เช้าวันต่อมา... อัญญาตื่นตามเวลาที่เสียงนาฬิกาปลุกดังเช่นทุกวัน แต่ที่ต่างออกไปคือเช้านี้เธอรู้สึกไม่สดชื่น ปวดเมื่อยตามตัวและปวดหัวจนไม่อยากลุกจากเตียง แต่ด้วยหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ เธอจึงต้องพาตัวเองไปอาบน้ำ เตรียมทุกอย่างให้พร้อมไปทำงาน และไม่ลืมพกยาพาราเซตามอนไปทานหลังอาหารเช้าด้วย
"ออม!"
“อ้าวธี! วันนี้สายเหมือนกันเหรอ” เขาทักทายธีรนนท์ที่กำลังออกไปทำงานเช่นกัน
“ยังไม่สายเท่าไหร่นะ ยังมีเวลาให้เดินทางอีกตั้งครึ่งชั่วโมง” เขาละสายตาจากนาฬิกามามองหน้าเธอ "แล้วทำไมออมหน้าซีดจัง ไม่สบายหรือเปล่า"
"ปวดหัวนิดหน่อย เมื่อวานตากฝนน่ะ"
"ไปหาหมอไหมออม ให้หมอดูอาการสักหน่อย ถึงจะไม่เป็นอะไรมากแต่ก็ปลอดภัยไว้ก่อนไง" ธีรนนท์ถามด้วยความเป็นห่วงอย่างเต็มหัวใจ
"ไม่ต้องหรอกธี เดี๋ยวก็ดีขึ้น ขอบใจนะ"
“โอเค ตามใจออม แต่ยืนรอเราตรงนี้แป๊บนึงนะ”
“ทำไมล่ะ”
“เดี๋ยวเรามา อย่าไปไหนนะ" ธีรนนท์บอกแล้วรีบวิ่งกลับไปทางหอพัก อัญญาที่ไม่ค่อยมีแรงจะเถียงสักเท่าไหร่ก็ได้แต่ยืนรออย่างสงสัย ไม่นานนัก ธีรนนท์ก็ขับรถกระบะสี่ประตูของเขามาจอดข้างๆ แล้วเปิดกระจกเรียกให้อัญญาขึ้นรถ
"ออม ขึ้นรถสิ"
อัญญาลังเล บอกตามตรงเลยนะว่าเธอไม่อยากขึ้น เพราะกลัวว่าถ้ามีคนเห็น เรื่องที่เธอมาทำงานพร้อมธีรนนท์จะถูกพูดถึงไปในทางชู้สาว เรื่องนินทาคนอื่น บอกเลยว่าข่าวไปเร็วยิ่งกว่าสี่จี
"ขึ้นมาเถอะ วันนี้ติดรถเราไปทำงานนะ"
อัญญาก้มมองดูนาฬิกา เห็นว่าสายมากแล้ว ไหนจะยังต้องกินข้าวและกินยา แต่ถ้าไปกับเขาก็ประหยัดเวลาไปเยอะ
"วันนี้ออมดูอาการไม่ค่อยดีเลย ไปรถเราดีกว่า ไม่ต้องเบียดกับคนอื่นบนรถตู้ด้วย"
"ขอบใจนะ” อัญญายอมตอบตกลง หากใครเห็นก็อ้างเหตุผลว่าที่พักอยู่ใกล้กันก็สิ้นเรื่อง
"วันหยุดเป็นไงบ้าง ไปเที่ยวไหนมาหรือเปล่า เราอยู่ห้องทั้งวันเลย ไม่รู้จะออกไปไหนดี" ระหว่างทางธีรนนท์ก็ชวนเธอคุย
"เราก็ไปเดินเล่นที่ห้างใกล้ๆ แถวนี้แหละ"
"แล้วแถวนี้มีที่เที่ยวอย่างอื่นอีกไหม”
"ธีชอบเที่ยวแบบไหน เราจะได้แนะนำถูก" อัญญาพยายามรักษาบทสนทนาไม่ให้ธีรนนท์เป็นฝ่ายตั้งคำถามเพียงอย่างเดียว
"เราชอบดูหนังนะ หรือจะเป็นพวกสวนสาธารณะก็ได้ เราชอบวิ่ง" ธีรนนท์รู้สึกดีขึ้นมาทันที เมื่ออัญญาเป็นฝ่ายชวนเขาคุยบ้าง
"ถ้าชอบดูหนังก็ห้างดิ เอ็มไพร์ ไม่ไกลด้วย ขับรถไปแป๊บเดียวก็ถึง แต่บางวันก็รถติด" อัญญาเมื่อพูดชื่อห้างก็พลางคิดถึงผู้บริหารของที่นี่ด้วย เธอเผลอยิ้มออกอย่างไม่รู้ตัว
"ออมยิ้มอะไรอะ"
"เรายิ้มเหรอ?"
