“มะ...เมื่อกี้พี่เฟิร์นพูดชื่อใครนะ”
น้ำหอมถามย้ำอีกครั้งเพื่อความมั่นใจว่าเธอไม่ได้หูฝาดไป ก็คนที่เดินมาขอเบอร์เธอเป็นพี่อีกคนนี่ทำไมพี่เฟิร์นกลับพูดชื่อพี่แทนล่ะ
“แทน พี่ให้เบอร์แกไปกับพี่แทน”
“O_O”
“อ๋อ! ไอ้บอสมันจะเดินไปขอเบอร์แกให้แทนนั่นแหละ คนที่แกบอกว่าไม่ชอบน่ะหมายถึงคนที่ใส่ต่างหูไม้กางเขนใช่มั้ยล่ะ”
เมื่อเห็นน้ำหอมทำหน้ายุ่งเหมือนกำลังสับสนอะไรบางอย่าง เฟิร์นจึงนึกขึ้นได้ว่าวันนั้นคนที่เดินเข้าไปหาน้ำหอมคือบอสไม่ใช่แทน
“ใช่ค่ะ”
“ไอ้คนนั้นชื่อบอส พี่แทนคือคนที่แกเอาปากกาให้ไงส่วนคนสุดท้ายในกลุ่มชื่อกายแฟนพี่เอง”
เฟิร์นถือโอกาสแนะนำสมาชิกในนั้นให้น้ำหอมรู้จักไปเสียเลยเพราะยังไงเธอก็ยังต้องเจอพวกเขาอีกในคลาสเรียน
“แล้วทำไมถึงให้เบอร์หอมไปกับพี่แทนล่ะคะ เขาชอบหอมเหรอ”
แม้จะพยายามถามกลับไปด้วยสีหน้าปกติแต่ภายในอกข้างซ้ายกลับได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นระรัวราวกับมีคนมาตีกลองรบตรงหัวใจของเธอ
“พี่ว่าชอบนะ ปกติไม่เคยเห็นแทนมองผู้หญิงคนไหนด้วยซ้ำ”
“พี่เฟิร์นให้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”
“ก็วันแรกที่แกเจอกันเลยอ่ะ”
วันแรกที่เจอกันคือวันจันทร์แต่นี่วันศุกร์แล้วนะไม่เห็นจะมีเบอร์แปลกหรือไลน์ที่เพิ่มเพื่อนเข้ามาเลย อีกอย่างเธอบังเอิญเจอเขาเมื่อวันพุธท่าทางเขาก็ดูเหมือนจะไม่ชอบเธอสักเท่าไหร่ด้วยซ้ำ
“แทนเป็นคนนิ่งๆ ขรึมๆ พูดไม่เก่งเท่าไหร่อ่ะถ้าแกชอบก็อ่อยๆ มันหน่อยแล้วกัน”
Rrrr Rrrr
เสียงโทรศัพท์ดังแทรกบทสนทนาขึ้นมาและเบอร์ที่ปรากฏบนหน้าจอคือเบอร์ของอาจารย์ทำให้เฟิร์นรีบกดรับสายพลางโบกมือลาน้ำหอมแล้วเดินกลับเข้าไปในตึกสาขาทันที
“เขาชอบเราจริงๆ เหรอวะ”
น้ำหอมบ่นพึมพำกับตัวเองระหว่างเดินไปหาเพื่อนสนิทที่โรงอาหาร ชอบแบบไหนถึงได้ทำหน้าดุขนาดนั้น
@โรงอาหารคณะบริหารธุรกิจ
“ห๊ะ!”
