ห้าเดือนต่อมา...
ทุกอย่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว รวมถึงความสัมพันธ์ของกฤษนัยกับอัญญาด้วย ไม่น่าเชื่อว่าความต่างระหว่างวัยที่เขาอายุมากกว่าเธอถึงเจ็ดปี จะไม่เป็นปัญหาในการศึกษาดูใจ รวมทั้งฐานะและหน้าที่การงานของเขายิ่งไม่มีปัญหา ด้วยความเป็นผู้บริหาร เขาไม่จำเป็นต้องเข้าทำงานและเลิกงานตามเวลาอย่างเช่นพนักงานทั่วไป เวลาที่จะได้เจอกันจึงขึ้นอยู่กับเวลาเลิกงานและความสะดวกของอัญญาเป็นส่วนใหญ่ เธอว่างตอนไหน เขาก็พร้อมไปหา เธออยากทำอะไร เขาก็ยินดีทำทุกกิจกรรมที่เธอชอบและสนใจ เพื่อเรียนรู้ที่จะเป็นคู่รักกันในอนาคต
ใช่ครับ... ผมกับน้องออม เรายังไม่ได้เป็นแฟนกัน เพราะตั้งแต่วันที่น้องออมเปิดโอกาสให้ผมได้ทำความรู้จักเธอมากขึ้น เธอก็ให้โอกาสนั้นกับผมจริงๆ แต่พอถึงเวลาที่ผมจะขอเธอเป็นแฟนเมื่อไหร่ เธอก็รู้ทันและบอกให้ผมรอไปก่อน แต่มีเหรอครับที่ผมจะรอไม่ได้ ถึงแม้ว่าจะยังไม่ได้ใช้คำว่าแฟน แต่ต่างคนก็ต่างรู้ว่าเราคบกันแบบนั้นมาสักแล้ว
น้องออมให้ผมมารับไปทานข้าว บางวันก็ยินดีให้ผมไปรับหลังเลิกงาน เราใช้เวลาว่างที่เหลือในแต่ละวันด้วยกันเป็นเวลาหลายเดือน และเวลาที่ผ่านมาก็ทำให้ผมรู้ว่าผมตกหลุมรักคนไม่ผิดจริงๆ หน้าตาเธอน่ารักถูกใจ นิสัยของเธอก็ดี ไม่คิดร้ายและไม่คิดเอาเปรียบใคร ขยันทำงานและที่สำคัญเธอไม่เคยคิดจะใช้เงินผมเลยแม้แต่บาทเดียว เพราะเธอให้เหตุผลว่าเธอดูแลเองได้ ถ้าจะเข้ามาในชีวิตเธอ ขอให้ผมดูแลเธอเรื่องอื่นจะดีกว่า แล้วไม่ให้ผมดูแลเรื่องเงิน ผมจะดูแลเรื่องอะไรได้ล่ะครับ ถ้าไม่ใช่การทำให้เธอมีความสุข ผมรู้ซึ้งข้อหนึ่งคือเธอชอบแมว เพราะฉะนั้นหากผมไปที่ไหน เจออะไรที่เกี่ยวข้องกับแมว ผมก็จะซื้อมาฝากเธอ แค่นี้เธอก็ดีใจมาก และถ้าจะให้เธอดีใจเข้าไปอีกก็แค่ซื้ออาหารแมวและขนมรสโปรดของนมสดไปฝาก แต่อย่าบอกว่าซื้อมาให้เธอนะครับ เธอจะจ่ายเงินคืนให้ผมทันที ผมต้องบอกว่าผมซื้อมาฝากนมสด ไม่ได้ฝากเจ้าของ เธอถึงจะยอมรับเครื่องบรรณาการนั้นไป ยังไม่มีโอกาสได้เข้าทางแม่ ก็เข้าทางแมวไปก่อน