"ใช่ อยู่ๆ ออมก็ยิ้ม มีเรื่องอารมณ์ดีแล้วเหรอ ดีจัง ออมยิ้มแล้วน่ารักมากเลยนะรู้ไหม" ธีรนนท์หันมาสบตาอัญญา แต่วินาทีต่อมาเสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น
"รับสายได้เลยนะออม ไม่ต้องเกรงใจเรา"
"เดี๋ยวเราโทร.กลับดีกว่า" เธอปฏิเสธแม้ว่าปลายสายจะโทร.มาเป็นครั้งที่สอง
"เราไม่แอบฟังหรอก เราเอามือปิดหูไว้ละ ไม่ได้ยินอะไรเลย" ธีรนนท์ปล่อยมือจากพวงมาลัยหนึ่งข้างแล้วเอามาปิดที่หูด้านซ้าย เพื่อแสดงให้อัญญาเห็นว่า เขาไม่ได้มีเจตนาจะแอบฟังเธอแต่อย่างใด
"งั้นเราขอเสียมารยาทแป๊บนึงนะ” เธอบอกเบาๆ เพื่อทดสอบว่าเขาได้ยินหรือไม่ แต่ธีรนนท์ก็ไหวพริบดีเยี่ยม เขาไม่ตอบอะไรกลับไป และตาก็มองไปข้างหน้าเพียงอย่างเดียว
"สวัสดีค่ะ" อัญญาตอบปลายสาย
“น้องออม”
“คะ?”
“ตื่นหรือยังครับ ทำไมเสียงเบาจัง” กฤษนัยถามด้วยความเป็นห่วง เขากลัวว่าจะหลับเพลินเพราะพิษไข้
"ตื่นแล้วค่ะ กำลังจะไปทำงาน"
“ไปยังไงครับ”
“วันนี้ออมติดรถเพื่อนมาค่ะ"
“หนูเป็นหวัดหรือเปล่าครับ”
"ปวดหัวนิดหน่อยค่ะ”
“แล้วกินยา...”
“พี่กฤษคะ แค่นี้ก่อนนะคะ ออมเกรงใจเพื่อนค่ะ" อัญญารีบบอกก่อนที่เขาจะถามเธอเยอะไปกว่านี้
“ได้ครับ เจอกันตอนบ่ายนะ”
"ค่ะ สวัสดีค่ะ" อัญญาวางสายโทรศัพท์แล้วหันไปเห็นว่าธีรนนท์ยังคงเอามือปิดหูตัวเองอยู่ เธอว่าเขาต้องได้ยินอะไรบ้างล่ะ มันไม่มีทางที่เขาจะไม่ยินอะไรสักอย่าง
"ธี เราคุยเสร็จแล้ว"
"อ้าว คุยเสร็จแล้วเหรอ เห็นไหม เราไม่ได้ยินอะไรเลย" ธีรนนท์ตอบ พร้อมกับยิ้มกวนให้อัญญา แต่ความจริงแล้วเขาได้ยินทุกอย่างที่อัญญาพูด รวมถึงเสียงผู้ชายจากปลายสายที่ดังออกมา เธอได้ยินเสียงเขาเพียงไม่กี่นาทีก็สดใสขึ้นมาทันที ผู้ชายคนนี้ทำให้อัญญามีท่าทีหมางเมินเขา เขามั่นใจ และต้องรู้ให้ได้ว่าเป็นใคร
“พี่กฤษ... ใครวะ!”
เขาสงสัยมากจริงๆ แล้วที่ฝ่ายนั้นบอกว่าเจอกันตอนบ่าย แปลว่าทำงานในโรงงานเดียวกันเหรอ
"ธี! จะถึงทางเข้าโรงงานแล้ว ไม่เปิดไฟเลี้ยวเหรอ"
ธีรนนท์เมื่อได้สติก็หักพวงมาลัยเลี้ยวรถเข้าที่ทำงานอย่างรวดเร็ว จนข้าวของที่อยู่ในกระเป๋าผ้าบนตักของอัญญาร่วงลงที่พื้น
"เหม่อแบบนี้ประจำหรือเปล่าธี อันตรายนะ นี่ถ้าเราไม่นั่งมาด้วย ขับเลยไปถึงเชียงใหม่แล้วมั้ง" อัญญาพูดไปก็ก้มเก็บของที่พื้นไปด้วย แต่น้ำเสียงเธอไม่ได้ตำหนิ แค่แซ็วขำๆ เท่านั้น
"ขอโทษนะออม คิดเรื่องอื่นเพลินไปหน่อย... ออมเป็นห่วงเราเหรอ"
"ขับรถแบบนี้เป็นใครก็น่าห่วงทั้งนั้นแหละ แต่..." อัญญาที่กำลังจะบอกธีรนนท์ว่าคราวหลังเธอคงจะไม่รบกวนธีรนนท์แล้ว แต่ยังไม่ทันจะพูดจบ ก็ถูกธีรนนท์แทรกขึ้นมาก่อน
