ทางด้านโชกุนที่เดินหนีน้ำขิงเพราะอารมณ์เสีย เขาไปหาเพื่อนชายอีกสองคนที่ยืนสูบบุหรี่อยู่บนดาดฟ้าของตึกคณะ
“เป็นเชี้ยอะไรวะ แม่งทำหน้าบึ้งมาเชียว” ท็อปเอ่ยแซวคนที่พึ่งมาถึง
“อารมณ์เสียว่ะ ขอหน่อยดิ” ยื่นมือไปขอบุหรี่ที่สองคนนั้นดูดอยู่ แล้วนำมาดูดต่อ
ปกติผมไม่ชอบสูบบุหรี่อยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าไม่เคยนะ เคยลองแล้วแต่น้ำขิงบอกไม่ชอบกลิ่นผมเลยไม่ทำ แต่ถ้ามีเรื่องเครียดเมื่อไรก็จะเลือกหยิบขึ้นมาดูดเพื่อไม่ให้คิดมาก
“ปกติไม่เห็นมึงสูบ วันนี้เป็นอะไรวะ” ฟิวส์ถามผมมา ผมเลือกที่จะเงียบตั้งหน้าตั้งตาดูดบุหรี่ต่อจนหมดมวน
“แม่งถามก็ไม่ตอบ”
“ชั่งมันเหอะว่ะ มันคงมีเรื่องไม่สบายใจ เดี๋ยวถ้ามันอยากพูด มันก็พูดเองแหละ” ท็อปตบที่บ่าของฟิวส์เบาๆ
ผมมองหน้ามันสองคน “ขอบใจมากเว้ยที่เข้าใจ” จะให้บอกออกไปตอนนี้มันจะได้อะไรขึ้นมา เพราะความลับนี้ผมเป็นคนเลือกที่ปิดปากเงียบเอาไว้เอง
“วันนี้กูไม่เข้าเรียนแล้วนะ ไม่มีอารมณ์ว่ะ”
“มึงมีเรื่องอะไรกันแน่วะ แต่ช่างแม่งเหอะไม่อยากบอกก็ไม่ต้องบอก ไปดื่มกับพวกกูมั้ย” ฟิวส์เอ่ยชวนผมขึ้นมา มันก็ดีเหมือนกัน ดื่มให้เมาจะได้ลืมเรื่องในวันนี้ “เออ ไปก็ไป”
“กูไปด้วย เพื่อนกันไม่ทิ้งกันอยู่แล้ว” ท็อปเอาด้วยอีกคน
วันนี้เรามีเรียนกันแค่คาบเช้าเท่านั้น ไหน ๆ ก็อารมณ์เสียขนาดนี้ล่ะ ไปดื่มให้หายเครียดกันดีกว่า
@คลับ
.
พวกเราพากันมานั่งดื่มที่คลับของลูกพี่ลูกน้องไอ้ฟิวส์มัน ความจริงเวลานี้ยังไม่เปิดให้บริการหรอก แต่พวกผมได้สิทธิพิเศษเข้ามานั่งดื่มกันที่ห้องวีไอพีได้
พอเริ่มดื่มหนักภาพในหัวมันก็มีแต่หน้าของน้ำขิงที่ลอยเข้ามาวนเวียนไม่รู้จักจบจักสิ้น
ผมกับน้ำขิงเราเรียนด้วยกันมาตั้งแต่ ม.1 ผมแมนทั้งแท่งผู้ชายเต็มร้อยแน่นอน และใช่ครับ ผมชอบเธอ ไม่รู้ว่าเริ่มชอบตั้งแต่ตอนไหน แต่มารู้ตัวอีกทีก็ตอนเรียน ม.5
ตอนนั้นมีรุ่นพี่ ม.6 เข้ามาจีบน้ำขิง ผมเห็นเข้าเลยรีบเข้าไปกอดคอแสดงความเป็นเจ้าของ แต่ดีที่เธอไม่ปฏิเสธการกระทำของผม แต่เธอเลือกที่จะไม่ตอบรับรุ่นพี่คนนั้นแทน ด้วยเหตุผลที่ว่าเธอยังไม่อยากมีแฟน