ส่วนเรื่องถึงมือถึงไม้น่ะเหรอครับ หึ! อย่าให้ผมสาธยายเลย เพราะมันคงจะมีแต่ความเศร้าและรอยน้ำตา ห้าเดือนที่ผ่านมา ผมได้จับมือเธอสามครั้ง และแต่ละครั้งก็สั้นซะจนผมคิดว่ามันเป็นระยะเวลาที่ผมกะพริบตา เรื่องนอนค้างอ้างแรมจึงตัดทิ้งไปได้เลย เชื่อไหมครับ ผมแอบคิดว่าเธอน่าจะรถเสียและฝนตกลงมาหนักๆ อีกสักครั้ง ผมจะได้ขึ้นไปห้องของเธออีกรอบ แต่คราวนี้ผมไม่ออกจากห้องเธอง่ายๆ หรอก พูดไปก็เหมือนโม้ ระหว่างนี้ผมก็ได้ขึ้นไปบนห้องของเธออยู่บ้างครับ แต่ได้ขึ้นไปเพราะช่วยเธอยกน้ำดื่มหลังจากพาเธอไปซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ต เป็นยังไงล่ะ ชีวิตผมมันน่าสงสารมากเลยใช่ไหมครับ และผมปล่อยให้เธอคุมเกมความรักครั้งนี้นานไปแล้ว วันนี้ผมจะปฏิบัติภารกิจขอเธอเป็นแฟน แม้เธอจะห้ามไม่ให้ผมขอเธอเป็นแฟนมาตลอด แต่ผมก็จะกลับไปที่จุดเริ่มต้น คือการทำตัวหน้าด้านเข้าไว้ครับ
"น้องออม... พรุ่งนี้ไปทานข้าวกันไหมครับ พี่เห็นป้ายเค้าบอกว่าเปิดใหม่ๆ ใกล้โรงงานน้องออมด้วย" กฤษนัยเอ่ยถามระหว่างทางส่งเธอกลับที่พัก หลังจากไปดูหนังด้วยกันมา
“ไม่แน่ใจว่าพรุ่งนี้จะเลิกงานกี่โมงค่ะ ต้องรอเช็คก่อนว่าพรุ่งนี้มีผลิตเยอะหรือเปล่า"
"พี่รอได้ น้องออมเลิกกี่โมงก็เวลานั้นเลย เดี๋ยวพี่นั่งรอที่ร้านกาแฟร้านเดิม พอน้องออมเลิกงานก็โทรมาหาพี่นะ พี่จะได้ไปรับ" กฤษนัยพูดพร้อมกับเอื้อมไปจับมืออัญญา เขาดึงมือขึ้นมาหอมอย่างชื่นใจ ก่อนที่เธอจะดึงมือเธอกลับแบบที่เธอทำประจำ นับถอยหลังเลยครับ
5
4
3
2
1
“อ้าว” เขาหันไปมองเธอด้วยความไม่เข้าใจ ครั้งนี้ทำไมปล่อยให้เขาจับมือนานจัง
“วันนี้ดูแลออมดี เลยให้รางวัลค่ะ” เธอคลายความสงสัย จริงๆ เขาก็ดูแลเธอดี และดีมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยซ้ำ หรือถ้าจะให้สารภาพตามตรง เธออยากให้เขาจับมือนานๆ แต่ก็กลัวจะเสียฟอร์ม เธอยังเคยถามตัวเองเลยว่าเขาอดทนไม่ทำอะไรเธอไปมากกว่านี้ได้ยังไง แต่สิ่งที่เขาทำก็พิสูจน์ว่าเขาให้เกียรติเธอมากจริงๆ
