เขาผงะและตกใจกับคำที่หล่อนเอ่ย ถึงตัวเอง ฟังดูแปลก ในทางลบ แต่เต็มไปด้วยความร้อนแรง คำหลัง เขาไม่ถูกโฉลกเลย คำว่า งิ้ว หรือดอกงิ้ว
"ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะคะ"
ช่องิ้วถามเขากลับ ที่เขามองหล่อนแปลกๆเหมือน อึ้ง
"คำหลังไงครับ"
"ถ้าคุณไม่ชอบคำหลัง ก็เรียกคำหน้าได้ค่ะ"
"ครับ คุณช่อ"
"ยินดีที่ได้รู้จักกับคุณต่อนะคะ แหม ในวันนี้งานจัด อย่างอลังมากเลยล่ะ ช่อรู้สึกวางตัวเองไม่ถูก ยินดีอย่างมากนะคะ ที่ได้เข้ามาร่วมงานในบริษัท โดยเฉพาะ ตระกูลปัญจดิลิก"
ไม่มีใครรู้ ตัวเขาก็ไม่รู้ ในคำ ที่ช่องิ้วหรือชิดชลัยพยายามเน้นคำว่า ปัญจดิลก
ประอรศรีคนหนึ่ง ที่มีแววตาทั้งไม่พอใจและสนับสนุน ตั้งแต่ครั้งแรก ที่บรรดาญาติของเธอโดยเฉพาะส่วนมาก เป็นผู้ชายกับสามีของหล่อน จะนำเอาตัวผู้หญิงคนนี้มาแนะนำ ในฐานะที่เรียกได้ว่า เป็น เอ้อ จะเป็นผู้หญิงคนใหม่ ของ ยศฐา เขาไม่ใช่ใคร น้องชายแท้ๆ ของหล่อนนี่เอง
บุตรชายของหล่อนนั่น สายตาของรัชนินทร์ที่ บ่งบอกความชื่นชม ผู้หญิงคนนั้น ออกนอกหน้า ที่ใครๆ รู้ว่าทั้งฮอตและร้อนแรงมากแค่ไหน
แต่หล่อนก็จัดให้และตีตราผู้หญิงประเภทนี้ แค่บ้านเล็กบ้านน้อย หรืออนุของผู้ใหญ่
สายตาประอรศรี จึงไม่พอใจ ที่ลูกชายคนเดียว จะไปพันเกี่ยว กับผู้หญิงแบบนี้ที่หล่อนเกรงกลัวเหลือเกิน จากสายตาที่มองเห็น รัชนินทร์บุตรชายคนเดียว หลงใหลผู้หญิงคนนี้ อย่างหัวปักหัวปำเหลือเกินในฐานะคนเป็นแม่ นางต้องรีบจัดการแบบตัดไฟเสียแต่ต้นลม
หล่อนจะต้องพูดจากับผู้หญิงคนนี้ให้รู้เรื่องและเด็ดขาดไปเลย
ไหนอีกล่ะ ที่หล่อนจะต้องมาแค้นเคืองน้องชายแท้ ยศฐา จะว่าไปผู้หญิงคนนี้ ถ้ายศฐาเอาไปประดับบารมีก็เพียงพอแล้ว อย่าให้ลูกชายของหล่อนไปยุ่งอีกคน ซึ่งประอรศรีไม่มีวันยอมแน่ หล่อนไม่มีวันยอม
"ตาต่อ มานี่ซิ เข้ามาคุยกับแม่หน่อย"
นางส่งเสียงเรียกลูกชายในงาน ที่เขาผละออกมาจากแม่ดาราเจ้าเสน่ห์คนนั้นแล้ว และดูเหมือนช่องิ้วก็เดินไปอีกด้านหนึ่งที่มีน้องชายของหล่อนยืนอยู่
นางเห็นจังหวะปลอดสายตาจากใครบางคน
"มีอะไรหรือครับแม่"
เขาถามคุณประอรศรีกลับไป
"แม่ถามหน่อย เราไปรู้จักมักจี่ผู้หญิงแบบนี้ได้อย่างไร" ดูเหมือนคุณประอรศรีต้องการยิงคำถามใส่ลูกชายไปเลย
ลูกชายทั้งชะงักและตกใจ ทำเหมือนกับว่าเขาทำความผิดบางอย่าง จึงถามมารดากลับไปอย่างไม่เข้าใจแกมงงนิดๆ
"แม่พูดเรื่องอะไรครับต่องงไปหมดแล้ว"
"ฮึ ก็ที่ลูกเข้าไปทักใกล้ชิดผู้หญิงคนนั้นนะสิ แม่ไม่ชอบ และไม่เห็นด้วย"
แทบจะไม่อ้อมค้อม คุณประอรศรีต้องการซักบุตรชายแบบเห็นดำเห็นแดงกันไปเลย
