บทที่ 1
บทที่ 1
ชีคฮาซัน คาซิน ฮารีมม์ ประมุขแห่งรัฐคาไลย รัฐเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของทวีปตะวันออกกลาง กำลังนั่งตีสีพระพักตร์เคร่งเครียดอยู่ภายในห้องทรงทำงาน ขณะนั่งรอผู้เป็นอนุชาที่กำลังบินตรงจากประเทศอังกฤษมายังรัฐคาไลยด้วยเครื่องบินส่วนตัว
“ผู้พันจะมาถึงกี่โมง” ชีคฮาซันตรัสถามองครักษ์ที่นั่งอยู่ไม่ห่างด้วยสุรเสียงค่อนข้างเครียด
“กระหม่อมคิดว่าผู้พันน่าจะมาถึงสนามบินแล้วพ่ะย่ะค่ะ อีกสักครู่ก็คงเดินทางมาถึงตำหนักของพระองค์พ่ะย่ะค่ะ”
องครักษ์เอ่ยรายงานประมุข ตามที่ตนเองได้รับข้อมูลมาจากคนสนิทของผู้พันหนุ่ม
ชีคฮาซันพยักพระพักตร์รับรู้ พอเหลือบดวงเนตรมองเอกสารที่อยู่เบื้องพระพักตร์ ซึ่งเตรียมไว้ให้อนุชาได้เอาไปอ่าน ก็ทรงสบถดังลั่นด้วยความโกรธกริ้ว
“นรก! นังผู้หญิงคนนี้มันกล้ามาก ที่บังอาจล้วงคองูเห่าอย่างเรา”
“ผู้หญิงหน้าไหนกันที่บังอาจล้วงคอราชสีห์อย่างท่านพี่ของน้อง”
น้ำเสียงที่เอ่ยสัพยอกกลั้วหัวเราะ ก่อนเจ้าตัวจะเดินเข้ามาถึง ทำให้ชีคฮาซันต้องหันขวับไปมองตามที่มาของน้ำเสียง เมื่อทอดดวงเนตรเห็นผู้ที่กำลังเฝ้ารอตั้งแต่เช้าตรู่ก็รีบผุดลุกขึ้นเดินไปหาอนุชาอย่างรวดเร็ว
“ผู้พัน ทำไมถึงมาช้านัก พี่รอเจ้าตั้งแต่เช้าแล้ว พี่มีเรื่องจะให้เจ้าจัดการให้พี่ด่วนที่สุด”
ประมุขแห่งคาไลยทรงเรียกอนุชาด้วยคำว่า ‘ผู้พัน’ แทนชื่อของอนุชาเสมอ เพราะพระองค์ทรงภาคภูมิใจในตัวอนุชาที่ไต่เต้าจากนายทหารยศเล็กๆ จนได้ติดยศพันเอกด้วยความสามารถของตนเองล้วนๆ ไม่มีการใช้อำนาจของพระองค์ในการเพิ่มยศแม้แต่น้อย
พันเอกจาฮัสด์ คาซิน ฮารีมม์ อนุชาต่างพระมารดาของชีคฮาซัน ผู้เหล่าหล่อระดับนายแบบ มีนัยต์ตาคมกริบดุจพญาอินทรี ได้ก้าวเท้าช้าๆ มาหยุดยืนอยู่เบื้องพระพักตร์ของเชษฐา แล้วเอ่ยแซวประมุขแห่งรัฐคาไลยต่อด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ
“ท่านพี่จะไม่ทักทายน้องเลยหรือพ่ะย่ะค่ะ น้องมาถึงไม่ทันหายเหนื่อย ท่านพี่ก็ทรงมอบหมายงานให้น้องทำต่อแล้วหรือ”
ชีคฮาซันคลี่ยิ้มบางๆ กับคำสัพยอกของอนุชา จากนั้นก็ทรงสวมกอดร่างใหญ่ล่ำสันของอนุชาไว้แนบแน่น
“พี่ขอโทษที่ทำตัวเป็นคนไร้มารยาทไปหน่อย ดีใจที่เจ้ารีบกลับบ้านตามคำสั่งของพี่”
ผู้พันจาฮัสด์หัวเราะร่วนสวมกอดเชษฐาไว้แนบแน่นด้วยความรักไม่แพ้กัน ก่อนจะเอ่ยตอบคำถามของเชษฐาในก่อนหน้านี้อย่างยียวน
“น้องต้องรีบมาอยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ เพราะท่านชีคฮาซันเล่นโทรตามน้องทุกห้านาที ขืนไม่กลับมาน้องคงอยู่ในอังกฤษไม่เป็นสุขแน่พ่ะย่ะค่ะ”
ชีคฮาซันต้องหัวเราะสุรเสียงก้องห้องทรงงานกับถ้อยคำเหน็บแนมแสบๆ คันๆ ของผู้เป็นอนุชา พระองค์ทรงคลายอ้อมแขนออกจากอนุชาเล็กน้อย ก่อนจะตรัสถามต่อ