"ออมจะลงที่หน้าตึกเลยไหม จะได้ไม่ต้องเดินย้อนกลับมา" ธีรนนท์รีบถาม เพราะเขาไม่อยากได้ยินคำปฏิเสธใดๆ จากปากของอัญญา เพียงแค่คำว่า แต่ ที่เธอพูดขึ้นมา เขาก็ไม่อยากยินประโยคต่อไปแล้ว
"เราลงหน้าตึกเลย" อัญญาไม่แน่ใจว่าธีรนนท์รู้ว่าเธอจะพูดอะไร หรือว่าไม่รู้กันแน่ แต่เธอก็ตัดสินใจที่จะไม่พูดต่อในตอนนี้
"เราไปก่อนนะ ขอบคุณที่ให้ติดรถมาด้วย" อัญญายิ้มน้อยๆ ให้ธีรนนท์ ต่างกับธีรนนท์ที่ยิ้มกว้างตอบเธออย่างดีใจ แค่นี้ก็ทำให้ใจของเขาที่เหี่ยวแห้งกลับชุ่มฉ่ำขึ้นมาบ้าง
"แหม หยุดงานวันเดียว นั่งรถมาทำงานด้วยกันเลยนะ อะไรยังไง ไปสานสัมพันธ์กันตอนไหนจ๊ะ" เมทินีแซ็วน้องสาวคนสนิท แม้ในตอนแรกจะไม่รู้ว่าอัญญาลงมาจากรถของใคร แต่มองผ่านกระจกก็เห็นเจ้าของรถ
"แอบดูน้องเหรอคะพี่เมย์"
"ไม่ได้แอบดูหรอกจ้ะ ฟิล์มรถมันใสซะขนาดนั้น มองจากหัวลำโพงยังเห็นเลย"
"วันนี้ธีเค้าขับรถมาทำงาน บังเอิญเจอออม เลยชวนออมติดรถมาด้วยค่ะ"
"ดีแล้ว ทางเดียวกันไปด้วยกัน ลดโลกร้อน" เธอส่งสายกรุ้มกริ่ม อยากแซ็วต่ออีกสักหน่อย แต่อัญญาก็ไม่เคยแซ็วเรื่องความรักของเธอจนเธอรำคาญ เรื่องของทั้งคู่เธอขอไม่ยุ่งก็แล้วกัน
"เออนี่ บ่ายนี้ออมกับพี่ต้องเขาไปเซ็นเป็นพยานสัญญาร่วมธุรกิจของโรงงานเรากับห้างของกฤษนัยด้วยนะ"
"ค่ะ" เธอตอบรับสั้นๆ ไม่กระโตกกระตาก เพราะลืมเรื่องนี้ไปสนิทเลย
"เป็นอะไรหรือเปล่าออม โอเคไหมออม วันนี้ดูแปลกๆ นะ"
"ไม่ได้เป็นอะไรค่ะพี่เมย์ แค่ปวดหัวนิดหน่อยค่ะ เลยเบลอๆ"
"พี่ก็คิดว่าคิดถึงคุณกฤษนัยซะอีก แล้วตกลงว่าเค้าจีบออมหรือยัง" เมทินีถามทีเล่นทีจริง เธอไม่ได้หวังว่าจะได้คำตอบจากน้องสาวแต่อย่างใด
“พี่เมย์กินข้าวยังคะ”
“กินแล้ว”
“ออมยังไม่ได้กินเลย ต้องกินยาด้วย ขอตัวนะคะ”
“บ่ายเบี่ยงอะออม” เมทินีรู้ทัน เพราะเห็นน้องสาวมีรอยยิ้มเมื่อเอ่ยถึงคนชื่อกฤษนัย
“ฝากกระเป๋าขึ้นไปหน่อยนะคะคุณพี่คนสวย”
“จ้ะ” เมทินีมองค้อน สงสัยจะถูกจีบแล้วแต่ไม่ยอมเล่าให้ฟัง แถมยังอ่านอะไรสักอย่างในมือถือแล้วตาเป็นประกาย มั3บนคือประกายของคนมีความรัก เชื่อเมย์สิคะทุกคน
'ทานยาด้วยนะครับ พี่เป็นห่วง’
อัญญาก้มอ่านข้อความของกฤษนัยก่อนจะยิ้มขึ้นมาอย่างอารมณ์ดี
‘เรียบร้อยแล้วค่ะ’
เธอตอบกลับหลังจากทานอาหารเสร็จเรียบร้อย หากตอบไปก่อนหน้านี้สั้นๆ ว่า ค่ะ เขาอาจจะถามย้ำอีกแน่ว่าเธอกินยาแล้วหรือยัง
จากนั้นอัญญาก็เก็บโทรศัพท์มือถือลงในลิ้นชัก เวลางานก็ต้องทำงาน อย่าให้ผู้ชายมาทำให้ความรับผิดชอบของเราลดน้อยลงไปเด็ดขาด แต่จนแล้วจนรอด หายนะก็เกิดหลังจากเธอกินข้าวเที่ยงเสร็จได้ไม่นาน
"พี่เมย์ เห็นซองกระดาษที่ออมใส่ข้อมูลของห้างคุณกฤษนัยไหมคะ"
