึ้นไปให้คุณปิ่นนะคะ”
“จ๊ะ”
พลอยขวัญเดินตรงไปที่โต๊ะกินข้าว ปฐวียังคงนิ่งเฉยไม่เอ่ยทักสักคำ ถึงเธอจะนั่งลงตรงหน้าแล้วก็ตาม จากที่ไม่พอใจอยู่แล้วก็ยิ่งหงุดหงิดเพิ่มขึ้น
“ยัยปิ่นไม่สบายค่ะ”
“...”
“คุณจะไม่ถามถึงบ้างเหรอคะ”
“ทำไมต้องถาม”
“ก็ยัยปิ่นมันจับไข้เพราะ...” หญิงสาวชะงัก
“หลานคุณก็ดูแลไปสิ ไม่เกี่ยวกับผม” ปฐวีเลิกคิ้วสูงก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา สายตาจับจ้องที่ใบหน้าภรรยาสาว
“คุณวี!”
“คุณจะบอกอะไรก็พูดมาตรง ๆ” ถึงแม้จะรู้ตัวการคนที่กล้าวางยาอุบาทว์นั่นกับเขา แต่ปฐวีก็ทำท่านิ่งเฉยไม่พูดถึง ราวกับไม่เคยมีเรื่องนี้เกิดขึ้น
“อย่าเพิ่งโมโหสิคะ พลอยก็แค่...อยากเล่าให้คุณฟัง อย่างน้อยยัยปิ่นก็เป็นคนอาศัยอยู่ที่นี่ เจ็บไข้ไม่สบายคุณก็ควรรู้ เดี๋ยวจะหาว่ามีไรพลอยไม่ยอมบอก” พลอยขวัญมีท่าทีอ่อนลง ใบหน้ายิ้มแย้มเอาใจสามีเหมือนไม่เคยมีเรื่องโกรธเคือง
“อือ” เสียงรับคำในลำคอเหมือนไม่สนใจ ทำให้พลอยขวัญไม่กล้าตอแยต่อ
พออาหารถูกจัดเรียงมาวางบนโต๊ะเรียบร้อย สองสามีภรรยาก็ต่างคนต่างกินข้าวโดยไม่มีใครพูดอะไรออกมา บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเงียบกริบ
หลายครั้งที่พลอยขวัญลอบชำเลืองมองปฐวี แต่อีกฝ่ายกลับนั่งกินข้าวเงียบ ๆ ไม่ชวนคุย ไม่คิดจะใส่ใจตักอาหาร หรือดูแลเธออย่างสามีที่ดีควรจะทำ พลอยขวัญรู้สึกเหงาและโดดเดี่ยวขึ้นมา ทั้งที่เขาก็นั่งอยู่ตรงหน้า
ปฐวีไม่เคยใส่ใจเธอมานานแล้ว อยู่ด้วยกันก็เหมือนอยู่คนละโลกที่เธอเข้าไม่ถึงตัว บางครั้งเขาคิดอะไรก็ไม่สามารถคาดเดาได้ แม้แต่ความรู้สึกความต้องการของเธอ เขาก็ไม่เคยรับรู้เช่นกัน
พลอยขวัญก้มหน้าลงซ่อนแววตาขมขื่น ความหวานชื่นยามค่ำคืนฉันท์สามีภรรยาไม่เคยมีสักครั้ง หากวันหนึ่งเกิดอะไรขึ้นก็ต้องโทษที่ตัวเขา จะมาโทษเธอไม่ได้ ในเมื่อเธอไม่ผิด ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะเขา...เขาคนเดียวเท่านั้น!