เย็นวันต่อมา กฤษนัยขับรถพาอัญญามายังร้านอาหารที่เขาบอกไว้เมื่อวาน บรรยากาศในร้านดีมากๆ ร้านตั้งอยู่ริมสระน้ำที่ถูกขุดเพื่อเลี้ยงปลา มองเลยไปอีกก็เป็นสวนสวย แต่คงไม่มีโอกาสได้ไปเดินเล่น เพราะฟ้ามืดลงขึ้นเรื่อยๆ ไฟสีส้มที่ประดับประดาตามทางเดินและภายในร้าน บวกกับลมเย็นๆ ของธรรมชาติช่วยผ่อนคลายได้ดีเหลือเกิน
“ร้านสวยจังเลยค่ะพี่กฤษ เดินเข้ามาแล้วรู้สึกอบอุ่นจัง"
"ดีจังที่น้องออมชอบ พี่จองโต๊ะไว้แล้วนะ" กฤษนัยจับมืออัญญาเดินไปพร้อมกับเขา เธอไม่ใจดีให้เขาได้ทำอะไรตามอำเภอใจ แต่ก็ไม่ใจร้าย จึงเปลี่ยนไปเกาะแขนเขาแทน และเขาก็ดูจะถูกอกถูกใจเพราะยิ้มระรื่นในทันที
"น้องออมเลือกเมนูรอก่อนนะครับ พี่ไปเอาของที่รถแป๊บนึง"
"ค่ะ" เธอไม่เอะใจว่าเขาจะหยิบอะไร กำลังหิวได้ที่ ขอสนใจเรื่องกินก่อนนะ
"น้องออมครับ"
อัญญาได้ยินเสียงเรียกที่คุ้นเคยก็เงยหน้าขึ้นมา ภาพที่เธอเห็นคือกฤษนัยยืนถือช่อดอกกุหลาบสีขาว พร้อมกับเดินมาคุกเข่าตรงหน้า สายตาเขาที่จ้องมองเธอไม่หันไปไหน เธอเห็นความตื่นเต้นและไม่มั่นใจในแววตา ผิดจากปกติที่เขามักจะมั่นใจกับการกระทำของตัวเองเสมอ
"เป็นแฟนกับพี่ได้ไหมครับ"
"พี่กฤษ! ลุกขึ้นได้แล้วค่ะ คนมองเต็มร้านแล้ว" อัญญารีบดึงร่างสูงของกฤษนัยให้ลุกขึ้นยืน
"เป็นแฟนกับพี่นะครับ" กฤษนัยยังคงนั่งคุกเข่า ไม่ขยับจากพื้นตามที่เธอขอ
“ลุกคนขึ้นเร็วพี่กฤษ”
"ตลอดเวลาห้าเดือนที่ผ่านมา พี่พิสูจน์ตัวเองอย่างเต็มที่ ออมคงไม่ปฏิเสธพี่ใช่ไหมครับ"
"ค่ะ” อัญญายิ้มกว้างให้กับกฤษนัย และรับช่อดอกกุหลาบแสนสวยจากเขา “ออมตกลงเป็นแฟนกับพี่กฤษค่ะ"
"เย้!” กฤษนัยกระโดดกอดอัญญาด้วยความดีใจ “วันนี้พี่มีความสุขที่สุดเลย"
"พี่กฤษ ปล่อยค่ะ" เธอกอดตอบเขาไม่นานก็ผลักตัวเองออกให้เป็นอิสระ ไม่ใช่ว่าไม่อยากให้เขากอด แต่เธอรู้ว่าคนทั้งร้านกำลังมองมา แม้ว่าโต๊ะที่นั่งจะอยู่มุมร้านก็ตาม
"ตอนนี้กี่โมงนะ พี่จะได้จำว่าน้องออมตกลงเป็นแฟนพี่ตอนกี่โมง" กฤษนัยพูดพร้อมกับเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะ
"อย่าเวอร์สิคะ สั่งอาหารได้แล้วค่ะ"
"ก็พี่ดีใจ เดี๋ยวอาทิตย์หน้าที่พาน้องออมไปแนะนำให้แม่พี่รู้จักนะครับ ท่านอยากเจอน้องออมมานานแล้ว" กฤษนัยบอกอย่างอารมณ์ดี
"อะไรนะคะ!"