"พี่ไม่เห็นนะ ตอนวันเสาร์ออมบอกว่าจะเอากลับไปอ่านที่ห้องนิ ได้เอามาจากห้องหรือเปล่า"
"ออมว่าออมหยิบใส่กระเป๋ามาแล้วนะคะ แต่ในนี้ไม่มี บนโต๊ะก็ไม่มี" เธอค้นในกระเป๋าผ้าที่ใช้ใส่ของเป็นประจำ
"เผลอลืมไว้ที่ไหนหรือเปล่า หรือว่าทำตกที่ไหนไหม ลองคิดดีๆ"
อัญญานั่งไม่ติดเก้าอี้ เอกสารอะไรหายก็ได้ แต่ทำไมต้องเป็นเอกสารที่ต้องทบทวนก่อนเข้าไปลงชื่อเป็นพยานการทำสัญญาระหว่างโรงงานกับบริษัทของกฤษนัยด้วย
”ออมรู้แล้วค่ะว่าอยู่ไหน" อัญญาคิดว่าน่าจะตกอยู่ในรถของธีรนนท์ ตอนที่เขาเลี้ยวรถกะทันหันแล้วของเธอหล่นกระจายเต็มพื้น จึงต่อโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานไปที่ฝ่ายวิศวกรรม
"สวัสดีค่ะ ขอสายธีรนนท์ค่ะ” เธอบอกปลายสาย แต่คำตอบกลับมาว่าเขาลงไปทานข้าวเมื่อครู่นี้เอง
"เดี๋ยวมานะคะพี่เมย์"
“อย่าวิ่งออม! ระวังล้ม!” เมทินีตะโกนตามหลังด้วยความเป็นห่วง แต่ก็เข้าใจน้องสาวเพราะแม้จะเป็นเพียงแค่สักขีพยาน แต่การทราบข้อมูลเบื้องต้นของสัญญา ก็เป็นเรื่องที่ควรทำ
"ธี!”
อัญญารีบตะโกนเรียก ก่อนเขาจะเดินเข้าไปในโรงอาหาร
"เห็นซองกระดาษบนรถบ้างไหม เราน่าจะทำตกไว้ตอนที่รถเลี้ยวเข้าโรงงาน" เธอพูดอย่างเหนื่อยหอบ
"ไม่เห็นนะ เอกสารสำคัญหรือเปล่า"
"สำคัญมาก เราขอไปดูที่รถอีกทีได้ไหม เราแน่ใจว่าเราหยิบมาจากห้องแล้ว"
"ได้ๆ แต่ออมนั่งพักก่อนไหม แล้วหายปวดหัวหรือยัง เดี๋ยวเป็นลมหรอก"
"ไม่เป็นไรๆ ไปตอนนี้แหละ"
"รอตรงนี้ไหมออม เดี๋ยวเราไปหาให้" ธีรนนท์ถามด้วยความเป็นห่วง เพราะตอนนี้หน้าของอัญญาเริ่มซีดอีกแล้ว
"ไปด้วยกันนี่แหละ ตอนนี้เราใจร้อนมาก”
“ได้ๆ” เขาตอบไปก็ก้าวเท้ายาวๆ เพื่อเดินตามเธอให้ทัน เธอเดินเร็วมาก มากซะจนเขาเป็นห่วงว่าเธออาจะสะดุดขาตัวเอง แต่ถ้าเธอสะดุด เขาก็จะรับตัวเธอไว้ก่อนที่เธอจะล้มลงไปที่พื้น ขัดขาเธอดีไหม... ล้อเล่นครับ
"ธีบอกว่าไม่เห็นใช่ไหม”
“ใช่ ตอนลงจากรถก็ไม่เห็นมีอะไรอยู่บนเบาะนะ”
“ถ้าธีไม่เห็น... มันอาจจะอยู่ใต้เบาะก็ได้"
"อาจจะใช่นะ เราก็ไม่ได้ก้มดูใต้เบาะด้วยสิ" ธีรนนท์พูดพร้อมกับยกมือมาบังแดดให้เธอ
"ธี ไม่ต้องบังก็ได้ เอาลงเถอะ ร้อนมือตัวเองเปล่าๆ" อัญญาเห็นท่าทีเป็นห่วงของธีรนนท์ก็รีบบอกให้เขาเลิกทำ
"อากาศแบบนี้ ออมเป็นลมได้นะ ดูสิ หน้าซีดเหมือนเมื่อเช้าเลย"
"เอาลงเถอะ เราไม่ได้ร้อนขนาดนั้น"
"เราเต็มใจทำให้ เราอยากทำให้จริงๆ" ธีรนนท์พยายามแสดงความเป็นห่วงของเขาที่มีอยู่ แม้จะรู้ว่าเธอไม่อยากรับมัน แต่เธอเห็นว่าเขายังคงยกมือบังแดดและคงไม่ยอมเอาลงง่ายๆ จึงจับข้อมือของธีรนนท์ดึงลงมา...
