“ฉันต้องการกลับบ้าน ตอนนี้ทุกคนกำลังเป็นห่วงฉัน คุณเข้าใจไหม ฉันต้องการกลับบ้าน” ของขวัญบอกแล้วทำท่าจะร้องไห้ แต่เธอก็กลั้นมันไว้แล้วรอคอยคำตอบ
เบนจามินหรี่ตามอง แล้วบอกเสียงเรียบ “เราจะไปคุยกันที่โต๊ะอาหาร”
“ฉันขอโทรศัพท์กลับบ้านก่อนได้ไหม” ของขวัญต่อรอง และเบนจามินใช้เวลาคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงพยักหน้าอนุญาต ก่อนจะหันหลังเดินออกไปเพื่อให้ของขวัญได้มีเวลาส่วนตัว จากนั้นคนหายออกจากบ้านมาหนึ่งคืนก็ต่อสายหาทุกคนที่โทร.มา
บนโต๊ะอาหารที่ถูกจัดแบบอเมริกันเบรกฟาสต์ ของขวัญที่กลับมานั่งบนโต๊ะอาหารเรียบร้อยแล้ว หลังจากโทร.หาทุกคนเสร็จโดยเธออ้างกับมารดาว่าเมื่อคืนเลิกงานดึกจึงค้างที่บริษัทฯ กับคุณมุกที่เป็นนายจ้าง ส่วนเช้านี้ที่ยังไม่กลับบ้านเพราะเธอมาทำงานแม่บ้านต่อเลยทันที โดยของขวัญบอกมารดาว่าช่วงนี้เธอจะมาทำงานแม่บ้านแทนเองให้มารดาพักผ่อนอยู่บ้านไปก่อน และเธอจะบอกเรื่องนี้แก่สมเกียรติเอง ซึ่งนางขนิษฐาก็ไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร แต่พอต่อสายถึงสมเกียรติเท่านั้นแหละที่ทำให้หัวใจของของขวัญหล่นวูบ
“เมื่อวานพี่ลืมบอกน้องขวัญว่านายฝรั่งเจ้าของห้องเขาจะกลับมาและจะอยู่พักสักสองอาทิตย์ ว่าแต่น้องขวัญทำงานเรียบร้อยดีใช่ไหม และเช้านี้เข้าไปทำความสะอาดแล้วใช่หรือเปล่า”
ของขวัญแทบอยากทะลุสายโทรศัพท์เอามีดไปเสียบอกคนอีกฟาก อีตาสมเกียรติเพิ่งมาบอกอะไรวันนี้ มันไม่ทันแล้ว ชีวิตฉันต้องพังพินาศจบสิ้นลงก็เป็นเพราะแกแค่ลืมบอกฉันเท่านั้นหรือเนี่ยโธ่ ชีวิตฉัน ของขวัญหมดแรงจะปล่อยโฮได้แต่ทอดถอนใจในความโชคร้ายของตัวเอง แต่เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่เธอจะมานั่งคร่ำครวญเสียใจ แต่เธอต้องหาทางหนีไปจากที่นี่ให้ได้ต่างหาก
หลังรับปากสมเกียรติไปอย่างกรุ่นโกรธแล้วว่าทางนี้เรียบร้อยดี เธอก็ไม่กล้าบอกเขาเรื่องที่ตัวเองถูกข่มขืนกระทำชำเราได้แต่บอกว่าเธอสบายดีและมาทำงานได้ปกติเพราะอับอายเกินกว่าจะบอกใครได้ หลังวางสายสมเกียรติ ของขวัญก็เดินกลับไปที่ห้องนอนอย่างหดหู่แล้วต้องยืนหมุนคว้าง