เสียงตกใจของแพทและอิ่มเล่นเอานักศึกษาคนอื่นๆ หันมามองทางโต๊ะพวกเธอเกือบทั้งโรงอาหาร
“เบาๆ ดิวะ อายคน”
น้ำหอมพูดด้วยน้ำเสียงกระซิบกระซาบพลางรีบก้มหน้าก้มตากินข้าวในจานต่อ ทำให้อิ่มและแพทหันไปมองรอบๆ ตัวก่อนจะหันกลับมาแล้วก้มหน้าลงตามด้วยความเขินอาย
“เราบอกแล้วว่าพี่เขาอาจจะมาขอเบอร์แทนเพื่อนก็ได้”
อิ่มพูดขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่เบาลงหลังจากทั้งสามคนกินข้าวเสร็จ แพทหันไปแบนปากใส่เพื่อนสาวทันที
“แหม~ เอาดีเข้าตัวขึ้นมาเลยนะ”
“คนเราก็ต้องรับแต่สิ่งดีๆ ให้ตัวเองอยู่แล้ว ถ้ารู้ว่าอะไรไม่ดีเราจะรับมาทำไมล่ะแพท”
น้ำหอมและแพทกลอกตามองบนพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย เพื่อนสาวของเธอมองโลกในแง่ดีเกินไปจนมองไม่ออกว่าแพทกำลังประชดประชันเธออยู่
“เราพูดอะไรผิดเหรอ”
“ไม่ผิดจ๊ะ อิ่มพูดถูกแล้วเราต้องรับแต่สิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิตอะไรที่มันไม่ดีอย่างเช่นเพื่อนเลวๆ ก็ตัดมันออกไปบ้าง”
น้ำหอมพูดปนขำ นั่นยิ่งทำให้อิ่มมีสีหน้างุนงงเข้าไปใหญ่แตกต่างจากแพทที่ไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้านอะไรอยู่แล้ว
“อย่าให้เห็นเดินอยู่ข้างกูในนรกนะ”
“ฮ่าๆๆ เราจะไปสไลด์ต้นงิ้วกัน”
“พักเรื่องนรกกลับมาเรื่องผู้ชายก่อนค่ะ ตกลงพี่แทนเขาคือคนที่ขอเบอร์มึงจริงๆ เหรอ”
แพทรีบดึงกลับเข้าเรื่องที่คุยค้างกันเอาไว้ด้วยความอยากรู้อยากเห็น เธอไม่เห็นพี่แทนอะไรนั่นจะหันมามองเพื่อนเธอเลยสักครั้งหรือว่าจะตกหลุมรักตอนที่เพื่อนเธอกำลังคลานมุดใต้โต๊ะ
ช่างเป็นการตกหลุมรักที่น่าประทับใจจริงๆ
“พี่เฟิร์นบอกมาแบบนั้นว่าคนที่เอาเบอร์ ไอดีไลน์ แล้วก็เฟสบุ๊คไปคือพี่แทนแต่กูเช็คหมดแล้วนะ ไม่เห็นมีใครเพิ่มเพื่อนมาเลยสักคน”
น้ำหอมพูดพลางหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมากดเข้าแอปพลิเคชันต่างๆ มาเปิดให้เพื่อนดูถึงความปกติ ไม่มีใครเพิ่มเข้ามาจริงๆ
“หรือเขาไม่กล้าเพิ่มวะ แบบว่าต้องลองไปอ่อยๆ ก่อนเหมือนที่พี่เฟิร์นบอก”
“อีกอย่างคือเขาไม่ได้ชอบอะไรกูเลยค่ะ พวกเพื่อนๆ เขามโนไปเองแล้วก็เอาเบอร์กูไปยัดเหยียดให้เขา”
น้ำหอมตอบกลับไปตามความคิดของตัวเองเพราะนี่ก็ผ่านมาตั้งห้าวันแล้วถ้าเขาคิดจะจีบคงจะทักมาหาเธอตั้งแต่วันแรก
“เพื่อนกูนี่มีความสามารถพิเศษจริงๆ”
แพทเอ่ยชมขึ้นมาพลางปรบมือให้ น้ำหอมรู้ได้ทันทีว่าเพื่อนสาวกำลังจะประชดประชันเธอในขณะที่อิ่มทำหน้างงแต่ก็ยกมือขึ้นมาปรบให้ด้วย
“ความสามารถอะไรของมึง”
“มีคนเข้ามาสนใจเป็นสิบเพื่อนกูไปสนใจคนที่เขาไม่สนใจตัวเองจ้า”
“อิสัส!”