"เรารู้นะว่าที่ธีทำแบบนี้เพราะอะไร แต่เราขอได้ไหม อย่าทำแบบนี้อีก" เธอหยุดเดินและบอกเขาความรู้สึกที่มี แต่ถ้าทั้งหมดที่ผ่านมาเป็นเรื่องที่เธอคิดไปเอง เธอก็ยินยอมรับความหน้าแตกและขอโทษเขา
"ทำไมละออม ทำไมเราจะทำให้ออมไม่ได้ เรื่องเล็กๆ แค่นี้เอง"
"ระหว่างเราขอให้มีแค่เรื่องงานกับความเป็นเพื่อนได้ไหม"
"เรายังไม่ได้ขอโอกาสออม ออมก็ปิดโอกาสเราแล้วเหรอ" ธีรนนท์น้อยใจ
"เราขอโทษนะธี เราขอโทษจริงๆ" อัญญาไม่รู้จะพูดคำไหนมาแสดงความรู้สึกผิดของเธอได้เท่ากับคำนี้ แม้จะพยายามปฏิเสธความรู้สึกตัวเองมาตลอด แต่เธอรู้ว่าตอนนี้ใจเธอมีใครอีกคนอยู่แล้ว
"เพราะคนที่โทรหาออมเมื่อเช้าใช่ไหม"
"ใช่..."
"ออมยังไม่มีแฟนไม่ใช่เหรอ"
"เค้ายังไม่ใช่แฟน แต่ก็เป็นคนที่เรากำลังคุยด้วย”
"เราเข้าใจแล้ว ขอบคุณที่บอกเราตรงๆ นะ"
"เราขอโท..."
"ไม่ต้องขอโทษเราหรอก ออมไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย อย่าโทษตัวเองเลย"
"ธี..."
"อย่าคิดมาก เดี๋ยวเราก็หาย อย่าทำหน้าเศร้าสิ" ธีรนนท์มองอย่างห่วงใย พยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุด ไม่อยากแสดงท่าทีเสียใจให้เห็น เพราะมันจะทำให้เธอรู้สึกผิดเขาไปใหญ่ และยิ่งเธอรู้สึกผิด เขาก็ยิ่งรู้สึกผิดมากเป็นเท่าตัวที่ทำอะไรเกินเลยจนเธอรำคาญ
"ไปหาของกัน ออมรีบไม่ใช่เหรอ"
“โอเค” ถ้าเขายืนยันว่าไม่เป็นไร เธอก็จะเชื่อ
ปี๊ด ปี๊ด
เสียงแตรรถของกฤษนัยดังขึ้น หลังจากขับรถเข้ามาในลานจอด ดีใจที่เห็น แต่ก็ต้องหุบยิ้มเมื่อเห็นว่าผู้ชายที่ยืนคุยกับอัญญาคือวิศวกรคนใหม่ของที่นี่ เขาจำหน้าได้และจำได้แม่น คนที่เขาแค่มองแป๊บเดียวก็รู้แล้วว่ามีใจให้เธอ
ธีรนนท์และอัญญาหันไปตามสัญชาตญาณ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ธีรนนท์ดึงตัวอัญญามาชิดกับไหล่กว้างเพื่อความปลอดภัย
"น้องออม” กฤษนัยหยุดรถและเดินลงมาอย่างรวดเร็ว “น้องออมจะไปไหน" เขาไม่พูดเปล่า มือเอื้อมไปดึงอัญญามาไว้ข้างกายอย่างแสดงความเป็นเจ้าของ
"พี่กฤษ..." อัญญาเมื่อเห็นสายตาไม่พอใจของกฤษนัยก็ตกใจ อย่าทะเลาะกันแย่งเธอเลยนะ เธอไม่ได้สวยขนาดนั้น ขอร้องล่ะ อย่าทำให้เธอต้องถูกคนอื่นนินทา
"นี่ใครครับ" กฤษนัยถามอัญญา แต่สายตายังคงต่อสู้กับธีรนนท์ที่มองเขาไม่วางตาเช่นกัน
“นี่ธีค่ะ เป็นเพื่อนร่วมงานออม ธี นี่คุณกฤษนัย เป็น..."