"ไปหาแม่พี่ไงครับ พี่จะแนะนำว่าที่ลูกสะใภ้ให้แม่พี่รู้จัก ก่อนหน้านี้พี่แนะนำไปว่าน้องออมคือว่าที่แฟนของพี่ ตอนนี้น้องออมตกลงเป็นแฟนกับพี่แล้ว ต่อไปก็ต้องแนะนำกับแม่พี่ว่า... ว่าที่ลูกสะใภ้"
"ใครบอกว่าออมจะแต่งงานกับพี่กฤษคะ"
"พี่บอกเองครับ ถึงวันนี้น้องออมจะยังไม่อยากแต่ง แต่พี่จะทำให้น้องออมเป็นเจ้าสาวของพี่ให้ได้"
"ทำปัจจุบันให้ดีก็พอค่ะ เรื่องของอนาคตค่อยว่ากัน” เธอมองเขาอย่างคาดโทษ “ต่อไปนี้ออมไม่ใจดีแล้วนะ ถ้าพี่กฤษทำให้ออมเสียใจเมื่อไหร่ พี่กฤษเจอดีแน่ โดยเฉพาะเรื่องผู้หญิง อย่าให้ออมรู้นะคะว่ายังไม่เลิกเที่ยวกลางคืนแล้วพาผู้หญิงกลับไปนอนด้วย"
“น้องออม...” กฤษนัยหน้าซีดขึ้นมาทันที นี่ขนาดเธอแค่ขู่ เขาก็กลัวซะแล้ว
“ไม่ได้ขู่นะคะ ไม่เชื่อก็ลองดู” แม้จะเชื่อใจเขาพอสมควร แต่เธอก็พอดูออกว่าอย่างกฤษนัย ที่ผ่านมาต้องโชกโชนเรื่องเที่ยวกลางคืนมากพอสมควร แต่เรื่องที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ระหว่างที่คบกับเธออย่าให้เกิดขึ้นก็แล้วกัน
“กลัวไหมคะ” เธอถามอย่างเย้าแหย่ ก่อนจะยิ้มกว้างส่งไปให้เพื่อให้ไม่ให้บรรยากาศดีๆ พังลงซะก่อน
"กลัวสิ”
“ออมรักพี่ไปแล้ว อย่าทำให้ออมเสียใจนะคะ” เธอส่งยิ้มหวานให้เขาและวางมือลงบนมือเขาด้วย เธอไม่ขออะไรมากหรอก แค่รักเธอคนเดียวก็พอ
“ครับ” เขาจับมือเธอขึ้นมาหอม “ต่อไปนี้พี่จะมีออมแค่คนเดียว” สองสายตาประสานกันอย่างมีความสุข ก่อนจะดื่มด่ำกับบรรยากาศดีๆ เพลงเพราะๆ และอาหารรสชาติอร่อยที่ถูกนำมาเสิร์ฟ
อัญญามีความสุขมากๆ เธอไม่คิดเลยว่าการตัดสินใจคุยกับกฤษนัยจะพาเธอมาถึงจุดนี้ จุดที่ไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงธรรมดาอย่างเธอจะมีแฟนเป็นถึงนักธุรกิจ
แต่เหนือสิ่งอื่นใด การได้คบกับกฤษนัยทำให้เธอเป็นคนที่ดีขึ้น เขาสอนให้เธอรู้จักจัดการเวลาในแต่ละวันตามสไตล์นักบริหาร สอนให้เธอรู้จักกับเงินอย่างถูกวิธี สอนให้เธอรู้จักลงทุนในหุ้นเล็กๆ น้อยๆ เพื่อเก็บเกี่ยวกำไร
เธอชื่นชมที่กฤษนัยประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย เขาอาจจะโชคดีที่ครอบครัวปูเส้นทางอาชีพไว้ให้แล้ว แต่หากเขาไม่ใช่คนเก่งและทำงานไม่เป็น ไม่มีทางที่เขาจะดูแลกิจการหลายๆ อย่างของครอบครัวได้
เธอชอบที่ได้เห็นว่าแท้จริงแล้วเขาก็เป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง เขาชอบดูฟุตบอล ติดตามข่าวการ์ตูนที่อ่านมาตั้งแต่วัยเด็ก เขามีอารมณ์ขัน ช่างเอาอกเอาใจ และดูแลเธอดีมากจนเธอรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้หญิงที่โชคดีมาก แต่ที่ปล่อยให้เวลาผ่านมาเกือบครึ่งปีกว่าจะตกลงเป็นแฟนกับเขา ก็เพราะเธออยากมั่นใจว่าเขาจริงจังและจริงใจ และอยากให้เวลาตัวเองได้รักเขาที่เขาเป็นเขา ไม่ใช่เพราะฐานะทางการเงินที่เขามี ไม่ใช่เพราะรถที่เขาขับ หรือเพราะหน้าที่การงานของเขา
"มึงเป็นไรวะธี" ธนภพหรือแทน เพื่อนสนิทของธีรนนท์เอ่ยถาม หลังจากเห็นเขานั่งเหม่อมาสักพัก ทั้งๆ ที่เป็นคนชวนเขามากินข้าวแท้ๆ
"รำคาญคน อยากเข้าไปต่อย แต่ก็ทำไม่ได้" ธีรนนท์บอกธนภพ แต่ยังไม่ละสายตาจากคู่รักคู่ใหม่ที่นั่งอยู่มุมในสุดของร้าน
"แล้วมึงมองเหี้ยอะไรวะ ข้าวปลาสั่งมาก็ไม่กิน นั่งเงียบให้กูพูดคนเดียว" ธนภพหันไปมองตามสายตาของเพื่อน
"ไม่เห็นมีเหี้ยอะไรเลย มึงอิจฉาที่คนอื่นเค้ามีแฟนกันหรือไง"
"เออ กูอิจฉา"
ธีรนนท์เดินเข้ามาในร้านได้เวลาพอเหมาะเหมือนโชคชะตากลั่นแกล้ง เขาเห็นกฤษนัยยืนกอดอัญญา และช่อดอกไม้ใหญ่นั่นก็คงเป็นของขวัญในวันสำคัญของทั้งคู่
"มึงจะอิจฉาทำไมวะ” ธนภพยังมองคู่รักคู่ใหม่เลิก เพราะกำลังหาเหตุผลที่ทำให้เพื่อนสนิทหงุดหงิด “กูว่ากูคุ้นๆ หน้าผู้ชายนะ กูคิดแป๊บ"
“มึงรู้จักเหรอแทน” ธีรนนท์เริ่มนั่งไม่ติดเก้าอี้
"นี่มันพี่กฤษนี่หว่า"
"มึงรู้จัก?"
