บ้านตระกูลหยาง
รถคันหรูเลี้ยวเข้ามาจอดภายในบริเวณบ้านที่มีบรรยากาศร่มรื่น แวดล้อมไปด้วยต้นไม้มากมายท่ามกลางตึกสูงระฟ้าตั้งตระหง่านเห็นได้อย่างชัดเจน
ท่ามกลางความแปลกใจของหญิงสาวที่เพิ่งมีโอกาสได้เห็นบ้านของตัวเองในจีนแผ่นดินใหญ่เป็นครั้งแรกด้วยเข้าใจมาตลอดว่า จะต้องอยู่บนตึกสูงในปล่องสี่เหลี่ยม
เพราะที่ดินภายในประเทศจีนนั้นรัฐบาลเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว ประชาชนได้รับสิทธิให้ครอบครองตามระยะเวลาที่รัฐบาลกำหนดไว้ให้เท่านั้น ซึ่งกฎหมายระบุครอบครองได้ไม่เกินเจ็ดสิบปี
“ไม่น่าเชื่อเลยว่าคุณพ่อจะมีบ้านหลังใหญ่ขนาดนี้แถมอยู่ภายในละแวกตึกสูงล้มรอบไปหมด ตอนแรกหนูนึกว่าบ้านของเราอยู่ในคอนโดที่เห็นทั่วไปเสียอีกค่ะคุณแม่”
หญิงสาวเอ่ยถามคนเป็นแม่กลับไปเมื่อร่างอวบอิ่มเดินมาหยุดอยู่เคียงข้างเพื่อนำลูกสาวกลับมาพักผ่อนที่บ้านส่วนตัว หลังจากนั้นจึงจะกลับไปดูแลสามีเช่นเดิม
“ที่ดินผืนนี้คุณพ่อเพิ่งทำสัญญาครอบครองกับทางรัฐบาลเอาไว้ 70 ปี เพราะล่วงรู้มาว่าที่ดินบริเวณนี้เคยเป็นส่วนหนึ่งของต้นตระกูลคุณพ่อเมื่อสมัยโบราณในยุคจ้านกว๋อเลยนะลูก”คนเป็นแม่อธิบายให้ลูกฟัง
“อ่อ..ย้อนไปไกลถึงยุคจ้านกว๋อเลยเหรอคะ หนูนึกว่าต้นตระกูลหยางอยู่ในยุคของราชวงศ์สุยเสียอีก ไม่คิดว่าจะย้อนไปไกลมากถึงขนาดนั้น”หยางเสี่ยวจูพูดพลางสำรวจไปทั่วบริเวณพร้อมเสียงของคนเป็นแม่เอ่ยขึ้น
“นี่ยายหนูอ่านประวัติศาสตร์ของชนชาติเราด้วยเหรอลูก ถึงได้รู้ละเอียดขนาดนี้”คุณแคทธารีนถามกลับไป
“หนูชอบอ่านหนังสือคุณแม่ก็รู้ไม่ใช่เหรอคะ อะไรที่เป็นหนังสืออ่านหมดแหละค่ะไม่งั้นจะสอบคุณแพทย์ติดได้อย่างไงจริงไหมคะ”คำกล่าวของบุตรสาวทำให้คนเป็นแม่พยักหน้าขึ้นลงเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“ก็จริงเนอะคนเป็นหมอก็ต้องอ่านหนังสือเยอะๆ แล้วรู้ไหมว่าตระกูลดั่งเดิมของคุณพ่อแท้จริงแล้วไม่ใช่ตระกูลหยางตามที่เข้าใจ เพราะว่าไม่ได้สืบทอดเชื้อสายโดยตรงมาจากฝั่งผู้ชายแต่มาจากฝั่งผู้หญิงพวกเราใช้แซ่หยางแบบสายไม่แท้ เพระจะว่ากันตามความเป็นจริงแล้วต้องใช้แซ่อื่น”นางบอกลูกสาวกลับไป
หญิงสาวขมวดคิ้วเข้าหากันเมื่อแม่บอกกลับมาเช่นนั้น
“ไม่ใช่ตระกูลหยางโดยแท้เหรอคะแล้วทำไมต้องแบ่งฝั่งผู้ชายผู้หญิงด้วย หนูไม่เข้าใจค่ะคุณแม่”กล่าวพลางเอียงคอมองแม่ของเธอตั้งใจฟังอย่างเต็มที่
