บทที่ 1
กุมภาพันธ์ 2552
ท่าเรือกรุงเทพมหานคร...
สายฝนหลงฤดูที่โปรยปรายเย็นชื่นฉ่ำในคืนเดือนมืดกระหน่ำเทลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตาราวกับท้องฟ้ารั่ว ละอองฝนเย็นยะเยือกกระทบใบหน้างามจนทำให้ดวงตาพร่ามัวมองไม่เห็นท้องถนน น้ำฝนที่ขังเจิ่งนองตามพื้นถนนสกปรก กลิ่นอับชื้นคาวปลา กลิ่นน้ำทะเลลอยมาพร้อมกับสายลมสายฝน ไม่ได้เป็นอุปสรรคสำหรับการหลบหนี...
หญิงสาวรูปร่างโปร่งบางเนื้อตัวเปียกซกผมยาวสลวยถึงกลางหลังลูบติดกับหนังศีรษะ ชุดนอนสีขาวที่ถูกบังคับให้สวมใส่โดยแม่บ้านใจมารเปียกชื้นแนบติดกับลำตัวจนมองเห็นสัดส่วนได้อย่างชัดเจน ทั้งเนื้อทั้งตัวมีแค่ชุดนอนกับผ้าพันคอผืนเล็กติดตัวมาด้วย เท้าเล็กเปล่าเปลือยพาเจ้าของวิ่งลัดเลาะไปตามตรอกซอกซอย ใบหน้างามตกใจตื่นรีบสอยเท้าให้เร็วขึ้นเมื่อได้ยินเสียงตะโกนสบถด่าลูกน้องไล่หลังเธอมาติดๆ
ร่างโปร่งบางทรุดฮวบเอนตัวไปพิงกับกำแพงหนา ริมฝีปากอวบอิ่มกัดเม้มเข้าหากันเพื่อระงับอาการเจ็บปวดที่กำลังแล่นเข้าสู่กาย ฟันขาวสะอาดขบเนื้อด้านในขณะที่ดึงเศษแก้วออกจากฝ่าเท้า เลือดอุ่นไหลลงเป็นทางยาวทันทีที่เศษแก้วขนาดฝ่ามือหลุดออกมา ผ้าพันคอผืนเล็กถูกเอามาพันแผลไว้อย่างลวกๆ ก่อนที่เจ้าตัวจะกัดฟันฮึดสู้พยุงกายลุกขึ้นแล้วพยายามวิ่งเขยกๆ หลบหนีการไล่ล่าต่อ เธอยอมตายดีกว่าต้องกลายไปเป็นทาสทางกามารมณ์ให้เสี่ยพารุณ
เสียงตะโกนด่า เสียงฝีเท้านับสิบๆ คู่ที่ดังมากระชั้นชิดทำให้หญิงสาวรีบวิ่งเร็วขึ้นไม่นำพาต่ออาการปวดแปลบที่ฝ่าเท้าซึ่งกำลังประดังเข้ามาจนแทบทนไม่ได้ เมื่อวิ่งพ้นหัวมุมตึกเก่าๆ เธอก็พบกับท่าเรือซึ่งบัดนี้เงียบสงบปราศจากผู้คน เรือประมง เรือขนสินค้ารวมทั้งเรือสำราญจอดสงบนิ่งลอยลำอยู่บนผืนน้ำ เรือทุกลำเปิดไฟสว่างจ้ามีลูกเรือเดินขวักไขว่ตากน้ำฝนอยู่บนดาดฟ้า ยกเว้นเรือสำราญที่มีตัวหนังสือสีทองพาดตัวเรือดูงดงามสมกับชื่อ ‘The Royal Adamas’
เรือสำราญสีขาวหรูขนาดสี่หมื่นตันปราศจากลูกเรือบนดาดฟ้า ดวงไฟเล็กๆ ถูกเปิดให้ความสว่างแค่ไม่กี่ดวง เสียงสบถด่าที่กระชั้นชิดขึ้นมาทุกทีทำให้หญิงสาวไม่มีเวลาตัดสินใจแล้ว เท้าเล็กๆ เปล่าเปลือยวิ่งไปบนสะพานเรือโดยไม่ลืมหันหลังไปมองมัจจุราชร้ายที่กำลังตามมาติดๆ
“จับมันมาให้ได้ ใครจับอีนังโสภณีไม่มีแม่ได้ กูจะตบรางวัลให้อย่างงาม”