ปฐวีผลักประตูห้องนอนเข้าไปก็ต้องชะงัก เมื่อจมูกได้กลิ่นน้ำหอมรวยริน กลิ่นบางเบาเช่นเดียวกับคืนนั้น สายตาคมกริบหันขวับไปมองยังเตียงนอนโดยอัตโนมัติ ถึงแม้จะมืดสลัว ก็ยังเห็นเป็นเงาร่างคนนอนอยู่บนเตียง
หัวคิ้วขมวดมุ่น เมื่อเช้าพลอยขวัญบอกว่าหลานสาวไม่สบาย แต่นี่ยังไม่พ้นวันเธอกลับมานอนรอที่ห้องแล้ว รอยยิ้มหยันผุดขึ้นมาอย่างดูถูก ช่างเลี้ยงดูกันมาได้ราวกับโคลนนิ่ง เหมือนกันทั้งหน้าตาและสันดาน เห็นหน้าใสซื่อ ใครจะคิดว่าสาวน้อยกลับซ่อนความร่านไว้อย่างมิดชิด หากคืนนั้นไม่เจอกับตัว เขาก็ยังเข้าใจผิดคิดว่าเธอเป็นเด็กดี
เอาสิ หากเธออยากจะลองเล่นกับไฟ เขาก็จะสนองให้ แล้วอย่ามาร้องไห้คร่ำครวญทีหลังแล้วกัน
เขาแกล้งไม่สนใจทำทีเป็นมองไม่เห็น ก่อนจะเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัว แล้วหายเข้าไปในห้องน้ำ นานราวสิบนาทีจึงเปิดประตูห้องน้ำออกมา
ร่างสูงใหญ่มีเพียงผ้าเช็ดตัวผืนเดียวพันรอบเอวไว้อย่างหมิ่นเหม่ หยดน้ำยังเกาะตามตัว กล้ามเนื้อหนาแน่นและดูแข็งแกร่งอย่างคนที่ออกกำลังกายประจำ ถูกตาต้องใจคนที่กำลังแอบมองยิ่งนัก
“หายดีแล้วเหรอ”
“หายดีอะไรคะวี พลอยไม่ได้เป็นไรสักหน่อย”
“พลอย!!”
ปฐวีชะงัก เมื่อเสียงที่ตอบกลับมาไม่ใช่คนที่เขาคิดไว้ มือเอื้อมไปกดเปิดโคมไฟที่อยู่ติดหัวเตียงทันที เมื่อแสงไฟสว่างขึ้นก็มองเห็นชัดว่าเป็นพลอยขวัญ ไม่ใช่หลานสาว
“ก็พลอยน่ะสิ แล้ววีคิดว่าเป็นใคร”
“เปล่า...แล้วมานอนรอมีไร?”
“คิดถึงวี...คืนนี้พลอยขอนอนด้วยคนนะคะ”
“...”
“เป็นไรคะ ไม่ดีใจเหรอที่พลอยลงมาหา”
“เปล่า”
“วีคะ เราไม่ได้มีค่ำคืนดี ๆ ต่อกันมานานมาก พลอยนอนรอกอดคุณทุกคืน คุณก็เอาแต่ทำงานดึกดื่นแล้วก็ไม่ยอมขึ้นไปนอนข้างบน...คืนนี้พลอยจะมานอนเป็นเพื่อนวี...นะคะ” พลอยขวัญลุกขึ้นมาโอบเอวสามี พลางลูบไล้ไปทั่วแผ่นอกหนา
“ผมยังมีงานต้องสะสางคงเข้านอนเป็นเพื่อนคุณไม่ได้ คุณกลับขึ้นไปนอนข้างบนดีกว่า ห้องนี้เตียงมันเล็กนอนไม่สบายหรอก”
“เตียงเล็กงั้นเหรอ ทียัย...” พลอยขวัญลืมตัวโพล่งออกมา ก่อนจะชะงัก
“ทีอะไร?” ปฐวีเลิกคิ้วสูงจ้องมองภรรยาสาว สีหน้าราบเรียบแต่ประกายตาแข็งกร้าว ทำเอาพลอยขวัญชะงักด้วยความร้อนตัว
“ปะ...เปล่าค่ะ พลอยแค่อยากมานอนกับวี...ไม่ได้เหรอ...ทำไม? เราเป็นผัวเมียกันนะทำไมพลอยจะมานอนห้องนี้ไม่ได้”
“ผมต้องทำงาน”
“ทำงาน ๆ ๆ อย่ามาอ้างหน่อยเลย นี่วีก็อาบน้ำจะเข้านอนอยู่แล้ว ยังจะอ้างเรื่องงานอีก วีเป็นอะไร ไม่พอใจอะไรพลอยก็บอกมาสิ” พลอยขวัญเริ่มเสียงดังขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยอารมณ์โกรธ
“จะนอนที่นี่ก็ตามใจ ผมต้องไปทำงาน คงไม่มีเวลามาทะเลาะกับคุณ” พูดเสร็จปฐวีก็เดินไปที่ตู้เสื้อผ้าหยิบเอาชุดนอนขึ้นมาสวม ก่อนจะเหวี่ยงผ้าเช็ดตัวไปวางพาดบนเก้าอี้ และทำท่าจะเดินออกจากห้อง