“โอโห่ท่าทางแบบนี้ตั้งใจฟังมากเลยเหมือนเล่านิทานก่อนนอนไม่มีผิด แต่ที่แม่จะบอกไม่ใช่นิทานนะลูกแต่มันคล้ายเรื่องเล่าของตระกูลเชิงประวัติหรือสารคดีเสียมากกว่า”คุณแคทธารีนแซว กลับไปท่ามกลางเสียงหัวเราะของคนเป็นลูกเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“หนูเพิ่ง 18 เองนะคะแม่ยังชอบฟังนิทานที่คุณแม่คุณพ่อเล่าให้ฟังตลอดนั้นแหละ ฟังเรื่องเล่าแบบนี้ก็เหมือนฟังนิทานไม่เห็นจะน่าเบื่อตรงไหนเลย”หญิงสาวบอกกลับไปก่อนจะถูกแม่ตรงเข้ากอดเอวพลางก้าวเข้าไปภายในบ้านพร้อมกัน
“เดี๋ยวเอากระเป๋าของคุณหนูไปไว้ที่ห้องนอนตรงปีกซ้ายด้วยนะ”คุณแคทธารีนสั่งสาวใช้ที่ยืนรอรับอยู่ด้านนอกสองคน
“เจ้าค่ะคุณนาย”ทั้งสองต่างรับคำพร้อมรีบเดินตรงเข้าไปยกกระเป๋าที่มีอยู่หลายใบนำไปไว้ที่ห้องตามคำสั่ง
ท่ามกลางสายตาของหยางเสี่ยวจูมองตามหลังสาวใช้ทั้งสองกำลังทยอยกระเป๋าของเธอขึ้นไปบนชั้นสองของตัวบ้านที่ถูกออกแบบมาอย่างทันสมัยมีกลิ่นอายของสมัยปัจจุบันและสมัยโบราณผสานกันอย่างลงตัว เครื่องเรือนก็แบ่งแยกตามโซนว่าใช้แบบย้อนยุคหรือแบบสมัยใหม่
“เข้าท่าแฮะไอเดียตกแต่งบ้านแบบนี้ ออกมาดูดีและลงตัวมากเลยค่ะแม่”หยางเสี่ยวจูพูดพร้อมทรุดตัวลงนั่งบนชุดรับแขกตัวใหญ่ก่อนจะยื่นมือรับเครื่องดื่มจากสาวใช้ที่นำมาให้กับเธอ
“ขอบใจจ๊ะ”สาวน้อยคนงามกล่าวพร้อมส่งยิ้มกลับไปให้
บรรดาสาวใช้ต่างพากันยืนอยู่ในระยะไม่ห่างจากเจ้านายมากเท่าไรเพื่อคอยดูแลรับใช้อย่างใกล้ชิด แต่ที่ไม่ยอมไปไหนนั้นก็เพราะว่าแอบมองคุณหนูคนสวยที่เป็นนางแบบชื่อดังซึ่งเห็นขึ้นปกนิตยสารอยู่บ่อยๆ
“ตัวจริงของคุณหนูสวยจังเลยเนอะ สวยกว่าในหนังสือนิตยสารเสียอีก”
“คุณหนูทำบุญด้วยอะไรก็ไม่รู้ ทำไมถึงได้เกิดมาสวยขนาดนี้ นี่ถ้าฉันสวยได้สักครึ่งป่านนี้คงได้แต่งงานไปนานแล้วไม่ต้องอยู่เป็นโสดมานานจนถึงปูนนี้”สองสาวใช้ต่างกระซิบคุยกันแต่ถึงกระนั้นคุณนายหยางก็ยังได้ยิน
“จะสี่สิบแล้วยังคิดจะแต่งงานอีกเหรอเธอ รอเลี้ยงหลานดีกว่าไหม”เพื่อนยืนเคียงคู่กันแซวกลับพร้อมเสียงของคุณนาย หยางดังแทรกขึ้น
“เราสองคนมีอะไรก็ไปทำเถอะไม่ต้องอยู่คอยรับใช้หรอกแยกย้ายกันพักผ่อนได้แล้ว”คุณแคทธารีนกล่าวพร้อมยกมือไล่พวกนางให้กลับไปพักผ่อนกันให้หมด
“พวกพี่ๆ มองหนูจนตัวจะลอกเป็นกระดาษแล้วนะ เกิดมองจนสลายไปกับอากาศจะทำอย่างไงเดี๋ยวปรับคิดเงินเลย”หญิงสาวหยอกเย้าสองสาวใช้กลับไป