"เออดิ เป็นเพื่อนพี่ชายกูเอง ไม่เจอแป๊บเดียว มีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้วเหรอวะ สวยซะด้วย ไม่ใช่แค่สวยแล้วล่ะ สวยมากด้วย กูไม่คิดเลยพี่แกจะจริงจังกับใคร สงสัยคนนี้พี่แกจะชอบมาก"
ธีรนนท์ได้ยินเพื่อนสนิทเอ่ยชมผู้หญิงที่เขาหมายปองก็หยิบกระดาษทิชชูโยนใส่ธนภพด้วยความโมโห เขาไม่อยากให้ใครเห็นความสวยของอัญญาเลย
"มึงโยนทิชชูใส่กูทำไม"
"ทำไมมึงถึงคิดว่าเค้าจะไม่จริงจังกับใครวะแทน"
“ไม่ตอบคำถามกู แล้วยังเปลี่ยนเรื่องอีกนะมึง” ธนภพด่าเพื่อนผ่านสายตา แต่ปากก็บอกเล่าให้ฟัง โดยไม่ติดใจอะไร
"พี่กฤษนี่ตัวพ่อเลย หล่อ รวย สาวๆ เข้าหาเพียบ อยากได้แกเป็นแฟนกันเยอะ คือกูจะอธิบายยังไงดีวะ” ธนภพหยุดคิดเพื่อเรียบเรียงคำพูดในหัว
“คือไม่แปลกที่ใครๆ ก็ชอบคนรวย แต่พี่กฤษนอกจากรวยแล้วยังนิสัยดีใช้ได้”
“มึงรู้จักเค้าดีขนาดนั้นเลยเหรอวะ”
“เปล่า กูฟังจากพี่กูมา” คนเล่ายิ้มแหย เมื่อครู่อาจจะใส่อารมณ์เกินไปหน่อย “แต่เท่าที่เจอกันมาหลายปี พี่เค้าก็เป็นคนดีนะ เป็นคนรวยที่ไม่กร่าง ขยันทำงานด้วย”
“แล้วเพื่อนพี่มึงเจ้าชู้ไหม”
“ไม่หรอก ถ้ากูจำไม่ผิดนะ แกเคยมีแฟนคนเดียวเองมั้ง แล้วก็คบกันนานด้วย แต่ตอนโสดก็คงเหมือนพวกเรา คุยกับคนโน้นคนนี้ไปเรื่อย เดี๋ยวก็หยุดตอนเจอคนที่เราชอบจริงๆ”
“ทำไมมึงดูชื่นชมเค้าจังวะไอ้แทน”
“ไม่ได้ชื่นชม กูก็พูดไปตามที่กูรู้และได้ยินมา เค้าเป็นเพื่อนพี่กูตั้งแต่เด็ก กูก็ต้องได้ยินเรื่องของพี่กฤษมาบ้าง” ธนภพพูดไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่รู้ว่าเพื่อนสนิทนั้นมีความสัมพันธ์ยังไงกับทั้งคู่
“แล้ว...”