“มันไม่ใช่ห้องเรานี่นา แล้วจะมีเสื้อผ้าเราอยู่ได้ยังไง” ของขวัญอยากจะเขกศีรษะตัวเองอีกสักหลาย ๆ รอบ เธอคงเสียสติจากเรื่องเมื่อคืนไปแล้ว ของขวัญพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะตัดสินใจกระชับเสื้อคลุมนอนตัวโคร่งใหญ่ให้กระชับแน่นขึ้นแล้วเดินสงบเสงี่ยมไปที่โต๊ะ
“ฉันจะไม่เอาผิดแจ้งตำรวจที่คุณข่มขืนฉันก็ได้ แต่ช่วยกรุณาปล่อยฉันออกไปได้ไหม” ของขวัญบอกคนที่นั่งดื่มกาแฟดำตรงหน้า และทำให้เบนจามินแค่นหัวเราะ
“ผมไม่กลัวตำรวจ”
“คุณคงเป็นพวกมีเส้นสายใหญ่โตมากสินะ” ของขวัญอดกระแนะกระแหนไม่ได้ แล้วต้องข่มอารมณ์ “แต่ฉันอยู่ที่นี่กับคุณสองอาทิตย์ไม่ได้หรอก ฉันมีงานต้องทำ มีแม่ต้องดูแล ถ้าคุณต้องการผู้หญิงอย่างว่าฉันคิดว่าคนมีเงินอย่างคุณคงหาไม่ยาก”
“ที่ผมบอกว่าไม่กลัวตำรวจ ก็เพราะว่าผมไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมายต่างหาก” เบนจามินสวนกลับเร็ว แล้วทำให้ของขวัญหัวเราะ
“เฮอะไม่ผิด คุณข่มขืนฉันทั้งที่ฉันไม่เต็มใจ แบบนี้เรียกว่าไม่ผิดหรือ หรือว่าที่บ้านเกิดเมืองนอนของคุณเรื่องแบบนี้เขาไม่ถือว่าผิดกฎหมาย” ของขวัญถามเสียงดังตามแรงอารมณ์ แล้วได้สายตาหรี่มองของเบนจามินมองกลับมา
“ก็นี่มันเป็นงานของคุณไม่ใช่เหรอ” เขาเถียงกลับและถอนหายใจทำหน้าเบื่อหน่าย “อ้อ แล้วหยุดด่าว่าหาว่าผมข่มขืนคุณสักที ผมชักเบื่อ รำคาญมากแล้ว ถึงคุณจะน่ารักน่าฟัดเป็นบ้าแต่ถ้าสมองเสื่อมแบบนี้บ่อย ๆ ผมก็รับไม่ไหว”
เบนจามินว่าเสียงเรียบ ขณะที่ของขวัญถลึงตา กำหมัดแน่น
“อร๊ายย อีตาบ้า ใครบอกว่าการนอนกับคุณเป็นงานของฉันกัน ฉันเป็นเมท เป็นแม่บ้านที่คอยทำความสะอาดห้องนี้ต่างหาก”
“เธอว่ายังไงนะ”
“ใช่ครับเจ้านาย เธอเป็นเมทที่คอยดูแลทำความสะอาดห้องนี้ครับ ไม่ใช่ผู้หญิงที่ผมจัดไว้ให้นาย” เสียงของเควิน ก้มหน้าบอก
“ใช่ แล้วมันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น ใครส่งผู้หญิงคนนี้เข้ามากัน” เบนจามินตวาดกลับเสียงดัง หลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงสแล็กเรียบร้อย
ภายในห้องทำงานที่จัดแบ่งสัดส่วนไว้อย่างดี มีเควินกับลูอิสยืนก้มหน้ารอการคาดโทษอยู่
“จากที่ผมตรวจสอบแล้วเธอเป็นเมทของที่นี่ แต่คนที่คอยจัดการดูแลเรื่องนี้ไม่ได้บอกเธอว่านายจะมาวันนี้เธอถึงยังอยู่ในห้องและไม่ทราบว่านายเป็นใครด้วยครับ”