“อุ้ย! ไปแล้วเจ้าค่ะ! ไปแล้ว”สาวใช้รุ่นใหญ่ต่างพากันรีบเดินออดกไปจากห้องรับแขกอย่างรวดเร็ว
ท่ามกลางเสียงหัวเราะคิกคักอยู่ในลำคอของคุณหนูคนงามก่อนจะเหลือบไปเห็นตระกร้าใส่เอกสารมากมายที่ส่งมาทางบ้านถูกนำมาวางตรงหน้าพร้อมเสียงของสาวใช้ที่เพิ่งจะนำกระเป๋าไปเก็บไว้ที่ห้องเอ่ยขึ้น
“เอกสารของสัปดาห์ที่แล้วเจ้าค่ะ อิฉันกลัวว่าคุณนายจะรีบกลับไปดูแลคุณท่านก็เลยนำมาให้ โดยเฉพาะซองสีน้ำตาลใบใหญ่คนที่นำมาส่งกำชับเอาไว้ว่าถึงกำหนดวันนั้นจะต้องไปให้ได้เจ้าค่ะ”
สองแม่ลูกขมวดคิ้วเข้าหากันทันทีครั้นได้ยินเช่นนั้น
“ขอบใจมากนะ! เดี๋ยวฉันจะรีบดูให้หมดทั้งตะกร้าภายในคืนนี้แหละ”คุณแคทธารีนตอบกลับไปพร้อมร่างของสาวใช้ค่อยๆ ก้าวเดินถอยหลังออกไปจากห้องดังกล่าว
“ซองสีน้ำตาลเป็นอะไรเหรอคะคุณแม่ ทำไมต้องกำชับต้องไปให้ได้ด้วย”หยางลี่จูถามกลับไปด้วยความสงสัยพร้อมมองมือของแม่กำลังเปิดซองสีน้ำตาลขนาดใหญ่พลางดึงเอกสารที่อยู่ภายในนั้นนำออกมาอ่านก่อนจะเอ่ยขึ้น
“อ่อ...เป็นที่ดินเก่าแก่ซึ่งคุณพ่อได้สิทธิครอบครองมาแล้ว ที่ดินผืนนั้นเคยเป็นของตระกูลถานซึ่งเป็นต้นตระกูลบรรพบุรุษของคุณพ่อที่แม่บอกเมื่อกี้ไง”
“ต้นตระกูลของคุณพ่อคือตระกูลถานอย่างนั้นเหรอคะ”หญิงสาวทวนเสียงพึมพำก่อนจะเอ่ยขึ้น
“ทำไมหนูรู้สึกว่าต้นตระกูลของคุณพ่อดูซับซ้อนซ่อนปมจังเลยคะคุณแม่ แล้วเกี่ยวอะไรกับสายตระกูลว่าแท้หรือไม่แท้ด้วยคะ”หญิงสาวถามกลับไปด้วยความอยากรู้
คุณแคทธารีนวางซองสีน้ำตาลซึ่งยังมีบางอย่างอยู่ภายในนั้น ก่อนจะยื่นจดหมายที่อยู่ในมือส่งให้ลูกสาวของนางรับไปอ่านต่อพร้อมเอ่ยขึ้น
“คุณพ่อเล่าให้แม่ฟังมาอีกทอด ก็บอกยายหนูตามที่ได้รู้มาต้นตระกูลของคุณพ่อแท้จริงแล้ว คือแซ่ถานแต่เพราะว่าเกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้นจึงทำให้ทั้งตระกูลถูกสั่งประหารเก้าชั่วโคตร ซึ่งคนที่ทำให้สูญสิ้นหมดทั้งตระกูลเป็นลูกสาวคนหนึ่งในตระกูลนั้นคิดว่ารายละเอียดทุกอย่างจะอยู่ในบันทึกที่ถูกคัดลอกมาจากต้นฉบับซึ่งเป็นภาษาเขียนยุคเก่า คุณพ่อจ้างผู้เชี่ยวชาญภาษาโบราณมาแปลให้คิดว่าคงเสร็จแล้วก็เลยส่งมาให้ตรวจ”
คุณแคทธารีนพูดพลางมองไปที่ซองเอกสารที่มีความหนาอยู่พอสมควรพร้อมเอ่ยขึ้น