ต่อหรือรัชนินทร์พอจะเข้าใจอย่างเลาๆ ที่มารดาเริ่มแสดงอาการขุ่นเคืองแบบไม่พอใจเขาอย่างนี้
"อ๋อ คุณ ช่อเธอสวยดีครับ มีเสน่ห์ ผมเพิ่งได้รู้จักเธอในวันนี้เอง ก็เหมือนอย่างที่ใครต่อใครพูด เธอเป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์มากครับ พูดก็เพราะ จนใจผมงี้แทบจะละลายเลย"
การพร่ำพรรณนาตอบของบุตรชายที่มีอาการส่อความลุ่มหลง ทำให้ประอรเสียงไม่พอใจมาก นางเอ่ยเสียงตึงเข้มกับบุตรชาย
"ตาต่อ นี่เป็นเอามากถึงขนาดนี้หรือ"
"ใช่ครับ กับผู้หญิงสวยๆ มีเสน่ห์อย่างคุณช่อ ผมว่าพอใครได้เข้าไปใกล้ๆ ก็มีความรู้สึกเหมือนผม"
สุดที่จะทนฟังได้ คุณประอรศรีทำหน้าเหมือนผะอืดผะผม หนำซ้ำบุตรชายมาพรรณนาหยดย้อยถึงผู้หญิงคนนั้นอีก
"นี่พอแล้ว ฉันไม่อยากฟัง กับผู้หญิงที่มีข่าวฉาวโฉ่ คบคนนี้ควงคนนั้น ลูกนะอ่านข่าวคราวดูข่าวบ้างหรือเปล่า ฮึ ต่อ อย่ามาคิดเอาเศษไม้กวาดของต่ำๆ มาเข้าบ้านนะ แม่นะพยายามกวาดออกให้พ้นจากบ้าน"
เสียงของนางนั้นเข้ม ทั้งเอาจริง จนรัชนินทร์รู้สึกได้ทันทีเลยว่า แม่ของเขานั้นไม่พอใจเอาอย่างมาก
ช่องิ้วเดินแต้มมาถึงขั้นนี้ ถือว่าหล่อนไม่พลาดเป้าหมาย หล่อนเดินมาถูกทางการโปรยเสน่ห์ให้ผู้ชายตรงหน้า จนเขาติดกับดักเสน่ห์ของหล่อน จะมีแต่เพียงมารดาของเขา คุณประอรศรี ที่นั่งหน้าบึ้งไม่ต้อนรับหล่อน
ช่างปะไรเป้าหมายของหล่อนไม่ได้อยู่ที่คุณประอรศรี แต่อยู่ที่สองหนุ่มนั่นต่างหาก คนหนึ่งหล่อนมีเป้าหมาย ที่รับงานมาจากคนอื่นคือ ทำตามคำสั่งของคนว่าจ้าง
อีกประเดี๋ยว หล่อนก็ต้องโทร.ไปบอก ว่าทำเสร็จเรียบร้อย เพื่อให้ฝ่ายนั้นดีใจ และงานของหล่อนจะได้จบ แต่ข้อที่สอง หล่อนเดินเกมของหล่อนเอง
โดยเฉพาะชายหนุ่มที่ชื่อ รัชนินทร์ ปัญจดิลกเป็นเป้าหมาย
สีหน้าของช่องิ้วหรือชิดชลัยพยายามทำแบบปกติ คือราบเรียบ และหล่อนต้องซ่อนอารมณ์เก่ง
หล่อนอยู่ตรงหน้าของยศฐา หนุ่มใหญ่อีกคน ที่เป็นเป้าหมายของผู้ว่าจ้าง แสดงบทบาท ผู้หญิงควงของเขาชั่วคราว แต่ไม่แตะสัมผัสตัว
"นี่หล่อนฉันขอคุยกับหล่อนหน่อย"
จู่ร่างท้วมที่ตกแต่งไปด้วยเครื่องประดับเหมือนตู้ทองเคลื่อนที่ของคุณประอรศรี ก็ย้ายก้นมาปะทะตรงหน้ากับช่องิ้ว ที่หล่อนตั้งตัวไม่ทัน และเมื่อเห็นว่าเป็นใคร หญิงสาวจึงยิ้ม
"ค่ะ มีอะไรหรือคะ คุณประอรศรี"
"นี่อย่านึกนะ ว่าฉันรู้ไม่ทันเกมของพวกหล่อน แก ช่วยไปบอกนังจงกลณีด้วยว่า พวกปัญจดิลกไม่ใช่คนโง่ แล้วนี่ คิดดูนะ ถ้าคิดจะมาหว่านเสน่ห์ใส่ลูกชายฉันอีกคน ล่ะผิดคาด เขาไม่เอาผู้หญิงฉาวโฉ่คาวจัดๆ อย่างเธอมาประดับสกุลฉันหรอกนะ ฉันจะบอกให้"
คำพูดนั้นรุนแรง และไม่ออม