"เป็นว่าที่แฟนของออม" กฤษนัยพูดแทรกขึ้นมาทั้งๆ ที่เธอยังพูดไม่ทันจบ
"พี่กฤษ!" อัญญาหันไปดุเขา ก่อนจะรีบแก้ตัว "คือ... คุณกฤษนัยเค้าจะมาเซ็นสัญญาร่วมธุรกิจกับโรงงานเราน่ะ"
"ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณธีรนนท์" กฤษนัยยื่นมือเพื่อจะจับมือกับธีรนนท์ แต่อีกฝ่ายกลับยืนนิ่ง เพราะรู้ว่าคนตรงหน้าคือคนที่ทำให้อัญญาหมางเมินต่อเขา เลยรู้สึกไม่ถูกชะตาขึ้นมาทันที อยากต่อยหน้ากฤษนัยสักหมัดสองหมัด แต่เขาไม่อยากทำให้คะแนนที่ตอนนี้มีค่าเท่ากับศูนย์ต้องติดลบ จึงยื่นมือเข้าไปจับกับมือกฤษนัยที่รออยู่
"ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณกฤษนัย"
"ออมจะไปเอาของที่รถอยู่ไหม" ธีรนนท์ถามอัญญา แต่สายตายังคงจ้องมองกับกฤษนัย มองแว็บเดียวก็รู้แล้วว่าเขาหึงอัญญามากแค่ไหน งั้นทำให้หึงขึ้นอีกสักหน่อยก็แล้วกัน “ถ้าออมไม่ว่างแล้ว เราไปหาให้ก็ได้นะ เดี๋ยวไปให้ที่ห้องทำงาน”
"ไปสิ เอกสารสำคัญเราไม่ลืมหรอก"
"จะไปลานจอดรถเหรอ งั้นก็ไปรถพี่สิ พี่จะเอารถไปจอดพอดี" กฤษนัยหันไปถามอัญญาอย่างอ่อนโยน เขารู้ว่าธีรนนท์พูดให้เขาโมโห แต่ต้องทำท่าทีไม่สนใจ เพราะไม่อยากตกอยู่ในเกมของศัตรู
"ไปค่ะ ธี... ขึ้นรถนะ" อัญญาหันไปพูดกับธีรนนท์ที่หันมายิ้มตอบอย่างใจดี ต่างกับท่าทีที่เขามีให้กับกฤษนัย
"คุณธีรนนท์นั่งหลังนะครับ น้องออมมานั่งข้างหน้ากับพี่" กฤษนัยเห็นอัญญาจะเดินไปประตูรถด้านหลังก็รีบบอก
"ได้ครับ ออมไปนั่งหน้าสิ รีบไม่ใช่เหรอ" ธีรนนท์ไม่ติดปัญหาอะไร ไม่ได้อยากนั่งหน้าอยู่แล้วครับคุณไฮโซ
"น้องออมเชิญครับ"
"พี่กฤษส่งออมแล้วเดี๋ยวเจอกันที่ห้องประชุมเลยนะคะ" อัญญาหันไปบอกกับกฤษนัย ในใจเธอกลัวว่าเขาจะเข้าใจผิดที่ปล่อยเขาไว้คนเดียว แต่เธอก็ไม่กล้าปล่อยธีรนนท์ให้กลับคนเดียวเช่นกัน เขาต้องเสียเวลาพักกลางวันก็เพราะเธอ
"ได้ครับ ตามใจน้องออมเลย" กฤษนัยเก็บความสงสัยทั้งหมดที่เขามีไว้ก่อน เพราะเชื่อว่าอัญญาเป็นคนมีเหตุผลและคิดทบทวนก่อนจะตัดสินใจพูดอะไรออกมาอยู่แล้ว
อัญญาเมื่อได้ของที่ต้องการเรียบร้อยก็เดินออกจากลานจอดรถพร้อมกับธีรนนท์และได้แต่หวังว่าเขาจะเข้าใจว่าเธอยังเป็นห่วงความรู้สึกของเขาอยู่ แต่ไม่ใช่ในฐานะคนรักหรือคนพิเศษ
"ออมไม่ต้องคิดมากนะ เราไม่เป็นอะไรสักหน่อย เรื่องแค่นี้สบายมาก" ธีรนนท์หันไปยิ้มสดใสให้อัญญา
"ธี..."
"ไม่ต้องเป็นห่วงเรานะ ยิ่งออมเป็นห่วงเรา เราก็จะยิ่งตัดใจยาก แค่รู้ว่าชอบผู้หญิงที่เพิ่งรู้จักก็งงกับใจตัวเองมากพอแล้ว คุณกฤษนัยก็ดูจริงจังกับออมมากนะ ออมอย่ารู้สึกผิดเลย เราก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม แต่ถ้าเค้าทำให้ออมเสียใจเมื่อไหร่ ออมต้องบอกเราคนแรก... ได้ไหม"
อัญญาไม่ตอบรับคำขอตามที่เขาคาดเดา เธอทำเพียงแค่ส่งยิ้มน้อยๆ กลับไป
“ท้องเราร้องแล้ว ขอตัวไปกินข้าวก่อนนะ”
"โอเค ไปละนะ"
ธีรนนท์ยิ้มปลอบใจตัวเอง ตัดสินใจถูกแล้วล่ะที่ปล่อยให้เธอมีความสุขกับสิ่งที่เธอเลือก...