เสี่ยพารุณเบิกตากว้างแทบจะถลนออกมานอกเบ้าด้วยความโกรธ ลำแขนอวบอูมด้วยไขมันยกมือลูบใบหน้าที่มีเลือดออกซิบๆ ตามรอยเล็บที่ถูกข่วนก่อนหน้านี้ไม่กี่ชั่วโมง
ลูกน้องนับสิบคนต่างพยักหน้ารับด้วยท่าทางหื่นกระหายรู้ว่ารางวัลที่ได้รับนอกจากจะเป็นเงินแล้วยังหมายถึงตัวหญิงสาวที่พวกเขากำลังตามหาอยู่ด้วย
เสี่ยพารุณกับลูกน้องที่พกอาวุธครบมือหยุดหอบอยู่บริเวณท่าเรือต่างก็หันซ้ายหันขวาเมื่อปราศจากแม้แต่เงาของหญิงสาวที่พวกเขาต้องการ
“นังอีตัวมันหายไปได้ไงว่ะ”
เสี่ยพารุณสบถเสียงดังฟาดปืนไปบนใบหน้าลูกน้องที่อยู่ใกล้มือใกล้ตีนด้วยความโมโหที่อาหารอันโอชะกำลังจะหลุดลอยไป
“ค้น! ค้นให้หมดทุกลำ อีนังโสเภณีมันต้องหลบอยู่บนเรือลำใดลำหนึ่งแน่นอน”
“เสี่ยครับ ไต้ก๋งเรือมันจะให้เราค้นหรือครับ” ลูกน้องที่ถูกตบเลือกกบปากเอ่ยถามอย่างขลาดๆ
“ไม่ให้ค้นก็ยิงทิ้งสิวะ จะเก็บไว้ทำซากอะไร”
เสี่ยพารุณสบถด่าจากนั้นก็ส่งสัญญานให้ลูกน้องออกค้นหาหญิงสาวที่ตนต้องการ ไต้ก๋งลำไหนไม่อนุญาตให้เข้าค้นในเรือก็จะถูกลากมายังท่าเรือบริเวณที่เสี่ยพารุณยืนรออยู่ จากนั้นทั้งปืนทั้งตีนก็ถูกประเคนเข้าใส่อย่างไม่ยั้งจนต้องยอมให้ลูกน้องนับสิบๆ คนของเสี่ยพารุณเข้าไปค้นภายในลำเรือได้ตามสบาย
ทุกคราที่ได้ยินเสียงฝ่าเท้าเสียงปืนที่ประเคนเข้าใส่ไต้ก๋งพร้อมกับเสียงร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด หญิงสาวที่ซ่อนกายอยู่ในช่องว่างของลังสัมภาระที่ถูกวางไว้บนดาดฟ้าเรือก็มีอันต้องยกมือปิดปากตัวเองไว้แน่นไม่ให้เสียงร้องด้วยความหวาดกลัวเล็ดรอดออกมาให้คนใจอำมหิตได้ยิน เธอยกมือปาดน้ำฝนออกจากใบหน้าแอบมองลอดช่องว่างเล็กๆ เห็นไต้ก๋งเรือหาปลาที่อยู่ติดกับเรือสำราญถูกตบด้วยด้ามปืนจนล้มฟุบกับพื้น
เสี่ยพารุณยกเท้าเหยียบบนอกไต้ก๋ง ปืนในมือยกขึ้นจ่อหัวไต้ก๋งแก่ๆ ที่กำลังยกมือไหว้ร้องขอชีวิตตนไว้ จากนั้นลูกน้องของเสี่ยพารุณก็กรูขึ้นไปบนเรือหาปลาลำเล็ก เมื่อไม่พบคนที่ต้องการเสี่ยพารุณก็จ้องมองมาบนเรือสำราญลำใหญ่ หญิงสาวรีบหลบเข้ากับช่องว่างของลังสัมภาระด้วยกลัวว่าอีกฝ่ายจะมองเห็น เธอยกมือไหว้น้ำตาคลอเบ้าภาวะนาขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยเธอด้วย อย่าให้คนชั่วเหล่านี้หาเธอเจอ อย่าให้เธอต้องตกไปเป็นทาสความป่าเถื่อนของเสี่ยพารุณเลย
