เขาอุทานอยู่ในใจ กับภาพตรงหน้า แม้ในยามหลับตา สาวน้อยในปกครองก็ยังน่ามอง น่ารักน่าทะนุถนอมอยู่ดี หัวใจที่เคยหนักแน่นเริ่มเต้นแรงขึ้นอย่างยากจะควบคุม แต่สุดท้ายด้วยความเก๋ากับการผ่านโลกมากว่าสามสิบสี่ฝนสามสิบสี่หนาวแล้ว เขาก็บังคับหัวใจที่หวั่นไหวให้กลับมามั่นคงได้ในที่สุด
“หยุดทำไมล่ะคะ” เล่นยังไม่ทันได้จบเพลงสาวน้อยก็หยุดกึกกลางครัน จนเขาต้องถามด้วยความสงสัย อีกคนส่งใบหน้าเศร้าสร้อยมาหาเขาก่อนเอ่ยเสียงสั่นเครือ
“มันทำให้น้องเหนือคิดถึงคุณพ่อกับคุณแม่ค่ะ”
แล้วสาวน้อยก็วิ่งไปหาบันไดชนิดไม่เหลียวหลัง เจ้าแตงไทยที่นอนอยู่ใต้เปียโนเมื่อครู่ก็ลุกขึ้นแล้ววิ่งตามไปปีนขึ้นบันไดทีละขั้นๆ อย่างหมาที่ไม่ละความพยายาม ภีมวัจน์ถอนหายใจหนักๆ ออกมาด้วยความเป็นห่วง และไม่รู้จะทำยังไงกับคนหนีขึ้นไปบนห้องแล้ว เขาตั้งสติอยู่สักพักก่อนจะตัดสินใจเดินขึ้นไปเคาะประตูห้องเบาๆ
“น้องเหนือคะ คุณหนาวเองนะคะ” เขาส่งน้ำเสียงนุ่มหูเข้าไปหาคนด้านในแล้วยืนรออยู่ครู่หนึ่ง
“น้องเหนือทำอะไรอยู่เอ่ย ให้คุณหนาวเข้าไปได้มั้ยคะ”
ตั้งใจว่าถ้าครั้งนี้คนข้างในไม่ออกมาเปิด ก็จะไม่เซ้าซี้แล้ว จะปล่อยให้มีเวลาอยู่กับตัวเองตามต้องการ แต่ไม่นานบานไม้สักก็เปิดออก เขายิ้มให้เจ้าของห้องที่คงจะยืนแอบอยู่หลังประตูแทนการสู้หน้าเขา
“ให้คุณหนาวเข้าไปได้มั้ยคะ” ไม่มีคำตอบแต่บานไม้สักเปิดออกมากกว่าเดิม ภีมวัจน์ค่อยๆ ก้าวเข้าไป และเปิดประตูทิ้งไว้ ตาก็มองไปยังเด็กสาวที่เดินไปนั่งกับพื้นเอาหลังพิงข้างเตียง เขาสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วเดินไปทรุดกายลงนั่งข้างๆ ในท่าเดียวกัน นิ่งครุ่นคิดว่าจะเริ่มต้นปลอบขวัญสาวน้อยยังไงดีอยู่ครู่หนึ่ง
“ตอนพ่อคุณหนาวจากไปใหม่ๆ คุณหนาวเสียใจมากแล้วก็กลัวมากเหมือนกันค่ะ คุณหนาวเชื่อว่ากลัวมากกว่าน้องเหนือตอนนี้ซะอีก รู้มั้ยคะว่าทำไม” เขาหันไปหาคนข้างๆ ที่ไม่เอ่ยอะไรนอกจากส่ายหน้าแค่นั้น
“ก็เพราะคุณหนาวไม่มีใครคอยมาคุ้มครอง คอยมาสอนนั่นสอนนี่ให้เหมือนที่น้องเหนือมีคุณหนาวไงคะ แถมยังจะต้องดูแลกิจการทุกอย่างแทนท่านอีก มีน้องๆ กับแม่ให้ต้องคอยดูแลอีก แล้วไหนจะพนักงานเป็นร้อยๆ คนอีก ตอนนั้นคุณหนาวกลัวที่สุด กลัวว่าจะดูแลทุกคนได้ไม่ดีเท่าที่ท่านเคยทำไว้ แต่คุณหนาวก็แสดงความกลัวให้ใครเห็นไม่ได้ เพราะจะทำให้ทุกคนพลอยกลัวตามไปด้วย”
“น้องเหนือไม่ได้กลัวค่ะ แค่คิดถึงคุณพ่อกับคุณแม่ตอนเล่นเพลงนั้น แล้วก็เสียใจที่ท่านไม่ได้มานั่งดูน้องเหนือจะขึ้นเวทีค่ะ”