“ยายหนูอยู่พอดีเลย อย่าไงแม่ฝากหนูตรวจเอกสารแทนคุณพ่อด้วยนะลูก แล้วก็เดือนหน้าที่จะต้องไปตรวจรับที่ดินคุณพ่อยังไม่แข็งแรงพอที่จะเดินทางไปไหน ถ้าอย่างไงค่อยคุยกันว่าจะเลือกให้ใครไปทำหน้าที่แทน”
หญิงสาวพยักหน้าพร้อมก้มลงกวาดสายตาอ่านข้อความที่เป็นจดหมายปะหน้านำส่งเอกสารภายในซองดังกล่าว ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคุณแม่ของเธอ
“เดี๋ยวหนูอ่านคืนนี้ให้เลยค่ะอยากรู้เหมือนกันว่าบันทึกเขียนเอาไว้ว่าอย่างไงและลงรายละเอียดเอาไว้มากแค่ไหน แต่ว่าบันทึกนี้ใครเป็นคนเขียนเหรอค่ะคุณแม่ เป็นของคนยุคหลังหรือว่าเป็นใครสักคนที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นจริงๆ เพราะว่าบางทีเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นกับตามบันทึกเป็นหนังคนละม้วนก็มีให้เห็นเยอะแยะเลยนะคะ”หยางลี่จูบอกแม่ของเธอ
“พวกเราเป็นคนยุคใหม่เกิดหลังตั้งหลายพันปี จะไปล่วงรู้เหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นได้อย่างไงละลูกว่าแท้จริงแล้วมันเป็นอย่างไง คุณพ่อท่านให้ผู้เชี่ยวชาญแปลบันทึกที่มีการค้นพบเพียงแค่อยากรู้ที่มาที่ไปของต้นตระกูลเท่านั้น ถ้าไม่ใช่เพราะไปขุดเจอบันทึกเก่าแก่ฝังอยู่ใต้ดินผืนใหญ่ที่เพิ่งได้ครอบครองก็คงไม่รู้หรอกว่าเคยเป็นที่ตั้งจวนตระกูลถานในอดีตมาก่อน”
“ที่ดินผืนนั้นเป็นที่ตั้งจวนอย่างนั้นเหรอคะ”หญิงสาวทวนประโยคเสียงพึมพำ ในขณะที่คนเป็นแม่พยักหน้าขึ้นลงพร้อมบอกลูกสาวของนางกลับไป
“คุณพ่อบอกแม่ว่าบันทึกนั้นถูกถอดข้อความออกมาเพียงแค่บรรทัดเดียวนะลูก ก็เลยทำให้รู้ว่าที่ดินผืนนั้นซึ่งจะต้องไปตรวจสอบพื้นที่และลงนามรับเป็นทางการก็คือเป็นที่ตั้งของจวนตระกูลถานในอดีต ก็เลยทำให้คุณพ่ออยากรู้ว่าในบันทึกนั้นบอกอะไรไว้อีกบ้าง ส่วนจะจริงหรือไม่นั้นพวกเราเป็นคนรุ่นหลังมีหน้าที่เพียงแค่เฝ้ามอง ไม่สามารถเข้าไปทำอะไรหรือแก้ไขก็ไม่ได้หรอกลูก เรื่องในอดีตก็คืออดีต”
หยางลี่จูพยักหน้าขึ้นลงพร้อมเอื้อมมือหยิบซองสีน้ำตาลขนาดใหญ่ขึ้นมากอดเอาไว้แนบอก และเธอรับรู้ถึงความหนักของกระดาษจำนวนมากที่อัดแน่นอยู่ภายในนั้นพร้อมลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้รับแขกทันใด
“หนูขอตัวก่อนนะคะแม่ เดินทางมาทั้งวันคุณแม่จะไปหาคุณพ่อเมื่อไรปลุกหนูด้วยนะจะได้ไปพร้อมกันค่ะ” หญิงสาวบอกกลับไปก่อนจะนึกขึ้นได้ว่ายังไม่รู้ตำแหน่งห้องของตัวอง