กัปตันบารอน ดี ทีสต์ หนุ่มลูกครึ่งไทย-อเมริกัน เจ้าของบริษัทเดินเรือ The Royal Adamas Group ที่มีสาขาอยู่ทั่วโลก นอกจากมีกิจการเดินเรือเป็นของตนเองแล้วเขายังเป็นกัปตันเรือ The Royal Adamas ด้วย
กัปตันหนุ่มปิดโน๊ตบุ๊คลงแล้วลุกขึ้นยืนบิดคอไปมาเพื่อไล่อาการเมื่อยขบ เสื้อกล้ามสีขาวสะอาดถูกถอดออกจากเรือนกายเผยให้เห็นอกกว้างแข็งแกร่งสีแทน ไรขนอ่อนๆ มีให้เห็นประปรายทั่วมัดกล้ามเรื่อยลงมาแล้วหายเข้าไปในขอบกางเกง เท้าแข็งแรงก้าวยาวๆ ตรงไปยังห้องน้ำแต่ยังไม่ทันจะได้เปิดเข้าไปก็ได้ยินเสียงต้นหนของเรือเคาะประตูเคบินพร้อมกับตะโกนเรียกเสียงดัง
“กัปตันครับ กัปตันบารอนครับ”
กัปตันหนุ่มเดินไปเปิดประตูเคบินออกกว้างพร้อมกับกระชากเสียงถามต้นหนเรือที่ยืนทำหน้าเรียบเฉยอยู่หน้าห้องของเขา
“มีเรื่องอะไร”
“มีนักเลงกระจอกจะขึ้นมาค้นบนเรือของเราครับ”
ลุกซ์ ต้นหนเรือวัยค่อนคนซึ่งเป็นมือขวาของกัปตันเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงติดจะราบเรียบ
กัปตันบารอนชักสีหน้าไม่พอใจ เดินกลับไปคว้าเสื้อเชิ้ตสีตุ่นมาใส่อย่างรีบร้อนและสิ่งที่ขาดไม่ได้ที่เขาคว้าติดมือมาด้วยคือปืนเก็บเสียงรุ่นใหม่ล่าสุดที่เพิ่งสั่งมาจากต่างประเทศ เรื่องประสิทธิภาพไม่ต้องพูดถึงมันใช้ได้ดีสมกับราคาแพงหูฉี่ที่จ่ายไป เขาก้าวเท้ายาวๆ เดินออกจากเคบินขึ้นไปบนดาดฟ้า ซึ่งตอนนี้มีลูกเรือของเดอะรอยัล อาดามัส เกือบทั้งหมดกำลังยืนคุมเชิงอยู่จนกว่าเขาจะไปถึง บรรดาลูกเรือต่างก็หลบทางให้กัปตันหนุ่มที่เดินตีสีหน้าเรียบเฉยแต่ทรงได้ด้วยพลังอำนาจที่น่าเกรงขาม
กัปตันบารอนมองลงไปด้านล่างท่าเรือเห็นมีกลุ่มชายฉกรรจ์ราวๆ สิบคนเห็นจะได้กำลังพยายามขึ้นมาบนสะพานเรือโดยมีลูกเรือของเขาสี่ห้าคนลงไปกันไว้
“พวกมันมาทำไม” กัปตันบารอนหันมาเอ่ยถามต้นหน
“มาหาผู้หญิงครับกัปตัน ไอ้คนที่ยืนหน้าสุดมันบอกว่าอีตัวที่มันหิ้วมาจากไนต์คลับทำร้ายมัน มันจะมาตามตัวกลับไปครับ”
ลุกซ์เอ่ยบอกตามข้อมูลที่ได้มาจากลูกเรือ กัปตันบารอนพยักหน้ารับรู้แต่ไม่ได้เอ่ยออกมา นัยน์ตาสี
ทองจ้องมองไปยังกลุ่มคนข้างล่างเขม็ง
“ขึ้นไปลากไต้ก๋งมันลงมาเดี๋ยวนี้”
เสี่ยพารุณสั่งลูกน้องเสียงดังด้วยความโกรธ เรือเดอะรอยัล อาดามัส เป็นเรือลำเดียวในท่าน้ำที่ไม่ยอมให้ลูกน้องของเขาขึ้นไปค้นบนเรือได้ง่ายๆ
เมื่อได้รับคำสั่งจากเจ้านาย ลูกน้องทุกคนก็ขยับเข้ามาประชิดสะพานเรือ แต่ไม่สามารถขึ้นไปได้ง่ายๆ เพราะมีลูกเรือเดอะรอยัล อาดามัส ขวางทางไว้