หลังเสียงหลายคนอุทานด้วยความตกใจ เพราะอยู่ใกล้และจ้องมองเด็กสาวอยู่ก่อนแล้ว ทำให้เขาวิ่งไปประคองร่างเล็กๆ ที่ล้มฟุบลงกับพื้นศาลาได้ทันท่วงที ความโกลาหลเกิดขึ้นในตอนนั้น ทุกคนต่างวิ่งหายาดมยาลมยาหม่องกันให้วุ่น นี่เป็นรอบที่สามของวันแล้วที่เด็กสาวเป็นลมล้มพับเพราะความเสียใจ
“ผมว่าพาไปโรงพยาบาลดีกว่านะครับ เด็กอ่อนแรงแล้วก็อิดโรยมากเลย” เขารีบเสนอกับผู้หญิงที่ถลามาหาเด็กสาวต่อจากเขา
“ค่ะๆ เดี๋ยวป้าจะเรียกบุญมาให้เอารถออก คุณอุ้มน้องเหนือมาทางนี้เลยค่ะ”
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ภีมวัจน์ก็สั่งให้คนขับเลี้ยวรถเข้าโรงพยาบาลเอกชนใกล้สุด เด็กสาวถูกพาเข้าห้องฉุกเฉินมีแพทย์และพยาบาลเข้ามาช่วยอย่างรวดเร็ว ไม่ถึงยี่สิบนาทีก็ฟื้น และไม่ถึงสองนาทีก็ร้องไห้คร่ำครวญอยู่กับอกคนที่เด็กสาวมักจะเรียก ‘แม่จ๋า’ อีกแล้ว
“คนไข้อ่อนเพลียมากค่ะ หมอคงต้องให้แอดมิตดูอาการสักคืนสองคืนก่อน ไม่แน่ว่าจะต้องมีจิตแพทย์มาช่วยฟื้นฟูสภาพจิตใจคนไข้ด้วยหรือเปล่า เพราะได้รับความกระทบกระเทือนจากการสูญเสียอย่างรุนแรง”
ภีมวัจน์หันไปมองคนที่เด็กเรียก ‘แม่จ๋า’ เดินเข้ามาฟังคำวินิจฉัยของแพทย์เจ้าของไข้ด้วยกัน เขาสังเกตเห็นสีหน้าหวาดหวั่นน้อยๆ ถ้าให้เดาก็คงไม่พ้นเรื่องค่าใช้จ่าย เพราะโรงพยาบาลนี้ขึ้นชื่อเรื่อง ‘ฟันคนไข้หัวแบะ’ อยู่แล้ว ที่เขารู้เพราะน้องสาวเป็นหมอ เจอกันทีไรก็มักจะได้ฟังเรื่องราวของพวกที่ขูดรีดเงินเอาจากความเจ็บป่วยเกินความจำเป็นเสมอๆ
‘พ่อแม่เพื่อนหนิงเปิดโรงพยาบาลเอกชนเหมือนกัน ‘ฟันคนไข้หัวแบะ’ ตลอด คนมีตังค์ก็รอดไปแต่คนจนที่ดันถูกพวกกู้ภัยส่งเข้าไปนี่สิ เป็นหนี้เป็นสินจนหมดตัวก็มีนะพี่หนาว ถ้าเราจะทำแบบนั้นนะหนิงไม่เอาด้วยหรอก กลัวบาป!’
“ได้ครับ เดี๋ยวผมขออนุญาตเป็นเจ้าของไข้ให้เองนะครับ”
เขาเลยอาสาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลท่าทีนอบน้อม ไม่อยากให้ใครคิดว่าอวดร่ำอวดรวย แต่เพราะห่วงเด็กจริงๆ ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เขาก็ได้เดินตามรถเข็นที่มีเด็กสาวนอนแน่นิ่งเพราะได้ยานอนหลับกับยาบำรุงร่างกายจากหมอเข้าไปอย่างละเข็ม ตรงไปยังห้องพักพิเศษเรียบร้อยแล้ว
“ขอบคุณนะคะคุณภีมวัจน์”
เขาหันไปหาคนข้างๆ อย่างสงสัยหลังจากพยาบาลเปลี่ยนเสื้อผ้าให้คนไข้เแล้ว เพราะไม่รู้ว่าจะมีใครรู้จักเขา แต่ก็คิดขึ้นได้ตอนไปวัดเวทิตเป็นคนแนะนำให้รู้จักกันแล้ว เขาเสียเองที่เป็นฝ่ายจำไม่ได้ เพราะมีคนมากหน้าหลายตาให้จดจำ
“เอ่อ! ไม่เป็นไรครับ”
“ป้าชื่อกันยาค่ะ เป็นแม่บ้านแล้วก็เป็นแม่นมของน้องเหนือมาตั้งแต่เกิดค่ะ” ภีมวัจน์ยิ้มบางๆ ให้กับคำตอบนั้น แล้วนั่งเงียบ