“แม่ง ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วยวะ” สบถขึ้นกลางวงกินเหล้า ยิ่งเมามันก็ยิ่งอยากระบายความในใจออกไป
“มึงเป็นไรวะ”
“กูไม่อยากให้น้ำขิงชอบไอ้วิศวะนั่นว่ะ”
“ไอ้วิศวะ พี่ต้นปีสามนะเหรอ”
“เออ ไอ้นั่นแหละ แม่งหน้ากวนตีนว่ะ กูว่ามันไม่ได้จริงใจกับน้ำขิงหรอก”
“สรุปที่มึงเป็นอย่างนี้เพราะเรื่องน้ำขิง มึงชอบน้ำขิงเหรอวะ” ประโยคคำถามนี้ของท็อปผมเลือกที่จะไม่ตอบ แต่ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มแทน
“ไม่ตอบแสดงว่าใช่ มาๆ เลิกคิดมากเพื่อน มาดื่มกันให้เมาดีกว่า”
พวกผมก็ตั้งใจออกมาดื่มกันแบบจริงจัง ดื่มกันตั้งแต่ออกมาจากมหาวิทยาลัยตอนเก้าโมง จนตอนนี้ก็ปาไปเกือบสามทุ่มแล้ว ไม่เคยดื่มหนักขนาดนี้มาก่อนเลย ยอมรับว่าเมามาก หมดขวดนี้พวกเราก็แยกย้ายกันกลับก่อน เพราะพรุ่งนี้ยังมีเรียน แต่ดีที่เป็นคาบบ่าย ไม่อยากนั้นคงจะลุกไม่ไหวแน่ ๆ
“มึงขับรถกลับไหวมั้ยวะไอ้โชกุน”
“จอดทิ้งไว้ที่นี่ให้พวกกูไปส่งก็ได้นะเว้ย”
“ไหวๆ” ตอบเสร็จก็เลื่อนกระจกขึ้น แล้วขับรถหรูออกมาจากคลับ
เหล้าที่ดื่มจนเมาก็ไม่ได้ทำให้ลืมเรื่องของน้ำขิงกับไอ้รุ่นพี่คนนั้นได้เลย เธอบอกว่าชอบมัน ผมควรต้องทำอย่างไรดี กลัวว่าถ้าบอกความในใจกับเธอไปแล้วมันจะทำให้เสียเพื่อน
นี่ขนาดเธอยังไม่ตกลงคบเป็นแฟน ผมยังเป็นเอามากขนาดนี้ แล้วถ้าเกิดตัดสินใจคบกันขึ้นมาจริงๆ ผมจะต้องจัดการกับความรู้สึกของตนเองอย่างไรดี
@คอนโด
.
ผมตื่นขึ้นมาในช่วงเที่ยงของอีกวัน ไม่คิดว่าเมื่อคืนจะเมาหนักขนาดนี้ หลังจากลุกอาบน้ำล้างหน้าล้างตา ก็ได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดู พบว่าน้ำขิงได้โทรมาหาตั้งหลายสาย คงเห็นว่าผมไม่เข้าเรียนเลยเป็นห่วง
ไม่คิดว่าการแอบรักใครสักคน แล้วได้เห็นหญิงในดวงใจมีชายคนอื่นเข้าหา มันจะทำให้ผมเสียทรงขนาดนี้ เมื่อก่อนแค่คิดว่าขอแค่ได้อยู่ใกล้น้ำขิง ได้เป็นเพื่อนสนิทที่ได้ดูแลกันตลอดไปมันก็เพียงพอแล้ว