••××××ו•
วันนี้เป็นวันหยุดทำให้น้ำหอมสามารถรับงานที่จัดในช่วงกลางวันได้และงานวันนี้ของเธอก็คือเอ็มซีรับหน้าที่โฟนขายโทรศัพท์มือถือยี่ห้อหนึ่งในห้างสรรพสินค้าใจกลางเมือง
ร่างบางอยู่ในชุดมินิเดรสเกาะอกสีขาวฟ้าซึ่งเป็นสีประจำแบรนด์โทรศัพท์ที่จ้างเธอมาในวันนี้ ใบหน้าสวยหวานถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางที่จัดเต็มกว่าวันปกติ ผมสีน้ำตาลช็อกโกแลตถูกจัดทรงแทรกกลางข้างหน้าหวีเรียบไปกับศีรษะส่วนด้านหลังปล่อยยาวสลวย
การแต่งหน้าจัดเต็มในวันนี้จึงทำให้สาวน้อยวัยสิบเก้าปีดูโตเป็นสาวสะพรั่งบวกกับชุดที่เข้ารูปเน้นส่วนเว้าส่วนโค้งอย่างชัดเจน โดยเฉพาะหน้าอกหน้าใจที่คุณแม่ให้มาจนล้น ยิ่งทำให้ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาในห้างต่างก็ละสายตาจากเธอไม่ได้
ไม่เว้นแม้แต่กลุ่มสามหนุ่มสุดฮอตที่วันนี้แวะเข้ามาหาอะไรกินในมื้อเที่ยงก่อนจะเข้ามหาวิทยาลัยเพื่อทำโปรเจคที่ค้างเอาไว้
“เอ็มซีคนนั้นสวยจังวะ”
เสียงหวานที่กำลังพรีเซ้นต์ถึงคุณสมบัติเด่นของโทรศัพท์แบรนด์ดังทำให้ทั้งสามคนหันไปมองและบอสเป็นคนเอ่ยชมออกมา
“หน้าคุ้นๆ นะ”
“มึงคุ้นอีกแล้วไอ้กาย”
“เอ้า! ก็มันคุ้นจริงๆ”
แทนไม่ได้สนใจฟังเพื่อนทั้งสองคนที่กำลังยืนเถียงกันเพราะเขาหยุดชะงักตั้งแต่ได้ยินเสียงคุ้นหูของใครบางคน
คิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อยแม้วันนี้เธอจะแต่งตัวแต่งหน้าแบบจัดเต็มแต่เขากลับจำได้ดีว่าเธอคือใคร
‘หอมมันทำงานส่งตัวเองเรียนอ่ะ พริตตี้ เอ็มซี พีอาร์ เด็กเสิร์ฟขนาดทำความสะอาดห้องมันยังรับเลยจะเอาเวลาที่ไหนไปโทรตามแทน’
ประโยคของเฟิร์นดังขึ้นมาในหัวของเขาอีกครั้ง แทนจ้องมองไปทางเอ็มซีสาวสวยที่กำลังพูดพรีเซ้นต์โทรศัพท์อย่างไม่วางตาจนเพื่อนทั้งสองคนสังเกตเห็นแล้วเริ่มสะกิดแขนกัน
“นั่นน้องน้ำหอมนี่หว่า”
กายมองไปทางน้ำหอมอย่างพินิจพิจารณาถึงจะจำขึ้นมาได้ว่าคนที่เพื่อนเขากำลังมองไม่วางตาคือน้องน้ำหอมนี่เอง
“จริงด้วย! เวลาออกมาทำงานแต่งตัวจัดเต็มแบบนี้สวยกว่าเดิมอีกวะ มึงว่ามั้ย”
บอสพูดในขณะที่สายตาก็ยังคงมองไปทางน้ำหอมก่อนจะยกข้อศอกขึ้นสะกิดเพื่อนของตัวเองเพื่อถามความคิดเห็น
“ไม่เห็นจะสวย”
คำตอบของแทนทำให้บอสและกายหันขวับกลับมามองหน้าแทนคอแทบเคล็ด สวยปานนางฟ้าขนาดนี้แต่แทนกลับตอบมาว่าไม่สวยเนี้ยนะ ว่างๆ คงจะต้องพาเพื่อนของเขาไปตรวจสายตาบ้างแล้วล่ะ
“ปากบอกไม่สวยแต่ตามึงจะหลุดออกมาอยู่แล้ว”
คำแซวของบอสทำให้แทนส่ายศีรษะด้วยท่าทางเบื่อหน่ายแล้วเดินเลี่ยงออกมา สิ่งที่เขาตอบเพื่อนไปคือสิ่งที่เขาคิดอยู่จริงๆ เวลาที่น้ำหอมใส่ชุดนักศึกษาที่มันมิดชิดแต่งหน้าใสๆ เธอดูสวยกว่าการแต่งหน้าจัดเต็มและชุดที่ใส่อยู่วันนี้เป็นไหนๆ