“หนูลืมถามไปว่าห้องอยู่ทางไหนค่ะพอขึ้นไปชั้นบนแล้ว”พูดพลางมองหน้าแม่ที่กำลังนั่งอมยิ้มอยู่ในขณะนั้น
“ขึ้นบันไดชั้นสองเลี้ยวขวาเดินตรงไปห้องมุมติดระเบียงจ๊ะคนสวยของแม่”นางบอกกลับไปพร้อมร่างของบุตรสาวตรงเข้าสวมกอดร่างอวบอิ่มแม่ของเธอพร้อมเอ่ยบอก
“คืนนี้แม่พักผ่อนด้วยนะคะ นอนเอาแรงสักวันพยาบาลพิเศษมารับช่วงดูแลคุณพ่อต่อให้แล้ว นอนโรงพยาบาลมีหรือจะสู้นอนที่บ้านหนูเห็นหน้าคุณแม่ซีดมาก ก็เลยอยากให้นอนพักอยู่บ้านถ้าจะให้ดีพักผ่อนจนกว่าหน้าจะมีสีเลือดดีกว่านี้ เดี๋ยวหนูไปอยู่เฝ้าคุณพ่อแทนให้เองค่ะ”หยางลี่จูบอกแม่
“ขอบใจมากจ๊ะลูกแต่แม่ห่วงคุณพ่อ พักแค่วันเดียวก็พอแล้วเพราะแม่กลัวว่าตอนคุณพ่อฟื้นขึ้นมาแล้วจะไม่เห็นหน้าแม่ เดี๋ยวจะทำให้รู้สึกว่าถูกปล่อยทิ้งอย่างโดดเดี่ยว”คุณแคทธารีนบอกลูกสาว
“ไปพักผ่อนเถอะลูกเดี๋ยวแม่นั่งดูเอกสารในตระกร้านี้หมดแล้วก็จะขึ้นไปพักผ่อนเหมือนกัน”นางไล่บุตรสาว
หยางลี่จูส่งยิ้มกว้างพร้อมก้าวเดินตรงขึ้นบันไดไปยังชั้นสองของตัวบ้าน ซึ่งบ้านดังกล่าวถูกสร้างเล่นระดับมีทั้งสิ้นสามชั้นด้วยกันและห้องนอนของลูกสาวคนสวยอยู่ติดระเบียง ท่ามกลางสายตาของคนเป็นแม่มองตามหลังลูกสาวของนางไปจนลับสายตา
อดีตก็คืออดีต ปัจจุบันก็คือปัจจุบันและอนาคตคือการก้าวเดินไปข้างหน้า ถึงแม้จะรู้มากแค่ไหนก็ไม่มีทางย้อนเวลากลับไปแก้ไขเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วได้อีก
ข้อความบางอย่างเขียนไว้ถัดจากข้อความแรก ถูกถอดออกมาโดยผู้เชี่ยวชาญภาษาโบราณ ราวกับว่าย้ำเตือนไม่ต้องการให้ผู้ใดเข้ามาก้าวก่ายและเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วให้ผิดไปจากที่เคยเป็น แต่ใครเล่าเป็นผู้เขียนข้อความนี้เอาไว้
ภายในห้องนอน
ตัวหนังสือจีนในยุคใหม่ที่ถูกออกจากข้อความในบันทึกที่ถูกขุดพบโดยผู้เชี่ยวชาญทางด้านภาษาโบราณ ทำการแปลออกมาตามความตั้งใจของหยางไค่ซ้าน ถูกลูกสาวเพียงคนเดียวของเขากำลังตั้งอกตั้งใจอ่านเอกสารตรงหน้าที่ปริ้นต์ออกมามีด้วยกันทั้งหมดเกือบร้อยแผ่นเลยทีเดียว
“อะไรกันนี่! ตระกูลถานถูกประหารเก้าชั่วโคตรเพราะการกระทำของถานหยี่เหยียน ซึ่งเป็นลูกสาวของตัวเองอย่างนั้นเหรอ... โอโห่! ผู้หญิงคนนี้ทำไมถึงได้เลือดเย็นและโหดเหี้ยมอำมหิตถึงเพียงนี้นะ แต่ทำผิดคนเดียวทำไมต้องได้รับโทษประหารทั้งตระกูลด้วยว้าไม่เข้าใจจริงๆ เลย”หยางลี่จูบ่นพึมพำก่อนจะก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารตรงหน้าด้วยความสนใจเป็นอย่างยิ่ง และหยุดนิ่งไปทันทีเมื่อไปสะดุดกับข้อความบางอย่าง
