"วันนี้ฉันต้องได้ในสิ่งที่ฉันอยากได้..."
"ยะ อย่าเข้ามานะ!" ฉันถอยหลังปรี่กับการกระทำและใบหน้าที่แสนน่ากลัว คุณฟินซ์เดินเข้ามาหาฉันเรื่อยๆ จนฉันถอยหนีแนบไปกับกำแพงห้องทำงาน มือไม้ฉันเริ่มสั่นและปรายตามองแต่ประตูคาดหวังว่าพี่ตาลจะเดินเข้ามาหลังจากที่ส่งทีมงานเสร็จ
"หึ ไม่มีใครเข้ามาช่วยเธอได้หรอก" คุณฟินซ์เหยียดยิ้มเย้ยราวกับรู้ทันในความคิดของฉัน เข้าก้าวเข้ามาเรื่อยๆ จนสุดท้ายเรือนร่างฉันก็ถูกกุมไว้ใต้อาณัติของเขาอย่างหลีกหนีออกไปไม่ได้
"ปะ ปล่อยฉัน!" ฉันดีดดิ้นเงยหน้าจ้องมองอย่างไม่ยอม แต่มันก็แค่นั้นเมื่อคนตัวสูงและแข็งแรงกว่าใช้มือหนากอบกุมมือฉันดันชิดไปกับกำแพงแน่นหนาจนไม่มีแรงดิ้น
"หมดเวลาเตรียมตัวแล้ว…ลิลิน"
"คะ คุณรู้ไหมว่าฉันเป็นลูกใคร ปล่อยฉันนะ!"
"รู้สิ ลูกสาวตระกูลมาเฟียไลอ้อนกรุ๊ป ฉันพูดถูกไหม…" คุณฟินซ์ตอบอย่างไม่มีความเกรงกลัว
"ฉันจะให้พ่อฉันจัดการคุณ คุณไม่มีทางได้ลืมตาดูโลกนี้อีกแน่!"
"ไม่กลัวความลับรั่วแล้วเหรอ? หื้ม…" ไอโรคจิตค่อยๆ เลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ เขายกยิ้มไล่สายตามองตามใบหน้าฉันด้วยสายตาที่น่าขนลุก ในขณะที่ฉันได้แต่ยืนสั่นกลืนน้ำลายอึกใหญ่กับเหตุการณ์ที่กำลังซ้ำรอยเป็นครั้งที่สอง
"ฉันไม่กลัว ฉันยอมให้พ่อฉันฆ่าคุณให้ตายมากกว่าความลับที่ฉันเก็บมาสิบกว่าปี"
"หึ ไม่เอาน่า ฉันมีทางเลือกที่ดีกว่านั้นนะ…"
"เอาหน้าคุณออกไป ฉันรังเกียจ!" ฉันส่ายหน้าใส่ร่างสูงที่ใกล้แค่คืบ ลมหายใจเขากำลังรินรดใบหน้าฉัน รวมไปถึงกลิ่นกายของเขาที่หอมฟุ้งเช่นคืนนั้น กลิ่นความหอมเหมือนกันที่ผ่านไปตั้งหลายปีฉันกลับจำมันได้อย่างดี
"เธอจะรังเกียจผัวตัวเองไปทำไม…"
"คุณไม่ใช่ผัวฉัน!" ฉันตอบไปอย่างไม่ต้องคิด คนบ้าอะไรสถาปนาตัวเองเป็นผัวทั้งที่นอนด้วยกันแค่คืนเดียว
แถมฉันยังไม่สวมยอมด้วย!
"หึ ตอนนี้ยังไม่ใช่ อีกหน่อยก็ไม่แน่…"
"ฝันไปเถอะ ฉันไม่มีทางเอาคนโรคจิตอย่างคุณเป็นผัว ไม่มีทาง!"
"อื้อ!" ดวงตากลมเบิกกว้างทันทีที่พูดกระแทกใส่หน้าเขาอย่างไม่ยอมเรียวปากหนาที่กำลังวอแวแค่คืบก็เลื่อนมาปิดปากอย่างรุนแรงจนฉันไม่ทันตั้งตัว มือบางถูกกุมไว้แน่นจนไม่สามารถปฏิเสธรสจูบที่ดิบเถื่อนของคนตรงหน้า ถึงเรือนร่างจะดิ้นขลุกขลักแต่ก็ไม่สามารถทำให้เขาผละจากริมฝีปากของฉันได้เลย
จนกระทั่ง…
"เฮือก!" ฉันรีบกอบโกยลมหายใจทันทีที่ปากบางถูกปล่อยให้เป็นอิสรภาพ คนตรงหน้าเหมือนคนบ้าที่ใช้การจูบสูบพลังฉันเกือบหมดตัว แต่นั้นยังไม่เลวร้ายเท่าประโยคถัดไปที่เขาเปล่งออกมาเสียงแข็ง
"เธอต้องมาหาฉันทุกครั้งที่ฉันโทรหา" นี่มันหน้าที่ของนางบำเรอชัดๆ มาหาเขาทุกครั้งที่เกิดความต้องการ นายนี่โรคจิตอย่างเต็มรูปแบบแน่ๆ
"คุณก็ดูเป็นคนรวยนะ ถ้าขึ้นมาเป็นผู้บริหารได้ก็น่าจะมีความคิดและฉลาดบ้าง ทำไมต้องให้ฉันบอกว่าถ้าอยากมากก็ไปซื้อกินนู้น มาบังคับฉันเพื่อ!?" ฉันตะคอกอย่างเหลืออด คนประเภทนี้ไม่จำเป็นที่ฉันจะต้องพูดดีเลยด้วยซ้ำ
"อย่าปากดีใส่ฉัน!"
