เสียงเล็กๆ นั้นเอ่ยออกมาไม่ดังนัก ถ้าไม่ตั้งใจฟังก็แทบจะจับใจความไม่ได้ มือก็ยื่นหวีให้ อีกมือถือหนังยางรอ และไม่มีคำพูดไหนหลุดออกมาอีก ภีมวัจน์ได้แต่ลอบถอนหายใจน้อยๆ ก่อนใช้หวีสางผมหนาดกดำยาวลงไปถึงกลางหลังอย่างเบามือและเก้ๆ กังๆ เพราะไม่ได้ทำมาหลายปีแล้ว แต่ก็ยังพอแก้ขัดได้ถ้าจำเป็น ครั้งแรกไม่สวยเขาเลยรื้อทำใหม่ ค่อยเข้าท่าขึ้นมาหน่อยในรอบสอง
“เอาหนังยางมาเลยค่ะเสร็จข้างหนึ่งแล้ว”
มือเล็กส่งให้โดยอัตโนมัติ ไม่มีคำพูดใดๆ ไหลออกมา ไม่มีการยกมือขึ้นมาลูบคลำเพื่อตรวจสอบดูว่าพอใจหรือไม่ยังไง ผิดกับน้องๆ ของเขาที่คอยกำกับตลอดเวลาว่าห้ามเบี้ยวห้ามแบ่งไม่เท่ากัน เพราะจะถูกเพื่อนล้อไม่เลิก กันยาเดินออกมาจากห้องครัวพร้อมหม้อข้าวต้ม มีวิไลตามหลังมาติดๆ ต้องยืนนิ่ง จ้องมองหนุ่มรูปงามกำลังตั้งอกตั้งใจสางผมแล้วถักเปียโดยไม่ได้สนใจใครทั้งสิ้น หนึ่งคำถามผุดขึ้นมาในหัวของกันยา
“ป้าๆ คุณหนาวถักเปียเป็นด้วย อายุอานามขนาดนี้ยังไม่มีแฟน ยังไม่มีเมีย เป็นตุ๊ดแต๋วเกย์เก้งกวางหรือเปล่าก็ไม่รู้”
ทว่าวิไลปากไวกว่า เพราะตกใจไม่น้อยเมื่อเห็น กันยาเองก็สงสัยใคร่อยากรู้ แต่ไม่ว่า นอกจากหันไปดุเด็กในปกครอง “ยุ่งอะไรกับเรื่องของเจ้านายเรานี่ ปะๆ รีบยกออกไปคุณๆ จะได้รีบกิน เดี๋ยวสายกันพอดี ทีหลังถ้าตื่นช้าอีกป้าจะให้คุณหนาวหักเงินเดือนเลย โทษฐานดูหนังจนเสียงาน”
วิไลหน้าเจื่อนลง แล้วรีบเดินตรงเข้าห้องอาหารทันที “โอ้โห! คุณหนาวเปียผมเป็นจริงๆ ด้วยค่ะ น่าอิจฉาน้องๆ จังเลยนะคะ มีพี่ชายน่ารักอย่างนี้คอยเปียผมให้ทุกวัน”
กันยาเอ่ยเสียงนุ่ม ตาก็มองสองเปียที่แม้จะไม่ประณีตเท่าฝีมือหญิง แต่ก็ใช้ได้เกินชาย มือก็ตักข้าวต้มร้อนๆ ให้เจ้านายทั้งสองและตัวเองด้วย เพราะต้องไปพบครูที่โรงเรียนของคุณหนูตาม ในฐานะผู้ปกครองร่วมกับภีมวัจน์
“ไม่ทุกวันหรอกครับ เฉพาะวันที่สองสาวงอนกันไม่พูดกัน เลยต้องหันมาหาตัวกลางอย่างผมครับ เป็นไม่เป็นก็ต้องทำให้ล่ะครับ เพราะมีผมอยู่ในบ้านคนเดียว ส่วนพ่อกับแม่ก็จะยุ่งงานทั้งวันตั้งแต่เช้ายันดึกครับ”
“เหรอคะ สาวๆ คงรักพี่ชายมากนะคะ”
กันยาทรุดกายลงนั่งข้างๆ คุณหนูที่ก้มมองชามข้าวต้มนานกว่าจะตักน้ำส้ม เหยาะพริกไทยใส่อย่างละนิดแล้วฝืนตักชิมไม่สนใจฟังผู้ใหญ่คุยกันด้วยซ้ำ ส่วนภีมวัจน์ก็ตักน้ำส้ม พริกป่นและพริกไทยใส่ชามแล้วชิมเช่นกัน ไม่มีใครทันสังเกตถึงความเหมือนของทั้งสองคน เพราะต่างก็ต้องรีบกิน
“อิ่มแล้วเหรอคะน้องเหนือ” ข้าวต้มในจานไม่พร่องสักนิด แต่คนถูกถามไม่กินอีก แล้วพยักหน้าน้อยๆ เป็นคำตอบ
“งั้นก็ดื่มน้ำส้มคั้นเยอะๆ นะคะ เดี๋ยวแม่จ๋าจะให้พี่ไลเอานมกับของว่างใส่กล่องด้วยค่ะ”