เด็กสาวแย้งน้อยๆ ด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ก่อนจะเอี้ยวตัวมาหาเขา โผเข้ามาซบหน้าร้องไห้กับอกเขาอย่างรวดเร็ว และเขาก็ไม่รู้จะทำยังไงได้นอกจากใช้สองแขนโอบกอดแล้วลูบแผ่นหลังที่สั่นเทาไปมาด้วยความสงสารจับใจ จนลืมเลือนความรู้สึกพิเศษเมื่อครู่ไปหมดสิ้น คงเหลือไว้แต่ความหวังดี ความปรารถนาดีอยากเห็นเธอก้าวข้ามความเจ็บปวดจากการสูญเสียไปได้เท่านั้น
“คุณหนาวเข้าใจค่ะ คุณหนาวจะไม่บอกให้น้องเหนือหยุดร้องไห้ แต่อยากจะบอกว่า ให้คิดถึงเวลาสำหรับความเสียใจที่น้องเหนือมี ว่ามันยาวนานมาแค่ไหนแล้ว และทุกครั้งที่น้องเหนือเสียใจ ก็ยังมีคนเสียใจไม่แพ้หรือมากยิ่งกว่านั่นก็คือแม่จ๋ากับคุณหนาวค่ะ”
ผู้ปลอบขวัญละเสียงอันนุ่มทุ้มไว้ แล้วแนบปลายคางลงไปกับกลุ่มผมดกดำนุ่มสลวยยาวลงไปคลอบคลุมสองมือของเขา ที่ลูบไปมาบนแผ่นหลังบางเบาอย่างคนใจเย็นและเข้าใจความรู้สึกนั้น ประหนึ่งเกิดขึ้นกับตัวเสียเอง
“น้องเหนือรู้ค่ะ น้องเหนือพยายามจะไม่ร้องไห้อีก แต่น้องเหนือก็ทนไม่ได้ เพลงนั้นคุณพ่อกับคุณแม่ชอบมาก เปิดให้น้องเหนือฟังตลอด ที่น้องเหนือยอมเล่นเปียโนอีกและเลือกเพลงนี้ ก็เพราะอยากส่งความรักความคิดถึงที่น้องเหนือมีไปให้ท่านบนสวรรค์ แต่น้องเหนือก็ใจไม่แข็งพอที่จะเล่นต่อไปอีกได้โดยไม่คิดถึงท่านค่ะ”
เสียงเล็กๆ แผ่วเบาปะปนสะอึกสะอื้นและขาดไปบางห้วงส่งออกมาให้เจ้าของวงแขนอันอบอุ่นได้รับรู้ ประหนึ่งอยากจะขอโทษกับความอ่อนแอก็ไม่ปาน
“คุณหนาวเข้าใจค่ะ คุณหนาวถึงไม่ห้ามไม่ให้น้องเหนือร้องไห้ไงคะ แต่จะให้ร้องซะให้พอตรงนี้ ตอนที่มีคุณหนาวคอยปลอบแบบนี้ แล้วจะได้ไม่ต้องไปร้องไห้บนเวทีให้ใครๆ เห็นอีกไงคะ”
นอกจากเสียงสะอื้นแล้วก็ไม่มีเสียงใดๆ เล็ดรอดออกมาจากริมฝีปางบางสวยได้รูปนั้นอีกเลย ส่วนอีกคนก็เลือกที่จะเงียบ แล้วใช้แผงอกกว้างกับสองวงแขนเป็นเครื่องปลอบขวัญสาวน้อยผู้น่าสงสารแทนทุกคำพูดที่มีเป็นล้านในใจเสีย เพราะบางครั้งการนั่งเงียบๆ ฟังสรรพสิ่งรอบตั วก็มักจะได้คำตอบที่ถูกต้องยิ่งกว่าประกาศก้องร้องป่าวเสียอีก
นานเกือบสิบนาทีสาวน้อยผู้อิงแอบแนบอกเขาอยู่ ถึงได้สืบน้ำมูกดังๆ ขึ้นเป็นระยะๆ ก่อนจะค่อยๆ ผละออกจากอกกว้างของผู้ปกครองหนุ่ม ที่ละวงแขนออกจากแผ่นหลังระหงทันทีที่อีกฝ่ายแจ้งความจำนงด้วยการขยับกลับไปนั่งในท่าเดิม ภีมวัจน์หันไปมองเสี้ยวหน้าเพียงข้างเดียวที่กำลังก้มมองมือตัวเองประสานกันบนสองเรียวขายาวที่กำลังพับเพียบเรียบร้อยแม้ยามสร้อยเศร้าอย่างนี้ ไม่บอกก็รู้ว่าได้รับการอบรมมาอย่างดิบดีจากบุพการีหรือแม้แต่ป้ากันยา
“หายเสียใจและหายกลัวหรือยังคะ”
เขาเอ่ยเสียงนุ่มพร้อมกับยิ้มน้อยๆ ให้ข้างเสี้ยวหน้างามนั้นด้วยสายตาเอ็นดูยิ่ง คนถูกเอ็นดูเลยส่งประโยคมายืนยันถึงสาเหตุแห่งการเสียน้ำตาอีกครั้งอย่างหนักแน่นกว่าครั้งแรก
“น้องเหนือไม่ได้กลัวจริงๆ นะคะ แค่คิดถึงคุณพ่อคุณแม่เท่านั้นค่ะ”