"อะ โอ้ย!" ฉันร้องครวญเมื่อมือหนาบีบมือฉันแน่นขึ้น ในขณะที่มืออีกข้างเปลี่ยนมาบีบแก้มของฉันพร้อมกับสายตาที่แข็งกร้าวจนน่ากลัว
"ฮึก ปะ ปล่อย…" น้ำตาฉันเริ่มทำงานกับความเจ็บปวดที่ได้รับ เขาออกแรงบีบราวกับจะเอาให้เรือนร่างฉันแหลกคามือ แถมสายตาที่น่ากลัวก็ยิ่งทำให้ความกลัวของฉันทวีคูณเพิ่มจนความซ่าที่เคยมีหายไปจนหมด
หน้าปาป๊าลอยมาทันทีที่คิดได้ว่าฉันอาจจะต้องตายในห้องนี้พร้อมกับฝีมือของคนโรคจิตตรงหน้า
จนกระทั่ง…
"นายครับ…"
พรึ่บ!
เรือนร่างฉันล้มกองลงกับพื้นห้องเมื่ออยู่ๆ ก็มีชายชุดดำเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับวิ่งเข้ามาแตะแขนเขาไว้ นายฟินซ์เหลือบมามองฉันเพียงนิด ก่อนที่จะถอยหลังหนึ่งก้าวพร้อมกับยืนหันหลังให้ฉัน
"ผมช่วยครับ" ชายชุดดำเดินเข้ามาพร้อมกับพยุงร่างฉันให้ยืนขึ้น ฉันมองแผ่นหลังกว้างนั้นด้วยน้ำตา ความกลัวและความเกลียดในตัวทำให้ฉันสะบัดแขนออกจากคนที่กำลังช่วยเหลือ
เขาคือพวกเดียวกัน ยังไงก็เลวไม่ต่างกันเลยสักนิด!
"ถ้าเธออยากให้ความลับของเธอยังคงเป็นความลับอีกต่อไป ทำตามที่ฉันสั่ง" เขาเอ่ยอย่างไม่หันมามอง เอ่ยเสียงแข็งขู่ฉันเพื่อให้กลัว
"…" ฉันเงียบ ความลับแค่นี้แลกกับที่ทำให้พ่อฉันฆ่าเขาได้ ฉันยอม!
"อีกอย่าง…ถ้าเธอไม่อยากให้บริษัทที่พ่อเธอปลุกปั้นมาต้องพังทลายลงเพราะเธอ…อย่าขัดคำสั่งฉัน" ว่าจบคุณฟินซ์ก็เดินออกไปทันที ทิ้งให้ฉันยืนอ้าปากเหวอกับคำขู่สุดท้ายที่ทิ้งไว้ให้ฉันโกรธแค้นเล่นแล้วจากไป
"ทำตามที่นายสั่งเถอะครับ นี่ไม่ใช่แค่คำขู่ แต่เจ้านายผมทำจริงๆ" ไม่เพียงแค่นั้น ชายชุดดำที่เหลืออีกคนก็หันมาเอ่ยกับฉันเสียงเรียบ ทิ้งระเบิดเสร็จก็ก้มหัวเล็กน้อยแล้วเดินออกไปทั้งเจ้านายลูกน้อง ปล่อยให้ฉันทรุดลงบนเก้าอี้อย่างไร้เรี่ยวแรง
นี่มันอะไรกันเนี่ย…
เขาต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ๆ ทั้งๆ ที่รู้ว่าครอบครัวฉันเองก็ไม่ใช่คนธรรมดาที่จะมีใครมาทำลายได้ แต่กลับกล้าตะเบ็งอำนาจใส่ แถมบอดี้การ์ดข้างนอกของฉันยังช่วยอะไรฉันไม่ได้เลยสักนิด
"คุณลินเป็นอะไรหรือเปล่าคะ?" ฉันเงยหน้าตามเสียงที่เอ่ยถามจึงเห็นว่าพี่ตาลเดินเข้ามาเลิกคิ้วถามราวกับไม่รู้เรื่องราวที่เกิดกับฉันก่อนหน้า
"ปะ เปล่าค่ะ พี่ตาลไปไหนมาเหรอคะ?"
"ฝ่ายการผลิตโทรมาแจ้งว่าเกิดเชื้อไฟขึ้นค่ะ แต่ตอนนี้คุมสถานการณ์ได้แล้วค่ะ"
"เชื้อไฟ?"
"ค่ะ แต่ไม่ทันมีอะไรเสียหายค่ะ ดีที่ได้พี่บอดี้การ์ดของคุณฟินซ์และคุณลินช่วยไว้ทันค่ะ"
"…" บังเอิญเกินไปหรือเปล่า…
"คุณลินคะ?"
"ลินจะเข้าไปหาท่านประธาน ฝากพี่ตาลเลื่อนนัดลูกค้าเป็นช่วงบ่ายให้ลินด้วยนะคะ" ว่าจบฉันก็ตัดสินใจเดินออกจากห้องทำงาน มุ่งตรงไปห้องของปาป๊าเพื่อต้องการคำตอบที่ข้องใจและกังวลที่สุดในตอนนี้
"ท่านประธานกลับไปแล้วค่ะ" เลขาสาวของปาป๊ารีบเอ่ยทันทีที่เห็นหน้าฉัน ฉันพยักหน้ารับเข้าใจ ก่อนที่จะรีบลงลิฟต์ผู้บริหารตรงไปยังบ้านหลังใหญ่ในทันที