"คุณธีรนนท์ครับ" กฤษนัยเดินตามอัญญากับธีรนนท์มาห่างๆ ทักขึ้นเมื่อเห็นว่าธีรนนท์อยู่คนเดียวแล้ว
"ครับ"
"ขอบคุณนะครับที่เมื่อเช้าให้น้องออมติดรถมาด้วย"
"ครับ ผมเต็มใจ"
"คุณรู้ใช่ไหม ที่ผมแนะนำตัวไปแบบนั้น ผมไม่ได้พูดเล่น"
"ผมทราบครับ"
"ถ้าอย่างนั้น ผมหวังว่าคุณจะไม่เข้ามายุ่งกับน้องออมอีกนะครับ"
"คุณคงต้องผิดหวังนะครับ ผมต้องยุ่งกับเธออยู่เรื่อยๆ เพราะเราทำงานด้วยกัน คุณคงเข้าใจนะครับ" ธีรนนท์ตอบกฤษนัยด้วยท่าทางยียวน
"เรื่องนี้ผมไม่ห่วงครับ ผมห่วงว่าคุณจะยุ่งกับน้องออมนอกเหนือจากเรื่องงาน"
"ที่แท้คุณก็กลัวว่าผมจะแย่งออมสินะ"
"ใช่ครับ"
"เอาเป็นว่า... ก่อนที่ผมจะเจอคุณออมเค้าบอกผมว่า..." ธีรนนท์เงียบเพื่อดูท่าทีของกฤษนัย แต่เขาก็เก็บอาการเก่งมาก ทำเป็นไม่สนใจว่าจะพูดอะไร แต่ก็เงียบเพื่อรอฟังและไม่ยอมเดินไปไหนซะด้วย
"ออมบอกกับผมว่าให้ผมเลิกยุ่งกับเธอ เพราะเธอมีคนที่คุยด้วยแล้ว ถ้าคนคนนั้นคือคุณ ผมก็ยินดีด้วย และคุณก็ไม่ต้องกังวลว่าผมจะไปแย่งออมจากคุณ เพราะเธอปิดโอกาสผมแล้วครับ ผมเป็นลูกผู้ชายพอ แต่ถ้าคนที่เธอกำลังคุยด้วยทำพลาดเมื่อไหร่ ผมจะไม่ปล่อยโอกาสไปอีก ผมให้เกียรติคนมาก่อนครับ" ธีรนนท์บอกกฤษนัยอย่างตรงไปตรงมา
"หวังว่าคุณจะรักษาคำพูดนะครับ" กฤษนัยยังไม่อยากปักใจเชื่อธีรนนท์ เพราะเขากำลังสับสนว่าคนที่อัญญาคุยด้วยคือใคร เขาก็ไม่เคยถามเธอจริงๆ จังๆ ด้วยสิ ใช้แต่ความกล้าและหน้าหนาตีสนิทเธอซะส่วนใหญ่
"ไม่ต้องห่วงเรื่องผมหรอกครับ เป็นห่วงตัวคุณเองดีกว่า รีบจัดการกับผู้หญิงที่มาเกาะแกะคุณด้วยล่ะ คนดูดีมีฐานะอย่างคุณคงมีเรื่องพวกนี้กวนใจ ถ้าออมรู้ ออมคงไม่ชอบ อย่าทำให้เธอเสียใจนะครับ ถ้าผมรู้ว่าคุณทำให้เธอเสียใจเมื่อไหร่ ผมจะไม่ให้เกียรติคุณทันที" ธีรนนท์เมื่อพูดจบก็หันหลังเดินเข้าโรงอาหาร แต่มิวายทิ้งให้เรื่องเครียดให้กฤษนัยต้องคิดมาก
จริงอยู่ที่เขาไม่ได้คบกับใครจริงจัง แต่ก็ใช่ว่าเขาไม่เคยมีความสัมพันธ์กับใครมาก่อน ไหนจะผู้หญิงที่เข้ามาหาเพราะหวังจะครอบครองเขา ไหนจะผู้หญิงที่เข้ามาเพราะต้องการเงินทอง และยังมีผู้หญิงที่เขามีความสัมพันธ์ด้วยชั่วครั้งชั่วคราว แต่ยังติดต่อกลับไปบ้างเวลาเหงา ซึ่งเขาต้องรีบจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย
แต่สิ่งแรกที่เขาต้องทำก่อนสะสางเรื่องวุ่นวายให้เสร็จสิ้น คือการถามบางอย่างกับอัญญาเพื่อความแน่ใจ เมื่อเสร็จธุระเรื่องธุรกิจ ระหว่างที่เธอเดินออกจากห้องประชุม กฤษนัยจึงส่งข้อความไปบอกเธอให้มาเจอกันที่หน้าห้องน้ำ
'พี่ไปรอที่หน้าห้องน้ำนะครับ'
"พี่เมย์คะ ออมไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ" อัญญาเมื่ออ่านข้อความเสร็จก็รีบหาของอ้างกับเมทินี
"ให้พี่รอไหม"
"ไม่เป็นไรค่ะ น่าจะนานนิดหน่อย"
"โอเคจ้ะ"