"พอแล้วเรื่องคนอื่น กูกลับมาจากเมืองนอกทั้งที มึงนัดกูมาคุยเรื่องคนอื่นเนี่ยนะ” ธนภพพูดแทรก เบื่อจะตอบเรื่องอื่นแล้ว
“แล้วมึงจะทำงานต่อเลยหรือเปล่า” ธีรนนท์เปลี่ยนเรื่องตามใจเพื่อน ถามสักหน่อยแล้วกันว่านักเรียนนอก ดีกรีปริญญาโทมีแผนยังไงกับชีวิต
“กูจะสร้างอาณาจักรของตัวเอง ไม่อยากทำงานกับที่บ้าน”
“บ้านมีงานให้ทำอยู่แล้วไม่ชอบ หาเรื่องเหนื่อยนะมึง” เขาต่อว่าธนภพ เพราะรู้ว่าที่บ้านเพื่อนนั้นทำธุรกิจหลายอย่าง
“เออ! กูอยากบินด้วยปีกของตัวเอง” คนตอบทำหน้าเพ้อฝัน ก่อนจะจิบเบียร์ในแก้ว “แล้วมึงมีแฟนยัง”
"ยังไม่มี เค้าไม่ให้โอกาสกู ตอนนี้... เค้าก็มีแฟนไปแล้วด้วย"
ธนภพที่เห็นธีรนนท์มองไปยังโต๊ะของอัญญาและกฤษนัยอย่างเหม่อลอยก็ไม่อยากเชื่อความคิดตัวเอง พอมองเพื่อนกับมองอัญญาสลับกันไปมา ก็พบว่าทั้งสองใส่เสื้อเหมือนกันคือยูนิฟอร์มของบริษัท และร้านอาหารนี้ก็อยู่ใกล้ๆ กับโรงงานด้วย
"อย่าบอกกูนะว่า... มึงหมายถึงผู้หญิงคนนั้นกับเพื่อนพี่ชายกู"
"เออ!"
"เชี่ย!” ธนภพเพิ่งเห็นแววตาเศร้าของเพื่อนก็ร้อนใจ “ไอ้ธี ถึงแม้ว่ามึงจะไม่ได้รวยแบบพี่กฤษ แต่มึงก็นิสัยดีไม่แพ้พี่เค้านะเว้ย”
“ไม่ต้องปลอบใจกูหรอก”
“มึงจีบเค้าก่อนหรือพี่กฤษจีบก่อนวะ”
“เพื่อนพี่มึงจีบก่อน”
“นั่นไง! ถ้ามึงจีบก่อนก็จีบติดชัวร์”
“กูอยากเดินไปต่อยเค้าว่ะ” ธีรนนท์สารภาพความรู้สึก ยิ่งเห็นก็ยิ่งหงุดหงิด แต่จะให้หยุดมองกฤษนัยกับอัญญาเขาก็ทำไม่ได้
“มึงพูดเล่นใช่ไหม มึงอย่าไปทำอะไรเค้านะเว้ย เนื้อคู่มึงอาจจะไม่ใช่คนนี้”
"คนอย่างกูจะไปทำอะไรเค้าได้วะ” ธีรนนท์บอกธนภพก่อนจะดื่มเบียร์หมดแก้วในอึกเดียว ถอนหายใจให้กับโชคชะตาตัวเอง วาสนาเขาคงไม่คู่ควรกับเธอแบบที่เพื่อนบอกจริงๆ
"กลับกันเลยดีไหมคะพี่กฤษ" อัญญาตัดสินใจชวนกฤษนัยกลับ เพราะเวลาล่วงเลยมาถึงสามทุ่มและคิดถึงนมสดแล้ว
"ยังไม่อยากกลับเลยอะ" กฤษนัยทำท่าออดอ้อน
"กลับนะคะ ออมอิ่มจนเริ่มง่วงแล้วค่ะ"
"อิ่มใจด้วยหรือเปล่าคะ"
"อิ่มใจด้วยค่ะ" อัญญาตอบกลับอย่างเขินๆ
“น่ารักขนาดนี้พี่จะปฏิเสธได้ยังไงครับ เดี๋ยวพี่จะขับรถไปส่งอย่างปลอดภัยเหมือนตลอดห้าเดือนที่ผ่านมาครับ”
“ดีมากค่ะ ขอให้เป็นแบบนี้ทุกวันนะคะ”
