พอไปถึงห้องก็โทรหา ‘ลุงสมควร’ ผู้เป็นทนายประจำบริษัทเป็นคนที่สอง ส่วนแม่กับน้องๆ เอาไว้ก่อน ค่อยบอกด้วยตัวเองทีหลังตอนกลับไปจะดีกว่า ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเวทิตก็มาเคาะประตูห้องเรียก คนยืนอยู่ด้านหลังคือวิภพ อีกสองคนคือกันยากับประนพ เพราะขาดไม่ได้ แม้จะไม่ค่อยชอบหน้านัก แต่ภีมวัจน์ก็จำต้องเชิญมาด้วย
ประนพเป็นคนเอ่ยอย่างอวดศักดาว่าให้ไปใช้ห้องประชุมคุยกันแทนห้องพักของเขา ซึ่งทุกคนก็เห็นด้วย ไม่นานก็ลงไปนั่งเผชิญหน้ากันในห้องแล้ว “คุณเวทิตบอกผมว่าคุณภีมวัจน์อยากคุยเรื่องซื้อโรงแรมเหรอครับ”
ประนพถามแบบตรงไปตรงมา เพราะดึกแล้วไม่อยากให้เสียเวลาทุกฝ่าย โดยเฉพาะตัวเองที่ไม่เชื่อว่าจะมีการซื้อขายเกิดขึ้นในค่ำคืนง่ายๆ หรือถ้าได้ก็คงจะถูกกดราคา จนพอแค่ใช้หนี้สินหลายร้อยล้าน ไม่หลงเหลือมาถึงเขากับหลานน้อยตาดำๆ สักเท่าไหร่นัก
“ครับ ผมคิดไว้ว่าอย่างนั้น แต่ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขของผมก่อนนะครับ”
‘นั่นไง’ ประนพยิ้มมุมปากเย้ยคนซื้อนิดๆ ว่าไม่ผิดที่คิดไว้เลย สองหนุ่มต่างวัยเห็นท่าทางแบบนี้แล้ว ก็แอบถอนหายใจ และภาวนาให้หนุ่มผู้กำลังกุมชะตาชีวิตของบ้านสุริยวงศ์อย่าเพิ่งเปลี่ยนใจลุกหนีไปซะก่อนเท่านั้น
“ผมขอตรงประเด็นเลยนะครับ” ภีมวัจน์ไม่สนใจกับภาษากายที่ประนพแสดงออกแม้จะเห็นเต็มตาอยู่แล้ว
“เชิญคุณภีมวัจน์ว่ามาเลยครับ พวกเรารอฟังอยู่” วิภพผู้มีอาวุโสสุดเอ่ยเสียงนุ่ม มีท่าทีเกรงเกรงใจหนุ่มวัยสามสิบต้นๆ ไม่น้อย
“ข้อหนึ่ง ราคาขายห้าร้อยสิบหกล้านบาท ผมตกลงตามนั้น”
“ข้อสอง ผมจะเป็นคนจ่ายเงินให้เจ้าหนี้ทุกรายก่อน ไม่ว่าจะในหรือนอกระบบ บ้านที่กำลังจะถูกยึด ผมจะเอาเงินที่เหลือกับเงินส่วนตัวผมมาไถ่คนละครึ่ง หมายถึงผมกับน้องปรารถนา จะเป็นเจ้าของร่วมกัน ระหว่างที่ผมมาปรับปรุงหรือบริหารโรงแรมในช่วงแรกๆ ผมจะเข้าไปอยู่ในบ้านนั้น ผมสัญญาว่าจะไม่ต่อเติมอะไรเลย นอกจากทำลานจอดเฮลิคอปเตอร์ตรงไหนก็ได้ที่ว่างเท่านั้น”
“ข้อสาม เงินที่เหลือทั้งหมด จะถูกเปิดบัญชีเป็นชื่อของน้องปรารถนา มีผม คุณวิภพ คุณป้ากันยาเป็นเจ้าของบัญชีร่วมกัน ถ้าจะเบิกจ่ายจะต้องมีน้องปรารถนา ผม และหนึ่งในสองคนที่เหลือเซ็นชื่อเท่านั้น”
“ข้อสี่ ผมขอเป็นผู้ปกครองน้องปรารถนา ตั้งแต่วินาทีที่ตกลงกันได้ จนกระทั่งเรียนจบปริญญาตรี จะเป็นที่ไหนก็ได้แล้วแต่ความสมัครใจ”
“ข้อห้า ในอนาคตถ้าน้องปรารถนาอยากซื้อบ้านกับโรงแรมกลับ ผมสัญญาว่าจะขายให้ในราคาเดิมไม่มีการบวกใดๆ ทั้งสิ้น”
“ข้อหก เงินที่เหลือจากการใช้หนี้กับไถ่บ้าน ผมจะแบ่งให้คุณประนพ ห้าล้านบาท คุณประนพจะต้องย้ายออกจากบ้านสุริยวงศ์ทันที ไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ ส่วนค่าใช้จ่ายในบ้านรวมทั้งเงินเดือนของทุกคน ผมจะเป็นรับผิดชอบตลอดเวลาที่พักอยู่ ถ้าตกลงตามนี้ผมจะช่วยซื้อไว้ให้ รวมทั้งเป็นเจ้าภาพงานศพจนถึงวันเผาเลย แต่ถ้าไม่ ผมก็จะคงไว้แค่เป็นเจ้าภาพให้ครับ”