“ผู้พันจาฮัสด์บอกพี่ว่ารีบมาจากอังกฤษ แต่ทำไมมาถึงบ้านช้านัก พี่รอเจ้าตั้งแต่เช้าแล้วรู้หรือเปล่า”
ผู้พันจาฮัสด์เดินตรงไปยังมุมบาร์ภายในห้องทรงงานใหญ่โตหรูหราของเชษฐา จากนั้นก็รินบรั่นดีมาดื่มครึ่งแก้ว แล้วเอ่ยตอบเชษฐาอย่างเห็นเป็นเรื่องปกติ
“ท่านพี่จะโทษน้องไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะที่น้องมาช้า เพราะตอนท่านพี่โทรศัพท์ไปหาน้องนั้น น้องกำลังเล่นจ้ำจี้กับนางแบบอยู่ ครั้นจะให้น้องทิ้งเธอมากลางคันก็คงไม่ได้ น้องเลยอยู่ปฏิบัติภารกิจให้บรรลุเป้าหมาย ก่อนจะเดินทางมาหาท่านพี่พ่ะย่ะค่ะ”
ชีคฮาซันแทบสำลักกับคำตอบของอนุชา พร้อมกันนั้นก็ทรงตรัสดักคออย่างรู้เท่าทันนิสัยขออนุชาดีว่าเป็นคนอย่างไร
“แล้วตอนอยู่บนเครื่องบินก็ไม่ได้อยู่เฉยๆ ใช่ไหมผู้พัน”
“จะให้อยู่เฉยๆ ได้ยังไงล่ะท่านพี่ บินจากอังกฤษมารัฐคาไลยต้องใช้เวลาสิบชั่วโมงกว่า น้องก็หาอะไรทำเพลินๆ แก้เซ็งบ้างสิท่านพี่”
“กี่คน” ชีคฮาซันตรัสถามสั้นๆ และผู้พันหนุ่มก็เอ่ยตอบเชษฐาอย่างสั้นๆ เช่นเดียวกัน
“สาม”
“นี่เจ้าถูกรุมหมู่เลยหรือผู้พัน” ชีคฮาซันตรัสถามสุรเสียงหลง ส่ายพระพักตร์ด้วยความหนักใจกับนิสัยเพลย์บอยของอนุชา
ผู้พันจาฮัสด์หัวเราะร่วนกับคำถามของเชษฐา พลางเอ่ยแก้ต่างให้กับตนเอง
“โธ่...ท่านพี่ เห็นน้องเป็นคนชอบเล่นเซ็กหมู่ไปได้”
“แล้วเจ้าทำตามที่พี่พูดหรือเปล่า”
“เปล่าพ่ะย่ะค่ะ น้องไม่ชอบเซ็กหมู่ เพราะมันทำให้น้องไม่รู้ว่าผู้หญิงคนไหนเก่ง และผู้หญิงคนไหนที่ทำให้น้องมีความสุขที่สุด”
เพลย์บอยตัวยงอย่างผู้พันจาฮัสด์เอ่ยตอบเสียงราบเรียบ เซ็กหมู่ไม่เคยอยู่ในหัวสมองของเขา และผู้หญิงที่เขาพามาด้วยทั้งสามคน ก็ถูกส่งกลับประเทศทันทีที่เครื่องบินลงจอดบนแผ่นดินรัฐคาไลย
“เพลาๆ เรื่องผู้หญิงไว้บ้างนะผู้พัน” ชีคฮาซันตรัสเตือนอนุชา ก่อนจะตรัสถามต่อ “กลับมาครั้งนี้จะมาอยู่บ้านเลยหรือจะกลับไปอังกฤษอีก”
“น้องไม่กลับไปอังกฤษแล้วพ่ะย่ะค่ะ ภารกิจลับในประเทศอังกฤษ เสร็จสิ้นก่อนท่านพี่จะโทรไปตามน้องแค่ไม่กี่ชั่วโมงพ่ะย่ะค่ะ”
ผู้พันจาฮัสด์ไม่จำเป็นต้องบอกเชษฐาว่าภารกิจลับของตนนั้นคืออะไร เพราะภารกิจนี้เขาได้รับคำสั่งจากตัวเชษฐาให้ไปปฎิบัติเมื่อหลายเดือนก่อน
“ดีแล้วที่ไม่ต้องกลับอังกฤษอีก เพราะพี่มีงานสำคัญให้ผู้พันทำ”
ชีคฮาซันตรัสบอกสุรเสียงเคร่งเครียดระคนเต็มไปด้วยความเจ็บพระทัย ทว่าผู้เป็นอนุชาไม่ทันได้สังเกต เพราะมัวให้ความสำคัญกับเรื่องอื่นแทน
“สำคัญมากเลยหรือท่านพี่ ถ้ายังไงน้องขอจัดการหลังจากพิธีอภิเษกของท่านพี่เสร็จสิ้นก่อนนะพ่ะย่ะค่ะ”
“จะไม่มีพิธีอภิเษกเกิดขึ้นทั้งนั้นผู้พัน!”