ด้านกฤษนัยที่ยืนรออัญญา เมื่อเห็นใบหน้าแสนหวานของเธอมาตามนัดก็ดีใจ คิดว่าเธอจะปล่อยให้เขารอเก้อ เพราะไม่ส่งข้อความตอบกลับมาเลย
"น้องออม"
"พี่กฤษมีอะไรคะ" เธอเดินมาหาเขาด้วยความเต็มใจ แต่ก็ยืนเว้นระยะห่างเพื่อไม่ให้น่าเกลียด
"พี่แค่อยากจะถามว่าน้องออมหายปวดหัวหรือยังคะ พี่เป็นห่วงรู้ไหม"
"ออมดีขึ้นแล้วค่ะ" อัญญายิ้มตอบแทนความห่วงใยที่เขามีให้
"แน่ใจหรือเปล่า พี่ว่าน้องออมยังหน้าซีดๆ อยู่เลยนะ"
"ดีขึ้นแล้วจริงๆ ค่ะ วันนี้กลับไปนอนพักสักหน่อยก็น่าจะหาย"
"ตัวไม่ร้อนจริงๆ ด้วย” กฤษนัยวางมือบนหน้าผากเธอ
"พี่กฤษ..." อัญญารีบดึงมือของกฤษนัยออก เขานี่มือไวอยู่เรื่อยเลย
“สัญญานะครับว่ากลับไปถึงห้องแล้วจะรีบนอน"
“ไม่ค่ะ ถ้ายังไม่ง่วงก็ไม่นอน”
“ดื้อ...” เขาอมยิ้มมองเธอ ยิ่งคุยก็ยิ่งรู้ว่าเธอฤทธิ์เยอะพอสมควร
"พี่กฤษมีอะไรอีกหรือเปล่าคะ" อัญญารีบเปลี่ยนเรื่อง ถ้าจะเรียกเธอมาหาแค่นี้ โทร.มาคุยก็ได้มั้ง
“มีครับ”
“เร็วเลยค่ะ ออมต้องกลับไปทำงาน”
“พี่อยากถามน้องออมว่า...”
“ว่า?”
“พี่อยากรู้ว่า...”
“ว่าอะไรคะ” เธอมองหน้าเขาอย่างรอคำตอบ ถามสักทีได้ไหม เธอไม่ชอบลุ้น
“พี่จะถามน้องออมว่า น้องออมมีแฟนหรือยังครับ”
“อะไรนะคะ!” เธอถามเสียงเข้ม
“คือ... พี่อยากรู้ว่าน้องออมมีแฟนหรือยัง พี่ไม่เคยถามเลย”
“ไม่มีค่ะ”
“แล้ว... คนที่คุยๆ อยู่ล่ะครับ มีไหม”
“นี่พี่กฤษล้อออมเล่นหรือเปล่าคะ” อัญญาได้ยินคำถามแล้วจะเป็นลม ถ้าเธอมีแฟนหรือคนที่คุยด้วยอยู่แล้ว เธอจะยอมไปกินข้าวกับเขา ยอมให้เขามาส่งที่หอพัก ยอมให้เขาขึ้นมาบนห้องของเธอเหรอ
“คือ...”
“มีค่ะ” เธอตัดสินใจตอบเพื่อตัดความยืดเยื้อ
“คนคนนั้นใช่พี่หรือเปล่าครับ”
“ค่ะ ตอนแรกก็ไม่อยากคุยด้วย แต่ทนความตื๊อไม่ไหว”
“น้องออม...” กฤษนัยกลับมามีรอยยิ้มและความมั่นใจอีกครั้ง หลังจากถูกความประหม่าถาโถมเข้ามาคล้ายพายุฝน
“มีอะไรจะถามอีกไหมคะ”
“มีครับ” เขาคลี่ยิ้มเมื่อเห็นว่าเธอเองก็เริ่มมีรอยยิ้มเช่นกัน
“อะไรคะ”
"ตอนแรกพี่ตั้งใจว่าเย็นนี้จะชวนน้องออมทานข้าว แต่ให้น้องออมกลับไปนอนพักดีกว่า"
"ค่ะ ไว้วันหลังนะคะ ออมอยากพักผ่อน"
"ได้ครับ เย็นนี้พี่เลิกงานแล้วจะโทร.หาครับ"
“ออมเลิกงานแล้วพี่ค่อยโทร.มาดีกว่าค่ะ”
กฤษนัยงงนิดหน่อย แต่เข้าใจแล้วล่ะว่าต้องเอาเวลาที่เธอสะดวกเป็นหลัก
“กี่โมงครับ”
“ห้าโมงเย็นค่ะ”
“ได้ครับ” เขาส่งยิ้มหวานให้เธอ ก็คนมันมีความสุข ตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก ประโยคนี้ยังใช้ได้ผลแหะ “พี่กลับก่อนนะ”
“ค่ะ ขับรถดีๆ นะคะ”
“น้องออม”
“คะ?” เธอหันกลับมาหาเขา หลังจากเมื่อครู่กำลังจะกลับไปทำงานแล้ว
“ขอบคุณนะครับที่ให้โอกาสพี่”
“ค่ะ” เธอยิ้มบางๆ ให้เขา ก่อนจะรีบเดินไปทางอื่น แค่นี้ก็เสียฟอร์มจะแย่แล้ว อุตส่าห์เล่นตัวมาตั้งหลายวัน ส่วนกฤษนัยนั้นก็ได้แต่ยืนยิ้มหน้าระรื่น อารมณ์ดีสุดๆ กำลังจะมีแฟนเว้ยเฮ้ย!