“ดวงตาสวรรค์! สุดยอดสมุนไพรในตำนานที่สามารถรักษาดวงตาของคนที่ตาบอดให้กลับมามองเห็นได้เป็นปกติ บ้านะ! ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก คนตาบอดจะรักษาให้หายได้เพียงเพราะแค่ใช้เจ้าสมุนไพรนี้ได้อย่างไง ถ้าเป็นสมัยปัจจุบันนี้ว่าไปอย่าง วิธีทำให้กลับมามองเห็นได้ก็คือต้องรอเปลี่ยนแก้วตาได้อย่างเดียวเท่านั้น...คนสมัยนั้นเขาเขียนอะไรออกจะเกินจริงไปหน่อยไหม ขัดแย้งกับเหตุการณ์ที่ควรจะเกิดขึ้นจริงอย่างเห็นได้ชัดเลย!”หญิงสาวพูดพลางเหวี่ยงกระดาษทั้งปึกลงไปบนที่นอน
ตุบ! ร่างที่สวยสมส่วนตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า หงายหลังลงไปนอนแผ่หราบนที่นอนขนาดใหญ่ ดวงตาคู่สวยจับจ้องมองอยู่บนเพดานห้องพลางขบคิดข้อความที่ถอดมาจากตัวหนังสือในบันทึกโบราณที่ถูกค้นพบ
“ถานหยี่เหยียนเป็นถึงอนุชายาของชินอ๋องแห่งแคว้นฉู่ในเวลานั้น เพราะความทะเยอทะยานจึงทำให้ตระกูลถานพบกับความวิบัติครั้งร้ายแรง เขียนเอาไว้แค่นี้ไม่มีการขยายความต่อ ทำเหมือนจงใจทิ้งปมอะไรบางอย่างเอาไว้ เพื่อไม่ให้ใครล่วงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จริงๆ แล้วเหตุการณ์มันเป็นอย่างไงกันแน่ แบบนี้คนที่อยู่ในตระกูลถานในยุคปัจจุบันก็ต้องตราหน้าผู้หญิงคนนี้ไปตลอดชาตินะสิว่าเป็นตัวหายนะ ทำให้ตระกูลล่มสลายไปหมดในยุคนั้น”หยางลี่จูเอ่ยพึมพำพลางครุ่นคิดด้วยรู้สึกค้างคาใจเป็นที่สุด
“อีกอย่างทำไมเราถึงรู้สึกว่าเรื่องนี้ตัวการสำคัญมาจากตำแหน่งหนึ่งในห้าของผู้หญิงที่จะต้องก้าวไปเป็นบรรดาพระชายาและอนุชายาของตาอ๋องแคว้นฉู่ที่เขียนอยู่ในบันทึกด้วยนะ รู้สึกคล้ายกับที่ผู้ชายในความฝันบอกเลยว่าเราเป็นผู้หญิงหนึ่งในห้าของเขาที่ถูกคัดเลือกมา แต่ในฝันฉันเป็นคนที่หกสิถ้านับกันจริงๆ...แต่ว่าจะใช่เหรอนั่นมันความฝันนะไม่ใช่เรื่องจริงเสียหน่อย”หญิงสาวบ่นพึมพำพลางหันกลับไปมองกระดาษปึกใหญ่ที่เพิ่งถูกเธอโยนลงไปนอนแอ่งแม้งทันทีที่อ่านจบ
“รอให้คุณพ่อฟื้นขึ้นมาก่อนดีกว่าน่า บางทีเราอาจจะรู้อะไรเพิ่มเติมมากไปกว่านี้ก็ได้”หยางลี่จูคาดการณ์ตามความรู้สึกของเธอ ดวงตาคู่สวยยังคงจับจ้องกระดาษปึกใหญ่อยู่เช่นนั้น