สาวน้อยยอมยกแก้วขึ้นดื่มเพียงเล็กน้อยแค่นั้น กันยาไม่รู้จะทำอะไรได้เลยพยักหน้าให้วิไลไปเตรียมของว่างให้ แล้วรีบวิ่งตามไปหน้าบ้าน พร้อมส่งรองเท้าให้คุณหนู
“มานี่ค่ะแม่จ๋าช่วย”
เห็นคุณหนูมีท่าทีเชื่องช้า กันยาเลยใส่ให้เสียเอง ภีมวัจน์เห็นการประคบประหงมเด็กราวไข่ในหิน แม้จะชื่นชมในน้ำใจไมตรีนี้ แต่เขาเห็นว่าเป็นการ ‘รังแกเด็ก’ ทางอ้อม เพราะเด็กจะไม่รู้จักโต ไม่รู้จักทำอะไรเอง จะไม่มีภูมิคุ้มกันในการใช้ชีวิตโลกภายนอก ไม่อยากคิดเลยว่า ถ้าเขาไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยเด็กจะเป็นยังไง
“โรงเรียนน้องเหนืออยู่ทางเดียวกับโรงแรม คุณหนาวนั่งรถมาพร้อมน้องเหนือก็ได้นะคะ ไม่ต้องขับรถเองให้เมื่อย ตอนเย็นก็ให้บุญมามาคอยรับ ป้าเห็นกลับบ้านดึกๆ ทุกคืนเป็นห่วงค่ะ” กันยาที่นั่งด้านหลังกับคุณหนูเอ่ยกับเจ้านายที่นั่งคู่คนขับ
“อืม! ก็ดีเหมือนกันครับ แต่ผมกลับดึกๆ เกรงใจบุญมา” ปกติอยู่เชียงใหม่เขาไม่ต้องใช้คนขับ การจราจรก็ไม่ติดมากมายเท่ากรุงเทพฯ จะไปไหนมาไหนก็ง่าย เลยไม่มีปัญหานัก
“เมื่อก่อนบุญมาก็จะรับน้องเหนือจากโรงเรียนแล้วพาไปรอคุณๆ ที่โรงแรมค่ะ พอเสร็จก็ค่อยกลับพร้อมกัน”
ภีมวัจน์แค่ฟังไม่กล้าพูดอะไรอีก กลัวจะกระทบกระเทือนจิตใจสาวน้อยผู้นั่งนิ่ง ไม่เอ่ยอะไรตั้งแต่รถแล่นออกบ้านยันรถจอด เขากับกันยามองสาวน้อยยกมือไหว้แล้วเดินผละไป
“ไปกันค่ะ ห้องครูอยู่ทางโน้น”
เช้าวันหยุดหลังกินมื้อเช้าเพียงลำพังเสร็จ ภีมวัจน์ก็สั่งให้บุญมาเอารถออกไม่บอกใครว่าจะไปไหน บ่ายนิดๆ ก็กลับเข้ามาพร้อมสุนัขพันธุ์ปาปิยอง สีน้ำตาลปนขาวขนยาวน่ารัก ตามคำแนะนำของจิตแพทย์ที่เขากับกันยาไปพบมาเมื่อวันก่อน
‘เด็กเหมือนคนกำลังจะจมน้ำ ขาหยั่งไม่ถึงพื้น สองมือก็ไม่ยอมแหวกว่ายเอาตัวรอด แถมพร้อมจะปล่อยให้ตัวเองจมด้วยซ้ำ เพราะเสียใจกับการจากไปของบุคคลอันเป็นที่รัก หมอแนะนำญาติหาอะไรที่เด็กอยากได้มากๆ มาให้ อาจจะเป็นของสะสม เสื้อผ้าแบบที่เด็กชอบ หรือไม่ก็สัตว์เลี้ยงค่ะ วิธีนี้อาจจะช่วยได้ไม่มาก แต่ก็ยังดีกว่าปล่อยให้เด็กอยู่แบบไร้ชีวิตชีวาค่ะ’
“น้องเหนือ! ดูสิคะว่าคุณหนาวมีอะไรมาฝาก”
กันยาเป็นคนพาขึ้นไปหาเด็กสาวที่ยังคงยึดห้องนอนเป็นหลุมหลบภัย พอเห็นเจ้าตัวน้อยในอ้อมแขนชายที่ยังคงเป็นคนแปลกหน้าอยู่นั้น รอยยิ้มสว่างไสวก็เกิดขึ้น ทำเอาผู้ใหญ่ทั้งสองใจชื้นขึ้นมาเป็นกอง กับของขวัญชดเชยความสูญเสียชิ้นนี้
“ของน้องเหนือเหรอคะ” คนถามไม่แน่ใจ เพราะเคยขอพ่อแม่เลี้ยงน้องหมา แต่ไม่มีใครอนุญาตสักครั้ง ภีมวัจน์จ้องมองใบหน้าเรียวรูปไข่นั้นด้วยรอยยิ้มก่อนเอ่ย
“ใช่ค่ะ น้องเหนือชอบมั้ยคะ” แทนคำตอบเด็กสาวรีบรับเจ้าตัวจิ๋วไปอุ้มไว้กับอก ใช้จมูกโด่งชนกับจมูกเล็กๆ ของมันอย่างไม่เกรงกลัวเชื้อโรค ผิดกับกันยาคนละเรื่อง แต่ก็จำใจต้องยอมตามคำแนะนำของจิตแพทย์