คำตอบของเชษฐาทำเอาผู้พันจาฮัสด์ต้องเบิกตากว้างด้วยความสงสัย ตอนนี้ราษฎรทั่วทั้งรัฐคาไลยต่างก็รู้ดีว่าเหลือเวลาไม่ถึงสัปดาห์ ประมุขแห่งรัฐคาไลยก็จะเข้าพิธีอภิเษกกับหญิงสาวชาวไทยที่ทรงหลงรัก และเลือกแล้วว่าให้เป็นพระชายาของพระองค์
“ท่านพี่หมายความว่าอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ ที่บอกว่าจะไม่มีการอภิเษกเกิดขึ้น”
“นังผู้หญิงแพศยาคนนั้นมันหนีไปแล้ว” ชีคฮาซันตรัสลอดไรฟัน ดวงเนตรลุกโชนด้วยดวงไฟลูกใหญ่
“อะไรนะท่านพี่ น้องไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ” ผู้พันจาฮัสด์ถามย้ำเสียงดัง ราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่เชษฐาตรัสออกมา
“น้องยังไม่เคยเห็นผู้หญิงของพี่ใช่ไหม”
“ยังพ่ะย่ะค่ะ ภารกิจของน้องมันมีอันตรายรอบตัวจนน้องไม่อาจละสายตาจากงานที่กำลังทำอยู่ได้”
ชีคฮาซันทรงเดินไปหยิบซองเอกสารสีน้ำตาลมาจากโต๊ะทำงาน จากนั้นก็ยื่นให้อนุชาพร้อมกับตรัสบอกสุรเสียงห้วนจัด
“เอารูปผู้หญิงแพศยา พิษสงรอบตัวไม่ต่างจากงูพิษไปดูซะสิผู้พัน”
“ทำไมหรือพ่ะย่ะค่ะท่านพี่ เธอคนนี้ทำอะไรกับท่านพี่”
คราวนี้ผู้พันเจาฮัสด์เอ่ยถามเชษฐาเสียงเข้มไม่แพ้กัน อีกทั้งนึกในใจว่าใครคืองูพิษที่บังอาจคิดทำร้ายเชษฐาของเขา พอหยิบภาพถ่ายนับสิบๆ ภาพออกมาจากซองเอกสาร ก็กวาดสายตาคมกริบจ้องมองแต่ละภาพเขม็ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นแล้วเอ่ยถามเชษฐาเสียงเย็นยะเยือก
“เธอทำอะไรท่านพี่”
“พี่เจอจิลลาภาในประเทศไทย และพี่ก็สนใจเธอในทันที จึงให้องครักษ์ติดต่อไป และเธอก็รับคำเชิญของพี่ทันทีเช่นเดียวกัน”
“รับคำเชิญเพราะท่านพี่เสนอเงินและของกำนัลจำนวนมหาศาลให้เธอด้วยใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ” ผู้พันจาฮัสด์ดักคอเชษฐา เพราะรู้ว่าเชษฐามักจะทำเช่นนี้เป็นประจำอยู่แล้ว
“ใช่ผู้พัน พี่เสนอทั้งเงิน บ้าน และรถให้เธอเหมือนผู้หญิงทุกคนที่พี่พึงพอใจ แต่สำหรับจิลลาภาหรือใยไหม พี่บอกได้เต็มปากเต็มคำว่าพี่รักเธอ เธอเอาใจพี่สารพัดอย่าง รู้ว่าพี่ชอบอะไร เธอก็ปรนเปรอสิ่งนั้นให้ไม่ขาด จนพี่ตัดสินใจขอเธอแต่งงานด้วย”
“แล้วผู้หญิงแพศยาคนนี้ทรยศท่านพี่อย่างไร”
ผู้พันจาฮัสด์เอ่ยถามเสียงเย็น ขณะก้มลงมองภาพถ่ายของหญิงสาวผู้นี้อีกครั้ง ดวงตาคมกริบแข็งกร้าวขึ้นมาฉับพลันเมื่อจ้องมองผู้หญิงแพศยาตามที่เชษฐาตรัสมา
“นังใยไหม มันวางยาพี่”