เบนจามินฟัง เรื่องนั้นเขารู้แล้วของขวัญบอกเขาแล้วที่โต๊ะอาหารว่าเจ้านายที่ดูแลเธออีกทีไม่ได้บอกว่าเขาจะมาพักสองอาทิตย์จึงทำให้เธอทำความสะอาดไม่ทัน และด้วยความเหนื่อยอ่อนจึงเผลอหลับไป
เบนจามินเดินหงุดหงิด งุ่นง่าน คิดถึงคำบอกของเควินและเสียงคร่ำครวญขอร้องของของขวัญที่พยายามเอาตัวรอดบอกเขาแต่เขาก็ไม่ฟัง ตอนนี้คำพูดของเควินเป็นดั่งไม้หน้าสามที่ฟาดลงกลางศีรษะของคนที่เข้าใจผิดไปใหญ่โตและย่ำยีหญิงสาวคนหนึ่งไปหลายสิบครั้งเมื่อคืน เบนจามินหน้าเครียด กรามขบกันแน่น
“แกปล่อยให้มีเรื่องผิดพลาดขนาดนี้เกิดขึ้นได้ยังไง หา เควิน นายด้วยลูอิส ทำไมไม่ตรวจสอบให้ดีก่อน แล้วถ้าหากของขวัญเป็นมือสังหารเข้ามาลอบฆ่าฉัน เธอคงทำสำเร็จไปแล้ว”
“ผมขอโทษครับนาย” เสียงเควินพูดขึ้นก่อน “ผู้หญิงที่ผมหาไว้ให้นายหายตัวไป ทีแรกผมคิดว่านายเดินทางมาเหนื่อย ๆ เลยจัดเตรียมไว้ให้ แต่จู่ ๆ คนที่ผมเตรียมไว้ก็หายตัวไป ตอนนี้กำลังส่งคนของเราไปสืบอยู่ครับ”
“บ้าฉิบ คราวหลังถ้าฉันต้องการฉันจะให้ลูอิสบอกนายเอง”
“ผมขอโทษอีกครั้งครับนาย” เควินก้มหน้างุดบอก
“ผมก็ด้วยครับนาย ผมขอโทษที่ไม่ตรวจสอบให้ดีก่อน” ลูอิสพูดขึ้นบ้างก่อนจะหันมองหน้ากันกับเควิน เขาทั้งสองเป็นเพื่อนรักกันมานาน ถึงขั้นตายแทนกันได้ เพราะฉะนั้นความผิดแค่นี้พวกเขาจึงไม่โยนขี้ใส่กัน แต่ต่างร่วมกันรับผิดจนทำให้คนเป็นนายต้องถอนหายใจยาว
“ถือเป็นความผิดครั้งแรก คราวหลังอย่าให้หละหลวมเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้อีก เพราะถ้ามีครั้งหน้าพวกนายเตรียมหางานใหม่ได้เลย” เบนจามินคาดโทษ
“ถ้าอย่างนั้นนายจะให้ผมพาเธอกลับไปส่งบ้านเลยไหมครับ ผมจะได้จัดการพาเธอไปส่ง” เควินถามขึ้น อย่างคนต้องการแก้ตัว
“ไม่ต้อง”
จากน้ำเสียงปฏิเสธเด็ดขาดทำให้ลูกน้องคนสนิททั้งสองหันมองหน้ากัน
“เรื่องนี้ฉันจะจัดการเอง แล้วเรื่องที่ฉันสั่งทำเสร็จหรือยัง” ด้วยว่าเควินประจำอยู่ที่กรุงเทพฯ มานานกว่าลูอิสเรื่องนี้เขาจึงมอบหมายให้เป็นหน้าที่ของเควิน
“ครับเจ้านายขอผมโทร.เช็กสักครู่” จากนั้นเควินก็เดินหายออกไปนอกห้องครู่หนึ่ง ก่อนจะกลับเข้ามา “เรียบร้อยครับได้ตามที่เจ้านายสั่งทุกรายการ”
“ดีมาก งั้นพวกนายไปได้แล้ว และอย่าโผล่มาให้เห็นหน้าอีกถ้าฉันไม่ได้เรียก”