แต่ตอนนี้ความคิดมันกลับเปลี่ยนไป ตั้งแต่ที่ได้เห็นไอ้รุ่นพี่วิศวฯ เริ่มเข้ามาจีบน้ำขิง จิตใจมันก็ร้อนรุ่ม หงุดหงิด ทำตัวไม่ถูก ผมควรจะทำอย่างไรกับความรู้สึกของตัวเองดี ตอนนี้มันสับสน และกลัวว่าจะเสียเธอให้คนอื่นไป
“เครียดโว้ย” เอามือก่ายหน้าผากนอนหัวเสียอยู่บนเตียง บ่ายนี้ไม่อยากไปเรียนเลย แต่จะขาดเรียนแบบนี้ไม่ได้หรอก เดี๋ยวน้ำขิงจะเป็นห่วง
นึกขึ้นได้ก็แต่งตัวด้วยชุดนักศึกษาและลงไปชั้นล่างของคอนโด ระหว่างที่อยู่ในลิฟต์ ลิฟต์ก็ได้มาหยุดอยู่ชั้นล่างของผมเพียงสองชั้น ประตูเปิดออกก็เห็นเป็นน้ำขิงที่กำลังเดินเข้ามา
“โชกุน เมื่อวานนายไปไหนมา” นี่คือคำถามแรกที่เธอถามผมทันทีที่ประตูลิฟต์ปิด
“ไปเที่ยว”
“ปกตินายไม่เคยโดดเรียนนี่ แล้วทำไม…”
“ไม่ทำไมหรอก ก็แค่เบื่อ”
“เบื่องั้นเหรอ” น้ำขิงขมวดคิ้วจ้องหน้า
ผมเลื่อนลำแขนแกร่งขึ้นกอดคอเพื่อนสาวที่ตอนนี้กำลังทำหน้างออยู่ “ไม่เอาน่า ฉันก็จะไปเรียนอยู่นี่ไง อย่าทำหน้างอดิ เดี๋ยวไม่สวยนะ”
“นายก็อย่าขาดเรียนอีกล่ะ เดี๋ยวจะเรียนไม่ทันเพื่อน แล้วอย่าหายไปไหนอีกนะ”
“นี่เป็นห่วงฉันเหรอ” ใบหน้าหล่อกระตุกยิ้ม
“ห่วงสิ ก็นายเป็นเพื่อนฉันนี่” หึ คงเป็นได้แค่เพื่อนสินะ นี่จะย้ำสถานะของฉันทำไมกัน รู้แล้วว่าเป็นได้แค่เพื่อนเท่านั้น
จบประโยคนี้ผมก็ไม่ได้พูดอะไรกับเธออีก จนกระทั่งเราทั้งสองเดินทางไปถึงมหาวิทยาลัย ดีหน่อยที่ในระหว่างอาทิตย์นี้ไอ้รุ่นพี่วิศวฯ เรียนไม่ตรงกับพวกเรา จะได้ไม่ต้องทนเห็นหน้า แต่น้ำขิงเธอดูจะสนใจแต่โทรศัพท์เป็นพิเศษ คงจะคุยกับมันสินะ
ทางด้านน้ำขิง เธอได้รับข้อความจากหนุ่มรุ่นพี่เป็นประจำทุกวันแม้ว่าเขาจะไม่ได้มาเรียน
ก็เรียกได้ว่าเดินหน้าจีบเธอนั่นแหละ ทักมาจีบกันทุกชั่วโมงเลยก็ว่าได้ สองสาวเพื่อนรักก็เอาแต่แซวจนแทบไม่กล้าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูอยู่แล้ว
แต่โชกุนนี่สิไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไร ทำหน้าไม่สบอารมณ์มาเป็นอาทิตย์แล้ว ถามคำก็ตอบคำ และแสร้งยิ้มให้ฉันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ฉันรับรู้ได้ว่าเขาไม่เหมือนเดิม
@ห้างสรรพสินค้า
.