ทุกคนต่างอึ้งกับข้อเสนออันยาวยืดนี้ และไม่มีใครแสดงออกว่าหนักใจหรือไม่พอใจมากเท่าประนพ แม้เงินห้าล้านจะยั่วใจไม่น้อย แต่ถ้าเทียบกับเงินที่มากกว่า ถ้าในกรณีตัวเองหาคนมาซื้อได้เลยไม่ค่อยจะพอใจนัก
“ทำไมคุณจะต้องเป็นผู้ปกครองน้องเหนือและเข้าไปอยู่ในบ้านนั้นด้วย บอกตรงๆ ว่าผมคงเห็นเป็นอื่นไม่ได้ถ้าไม่คิดว่าคุณกะจะเคลมเด็ก”
แต่ประนพก็ฉลาดด้วยการไม่เอ่ยเรื่องเงิน และดูเหมือนคำถามของเขาจะสร้างความพึงพอใจให้วิภพกับกันยาไม่น้อย แต่ไม่มีใครพูดอะไรนอกจากนิ่งรอฟังคำตอบจากหนุ่มใหญ่หน้าเด็กเท่านั้น
“จะเชื่อไหมล่ะครับถ้าผมจะบอกว่า ผมสงสารเด็ก ห่วงเด็ก และอยากส่งเด็กให้ก้าวไปยืนอยู่อีกฝั่งอย่างปลอดภัย โดยไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนจากผมหรือจากใครทั้งนั้น ถึงผมจะไม่รู้จักคุณปัญญากับคุณปาริดาเป็นการส่วนตัวเลย แต่ผมก็รู้ว่าทั้งสองรักลูกมาก ไม่อย่างนั้นคงไม่กัดฟันส่งให้เรียนนานาชาติทั้งๆ ที่มีปัญหาทางการเงินอย่างหนักแบบนี้หรอกนะครับ ส่วนเรื่องที่กลัวผมจะเคลมเด็ก ก็แล้วแต่จะคิด ผมคงห้ามไม่ได้ แต่ด้วยรูปร่าง หน้าตา และฐานะอย่างผม ไม่เคยอดเรื่องผู้หญิงเลยตั้งแต่แตกเนื้อหนุ่ม ตรงกันข้ามผมต้องเป็นฝ่ายวิ่งหนีด้วยซ้ำ ผมคงไม่หน้ามืดตามัว ทำร้ายเด็กที่น่าสงสารได้ลงคอหรอกมั้งครับ”
ระหว่างนั่งรถจากโรงแรมพีเคไปวัดนั้น ภีมภาตั้งอกตั้งใจจะคาดคั้นเอาคำตอบจากลูกให้ได้ แต่กลับทำอย่างที่ใจคิดไม่ได้ เพราะมีเลขานั่งไปด้วย แถมลูกก็คุยแต่เรื่องงานตั้งแต่รถออกจากโรงแรมยันถึงประตูวัด ที่ผู้คนยังคงบางตาอยู่ เพราะอีกสองชั่วโมงถึงจะได้เวลาเผา
“เดี๋ยวผมจะแนะนำให้รู้จักคนทางนี้นะครับแม่”
ภีมวัจน์ยื่นมือให้แม่เกาะเหมือนที่เคยทำมาตลอดชีวิต แล้วเริ่มแนะนำคนที่เดินตรงมาต้อนรับ และคนสุดท้ายคือสาวน้อยปรารถนา ที่เพิ่งมาถึงวัดไม่นาน มีสาวใช้ของบ้านเดินตามไม่ห่าง เหมือนกลัวคุณหนูจะล้มพับลงไปอีก เพราะเพิ่งออกจากโรงพยาบาลมื่อสายๆ วันนี้ ภีมวัจน์เซ็นเช็คแสนห้าเป็นค่ารักษาให้กับมือ
“ป้าเสียใจด้วยนะจ๊ะหนู”
คุณนายภีมภาส่งน้ำเสียงอ่อนนุ่มไปหาเด็กสาว ในเดรสยาวเลยเข่าสีดำ มืออีกข้างถือผ้าเช็ดหน้ากับยาดมเอาไว้ นั่นบอกได้เป็นอย่างดีว่าจะต้องร้องไห้หรือไม่ก็จะเป็นลมล้มพับลงได้โดยง่าย
“ขอบคุณค่ะคุณป้า” ปรารถนายกมือไหว้ด้วยท่าทีนอบน้อมและน้ำเสียงสั่นเครือ
“น้องเหนือเข้าไปนั่งในศาลาดีกว่านะคะ เดี๋ยวแม่จ๋าจะให้พี่ไลหาน้ำกับของว่างไปให้” สาวน้อยเดินตามพี่ไลไปนั่งอย่างว่าง่าย กันยามองตามแล้วหันไปหาเจ้านายคนใหม่ ถอนหายใจออกมาหนักๆ ก่อนเอ่ย