“สบายครับ พี่ทำได้อยู่แล้ว” กฤษนัยบอกด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะพาเธอมาถึงหน้าที่พักอย่างปลอดภัยตามคำโฆษณา
"ส่งออมแค่นี้ก็พอค่ะพี่กฤษ"
“เฮ้ย!” เขาตกใจ แค่เธอมองหน้าเขาก็รู้แล้วเหรอว่าเขาจะพูดอะไรต่อ “รู้เหรอครับว่าอยากขึ้นไปส่งบนห้อง”
“รู้ค่ะ ทำตามเยิ้มซะขนาดนี้ แต่เอาไว้วันหลังนะคะ”
"อยากไปส่งถึงห้องเลย ทำไมน้องออมใจร้ายกับพี่จัง" เขาจับมือเธอมาหอม
“วันหลังนะคะ”
“ทำไมครับ เป็นแฟนกันแล้ว ทำไมจะเข้าห้องแฟนไม่ได้ล่ะ" กฤษนัยยื่นหน้าเข้าไปใกล้อัญญา เขาจะอ้อนจนกว่าเธอจะยอม ใครจะว่าเขาแก่แล้วทำตัวติ๊งต๊องเขาก็ไม่สน
“คิดว่าน่ารักไหมคะ”
"เฮ้อ...” ทั้งจับมือ ทั้งทำตาแป๋วอ้อนยังไม่ได้ผล คราวนี้เขาเพิ่มเอียงหัวไปซบไหล่เธอด้วย “พี่นี่น่าสงสารจริงๆ เลย น้องออมว่าไหม"
"อย่าเอาแต่ใจสิคะ ถึงบ้านแล้วบอกออมด้วยนะ" อัญญาพูดจบก็รีบเปิดประตูรถ แต่เขากลับดึงตัวเธอกลับมาไว้ในอ้อมแขน พื้นที่เล็กๆ บนรถไม่เป็นปัญหาในการเข้าไปใกล้ชิด
“อย่าเพิ่งไปได้ไหม อยากอยู่กับออมนานๆ”
“พรุ่งนี้ออมให้ไปส่งถึงห้องเลย แต่วันนี้ขออยู่คนเดียวก่อนนะคะ”
“ทำไมล่ะ”
“อยากนอนคิดเรื่องวันนี้เงียบๆ”
“เปลี่ยนใจไม่ได้แล้วนะครับ พี่ไม่ยอม”
“ไม่ได้คิดจะเปลี่ยนใจสักหน่อย แค่อยากไปนอนดิ้นบนเตียงเพราะเขินมากตั้งหาก”
“โอเค เหตุผลพอฟังขึ้น” เขาพูดไปงั้นแหละ ไม่อยากขัดใจเธอตั้งแต่วันแรกที่เป็นแฟนกัน
“ไปแล้วนะคะ ขับรถดีๆ ถึงแล้วบอกออมด้วย”
“ไม่ๆ อย่าเพิ่งไป” เขากอดเธอไว้แน่นขึ้น
“อะไรพี่กฤษ”
“ขอหอมแก้มสักฟอดได้ไหมครับ”
“ให้สองเลยค่ะ เดี๋ยวอีกข้างน้อยใจ”
“เฮ้ย...” เขามองเธออย่างแปลกใจ ร้านอาหารเมื่อกี้ใส่ยาหลอนประสาทหรือเปล่าวะ
“จะหอมไหมคะ” เธอเอียงหน้าถาม ก่อนจะทำแก้มป่องรอเขา
“รออะไรละครับ” กฤษนัยไม่รอช้า เขาหอมอัญญาไฟสองฟอดใหญ่ แต่แทนที่เธอจะเขิน เธอกลับหัวเราะคิกคัก
“จั๊กจี้”
“จบกันความโรแมนติกที่พี่ทำมาทั้งวัน จบกันเว้ย!” เขาตะโกนลั่นรถ ได้หอมแก้มแฟนครั้งแรก แทนที่จะหวานเยิ้มน้ำตาลหยดย้อย ตอนนี้กลายเป็นรสอะไรก็ไม่รู้
“ออมไปแล้วนะคะ” เธอส่งยิ้มยียวนให้เขา จริงๆ ก็เขินนั่นแหละ เขินมาก แต่แกล้งหัวเราะกลบเกลื่อน