1 เดือนต่อมา
เย็นวันนี้พี่ต้นชวนฉันไปกินข้าวด้วยกัน เพื่อนๆ ก็เชียร์กันเหลือเกิน ก็เลยตอบตกลงไป ความจริงตอนนี้ก็ยังไม่ได้คิดอะไรกับพี่เขาหรอก แต่พี่ต้นก็ดูน่ารัก ดูเฟลนด์ลีดี ลองคุยกันไปก่อนแล้วกัน
คราแรกพี่ต้นขอไปรับที่คอนโด แต่ฉันเลือกที่จะไปเองดีกว่า เลยนัดกันที่ห้างเลย
“ขอบคุณนะครับที่ยอมรับนัดพี่” พี่เขาส่งยิ้มหล่อละมุนมาให้ เห็นแล้วก็อดยิ้มตามไม่ได้
พี่ต้นเป็นผู้ชายคนแรกเลยก็ว่าได้ที่ฉันยอมคุยและออกมาเจอ เราคุยกันผ่านข้อความมาได้หนึ่งเดือนแล้ว พี่เขาก็หยอดมาทุกวัน ส่วนฉันก็ตอบกลับไปตามมารยาท
รับรู้มาตลอดว่าพี่เขาจีบ แต่ฉันก็แคร์ความรู้สึกของเพื่อนชายเหมือนกัน เขาดูไม่ค่อยชอบพี่ต้นสักเท่าไร ถ้าฉันตกลงคบกับพี่ต้น โชกุนกับพี่ต้นจะมีปัญหากันหรือเปล่า แล้วนี่ทำไมฉันจะต้องแคร์นายด้วย
หลังจากที่ฉันกับพี่ต้นกินข้าวด้วยกันเสร็จ เราก็เดินเล่นกันต่อ
“พะ…พี่ต้นคะ” หยุดชะงักไปทันที ก็ตอนนี้พี่เขากำลังจับมือของฉันอยู่
ฉันเลื่อนสายตามือหน้าพี่ต้นสลับกับมือที่กำลังจับกัน พี่ต้นยิ้มให้เท่านั้นแต่ไม่ยอมปล่อยมือ แล้วเราก็เดินเล่นกันไปแบบนั้นจนถึงเวลากลับ เขาก็เดินมาส่งที่รถ
“น้องน้ำขิงครับ” ฉันกำลังจะเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถ ก็ได้ถูกรุ่นพี่เรียกเอาไว้เสียก่อน
“คะ” ช้อนสายตาขึ้นมองคนตรงหน้า
“เป็นแฟนพี่นะครับ”
“อะ...อะไรนะคะ” เบิกตาโพลงกับประโยคนี้ ใจเต้นแรงอย่างสับสน เหมือนเวลาหยุดเดิน เพราะตอนนี้พี่เขากำลังจ้องหน้าฉันเพื่อรอฟังคำตอบ
“ว่าไงครับ เราคบกันนะ”
“เออ…คือ…” ฉันสับสนจริงๆ นะเวลานี้ ถามแบบไม่ได้ตั้งตัว ไม่ได้คิดคำตอบมาล่วงหน้าว่าจะต้องตอบอย่างไร
พี่ต้นเลื่อนมาจับมือของฉันอีกครั้ง “พี่สัญญาว่าพี่จะเป็นแฟนที่ดี ลองคบกันก่อนก็ได้ครับ” พูดพร้อมกับจ้องตากัน
“กะ…ก็ได้ค่ะ”
“จริงๆ นะครับ เป็นแฟนพี่แล้วนะ”
“ค่ะ” พอตอบตกลงพี่ต้นก็เลื่อนมาหอมแก้มอย่างรวดเร็ว แทบลืมหายใจไปเลย ไม่เคยมีใครทำแบบนี้กับฉันมาก่อน ก้มหน้าเขิน รู้สึกว่ามันร้อนหน้าไปหมด
“เวลาเขินแล้วน่ารักมากเลยนะครับ” ยิ่งถูกแซวก็ยิ่งเขิน
“น้ำขิงขอกลับก่อนนะคะ” พูดจบก็รีบเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถแท็กซีที่จอดรออยู่
นี่คิดดีแล้วใช่ไหมน้ำขิงที่ตอบรับพี่ต้น นั่งครุ่นคิดระหว่างทางกลับมาคอนโด แต่คงกลับคำไม่ได้แล้วล่ะ เพราะตอบตกลงคบกันไปแล้ว