นาทีนั้นช่องิ้วหรือชิดชลัยตกตะลึงไปเล็กน้อย เท่านั้น เพราะเตรียมการ งานการของหล่อนที่คุ้นเคยแบบนี้เจอมาเยอะ
มันก็เจ็บนะ กับคำพูดที่เชือดเฉือด และเน้นคำ เหมือนจงใจด่าออกมาอย่างนี้
มิไยที่ชิดชลัยก็เงยใบหน้าของหล่อนขึ้นสูงร่างระหงงามนั้นอย่างท้าทายหญิงสาวใหญ่
หล่อนต้องรับได้ และทานทนกับคำพวกนี้มานักต่อนัก คนมีอาชีพอย่างหล่อนต้องทำได้ และทำมาตลอด แต่ก็พอจะรู้ว่าผู้หญิงสาวใหญ่คนนี้ คงพอรู้อะไรจากอีกฝ่าย ที่กำลังเล่นเกมอยู่
ชิดชลัยก็เป็นหมากเกมที่ส่งมาเหมือนกัน
"หิวกระหายเรื่องเงินอย่างพวกหล่อน ได้เงินแล้วก็จบ" ยังคงปล่อยให้คุณประอรศรีกราดคำพูดด่าหล่อน
เมื่อหายสะอึกทั้งอารมณ์และตัวของชิดชลัยหายด้านชามากพอสมควร
"แหม คุณเก่งนี่คะ สามารถคาดเดาอะไรได้ ถึงดิฉันจะเป็นหมากของใคร ก็เดินเกมตามกติกา คนที่คุณรู้ดี ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องบอกอะไรมากนี่คะ ถ้าฉลาดมากก็ไม่ได้แปลว่าไม่โง่ ที่จะไม่รู้เรื่อง แต่เรื่องห้ามลูกชายของคุณ ฉันก็ช่วยไม่ได้ ต้องไปห้ามเขาเอง"
เสียงหล่อนตอกกลับเบาๆ แต่นุ่มและสาดคำแรงๆ ในตอนท้ายเพื่อกระเทียบประชดใส่อีกฝ่าย
ที่สีหน้าตึงและตัวสั่นระริก แล้วสีหน้าของคุณประอรศรีก็สะบัดเชิดขึ้นสูงอย่างมองเมิน
"แต่ฉันมาเตือนหล่อนไว้เท่านี้ล่ะ ถ้าจะคบผู้ชายกี่คนฉันไม่ว่า จะลากเอายศฐาไปด้วยก็ได้ ท่าทางน้องชายของฉันคงจะหลงหล่อนมากล่ะ แต่ขอเอาไว้คนเดียว ลูกชายฉัน อย่าเข้าไปยุ่ง ฉันไม่อยากให้เขามาแปดเปื้อนสิ่งสกปรกต่ำๆ อย่างเธอ"
กรีดด้วยคำแรงๆ กลับไปอีกครั้ง
และชิดชลัยตั้งตัวได้ดี หล่อนคาดเดาเสมอว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรที่รุนแรงประเภทเจ็บช้ำน้ำใจใส่หล่อน
"ค่า แต่ดิฉันชักจะมันแล้วสินะคะ ถ้าเกิดว่าลากเอาตัวลูกชายคุณนายมาเป็นแฟนได้ มันก็น่าทำ"
ชิดชลัยยังคงท้าทาย
"อย่าเชียวนะ แกอย่าแตะต้องเขา"
"อ้อ ลองคิดดูเขาชุบทองทั้งตัวหรือไงคะ ดิฉันถึงแตะไม่ได้ แต่ว่า จะชุบทอง ทองเค หรือว่า เก๊ มนุษย์เราก็มีกิเลสราคะเหมือนกัน ตรงที่ไม่รู้จักพอ”
ชิดชลัยไม่ยอมอยู่เฉย
สังเกตเห็นใบหน้าของคุณนายตู้ทองเคลื่อนที่อย่างคุณประอรศรี เริ่มเสียและซีด เหมือนกับนางรับอารมณ์มากกว่านี้ไม่ได้
ที่จริงชิดชลัยทำประชดมากกว่า ไม่ได้คิดทำร้ายจริงจัง แต่หมั่นไส้ ที่ประอรศรีดูถูกหล่อน มันคืองานไง สิ่งที่หล่อนทำทั้งหมดมันเกี่ยวกับงาน
สีหน้าของประอรศรี ยิ่งเหมือนทำใจไม่ได้ หล่อนนึกผะอืดผะอม ไม่อยากจะยืนอยู่ตรงนี้
"เดี๋ยวสิคะ คุณนายจะรีบไปไหน คุณนายท้าทายเองไม่ใช่หรือคะ ก็พูดให้มันจบสิ"