“เอ่อ...แล้วเมื่อวานที่คุยกัน ผลเป็นยังไงคะ คุณภีมวัจน์ตกลงซื้อโรงแรมหรือเปล่าคะ” คนถูกถามทำหน้างงเล็กน้อย แต่ก็เดาได้ว่าแม่บ้านคนนี้คงเป็นที่ไว้วางใจสองสามีภรรยาไม่น้อย ถึงได้เล่าเรื่องสำคัญๆ ให้ฟัง
“อืม! ยังตกลงเรื่องราคากันไม่ได้ครับ”
“เหรอคะ! เฮ้อคิดแล้วก็ใจหาย จนป่านนี้ป้าก็ยังไม่อยากจะเชื่อค่ะ ว่าเสียคุณทั้งสองไปแล้ว นับประสาอะไรกับน้องเหนือคะ”
จากแผนเดิม คือบินมาเคารพศพ ฟังพระสวดคืนแรกแล้วก็จะบินกลับนั้น ต้องเปลี่ยนเป็นค้างอีกคืนหรือสองคืนก่อน เพราะสงสารระคนห่วงในตัวเด็กสาว ผู้ไม่รู้ชะตากรรมตัวเองว่าจะเป็นไปในทิศทางไหน แต่ที่แน่ๆ ภีมวัจน์เดาว่าไม่ใช่ทางที่ดีขึ้นล้านเปอร์เซ็นต์
เขาห้องที่พีเอส บูติค ที่มีให้เลือกมากมายหลายราคา พอได้กุญแจห้องแล้ว ก็เดินออกไปหาซื้อเสื้อผ้าตามร้านข้างทางมาใช้ก่อน เพราะไม่ได้เตรียมตัวมาค้าง พอได้แล้วก็แวะเข้าห้องน้ำชั้นล่างก่อนขึ้นห้องพัก เพื่อลองเสื้อผ้า ถ้าใส่ไม่ได้จะเอาไปเปลี่ยนทีเดียวเลย ไม่นานก็มีเสียงฝีเท้ากับเสียงคนคุยกันไม่น้อยกว่าสามและกำลังเดินเข้ามา
“พี่บุญบอกว่าเห็นกับตา คุณนพน่ะหอบซองคนมาช่วยงานขึ้นรถแล้วขับออกไป ไม่สนใจว่ามีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง งานสวดเหลืออีกตั้งหกคืน ขยับอะไรก็เป็นเงินทั้งนั้น ไม่รู้ป้าจ๋าจะทำยังไงต่อดี น้องเหนือก็ป่วยอยู่โรงพยาบาล ไม่รู้จะต้องจ่ายเท่าไหร่”
“เฮ้อ! แล้วพวกเราจะได้เงินเดือนไหมล่ะนี่ สงสัยต้องหางานใหม่แล้วมั้ง ไม่มีคุณปัญกับคุณปาคิดเหรอว่าพวกเราจะอยู่ได้ ให้คุณนพมาบริหารน่ะเหรอ คงไม่พ้นเอาโรงแรมไปขายถูกๆ แล้วเชิดเงินหนีแน่”
“เอ้ย! เชิดได้ยังไง ต้องใช้หนี้ก่อนดิ ไม่รู้จะพอหรือเปล่าหรอก เห็นทางบัญชีบอกว่าหลายร้อยล้านนะ”
“คงจะใช้หรอก ฉันยังอดห่วงไม่ได้นะ ไม่มีใครใหญ่ในบ้านแล้วนอกจากนายนั่น สักวันคงจะหาทางดอดเข้าห้องหลานแน่ๆ พอย่ำยีจนหนำใจ ก็คงจะเอาไปขายให้อาเสี่ยสักคน ได้เงินแล้วคงไปล้างผลาญในบ่อนจนหมดอีก เฮ้อ! ยิ่งคิดยิ่งสงสารน้องเหนือ”
“แกก็ว่าไป เขาไม่ได้ร้ายขนาดนั้นหรอกมั้ง”
“ว่าได้เหรอ เห็นอยู่วัดนี่คอยประจบประแจงแต่พวกมีตังค์ทั้งนั้น ถ้าไม่มีอะไรให้ขาย ก็คงไม่พ้นเอาหลานนั่นล่ะ น้องเหนือทั้งสวยทั้งน่ารัก เลี้ยงอีกไม่กี่ปีก็คงขายได้และเยอะด้วย”
“พอเลยแก ปากเสีย ไปเร็วๆ”
ภีมวัจน์ออกมาหลังจากพนักงานเดินไปสักพักแล้ว ขณะล้างมืออยู่หน้าอ่าง ก็ครุ่นคิดไปด้วย แม้ไม่กล้าคิดว่าประนพจะกล้าถึงขนาดนี้ แต่คนเราเมื่อไม่มีมันก็ย่อมทำอะไรต่อมิอะไรได้อย่างไม่น่าเชื่อ หลังลองเสื้อผ้าแล้วใส่ได้พอดี เขาก็เดินออกไประหว่างนั้นก็กดมือถือหาเวทิตเป็นคนแรก