Ginx’ s to meet you.
[9]
ออกเดตกับ...
“งานโฆษณาครีมใช่ไหมคะ? ได้ค่ะ ฉันรับงานค่ะ เริ่มถ่ายตอนไหนก็ติดต่อมาได้เลยนะคะ สวัสดีค่ะ”
วางสายและจรดปลายปากกาลงบนสมุดเล่มขนาดพอดีสำหรับใส่กระเป๋า วันนี้ช่วงสายของวันฉันนั่งอยู่ในห้องรับแขกของบ้านคุณจินับตั้งแต่กลับจากทะเลเวลาผ่านมาร่วมหนึ่งอาทิตย์คุณจิณณ์ก็หายไปอีกเช่นเคย ที่ไม่เหมือนเดิมเลยคือคุณจิที่ดูเหมือนจะค่อนข้างไม่สบายใจเพราะกลัวว่าคุณจิณณ์จะไปหาผู้หญิงคนนั้นและโดนทำร้ายมาอีก ฉันก็อยากจะบอกคุณจินะว่าไม่ต้องไปสนใจหรอก อยากจะโดนซ้อมหรืออยากตายก็ปล่อยไปเถอะ ถ้าจะดื้อขนาดนั้นโดยไม่ฟังเหตุผลของพ่อและเอาแต่ฟังความคิดของตัวเองเป็นใหญ่ขนาดนั้น
“รับงานเยอะเลยเหรอลูก” ฉันเงยหน้าสบตากับแม่ที่เอาน้ำผลไม้มาให้พร้อมกับผลไม้ที่หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ
“ค่ะ ทางนั้นติดต่อมา ไนล์ก็อยากรับไม่อยากปฏิเสธสักเท่าไหร่”
“จะไม่หนักไปใช่ไหมลูก?” แม่นั่งบนโซฟาโดยที่ฉันนั่งด้านล่างกำลังจดรายละเอียดงานเพื่อแบ่งเวลาสำหรับรับงานอื่นด้วย ฉันอยากทำงานและไม่อยากหมกหมุ่นเรื่องของคุณจิณณ์อีกต่อไปแล้วล่ะ โทรไปก็ไม่รับเหมือนเดิมฉันก็ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำบ้าอะไรทั้งที่ควรอยู่ในที่ของตัวเองด้วยซ้ำ
“สบายมากค่ะ” เพราะงานคือเงินและเงินก็คืองาน งานจะหนักแค่ไหนฉันก็สู้ไม่ถอยอยู่แล้วล่ะ “คุณจิเป็นไงบ้างคะ”
“ก็ดีขึ้นนะ แม่พยายามชวนเขาไปเที่ยวบ้างจะได้ผ่อนคลาย”
“ดีแล้วค่ะ คุณจิจะได้ไม่ต้องคิดถึงเรื่องลูกชายตัวเองให้มาก” ลูกชายที่ไม่เคยเข้าใจในความหวังดีของเขาน่ะ ตัดหางปล่อยวัดไปยิ่งดีเลยฉันอยากนะยุยงแบบนี้นะ แต่ก็ทำไม่ได้น่ะสิ
“อย่าพูดแบบนั้นสิลูก” แม่เอ็ดฉันเสียงดุ “ยังไงคุณจิณณ์ก็เป็นลูกชายคนเดียวของคุณจิ เขาคือทุกอย่างในชีวิตคุณจิเลยนะ จะพูดแบบนี้ไม่ได้นะไนล์”
“ขอโทษค่ะ” ถ้าแม่พูดแบบนี้แสดงว่ายังไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นสินะว่าทำไมฉันถึงได้พูดแบบนี้
“แม่จะขึ้นไปดูคุณจิ”
“ไนล์ขอเคลียร์ตารางงาน อาจจะแวะไปหาเกรซด้วยค่ะ” คงต้องพึ่งพาคนของคุณจิให้ไปส่งแล้วล่ะ เพราะคุณจิณณ์ไม่โผล่หัวมาแบบนี้ฉันก็ยังไม่รู้เลยว่ารถของฉันจะเสร็จตอนไหนน่ะ ถอนหายใจและหันมาสนใจเรื่องของตัวเองดีว่าไปสนใจเรื่องของเขา ฉันได้รับสายจากนิตยสารชื่อดังโทรมาขอคิวสำหรับถ่ายแบบเสื้อผ้าแบรนด์ผู้หญิงและผู้ชายที่เพิ่งออกคอลเลกชั่นใหม่ แน่นอนว่าฉันตอบตกลงโดยที่ยังไม่รู้ว่านายแบบที่จะมาถ่ายคู่กันคือใคร? ภาวนา... อย่าให้เป็นคิงเลย ฉันเบื่อจะร่วมงานกับเขาแล้วจริงๆ เพราะว่าถ้ายิ่งใกล้กันมีงานร่วมกันแฟนคลับฉันกับของเขาก็ยุให้เรากลับมาคบกันอีก ซึ่งใครจะกลับไปกินขี้หมาอย่างหมอนั่นกันล่ะ ให้ไปสมสู่กับยัยมุกนั่นแหละดีแล้ว
Rrr
“สวัสดีค่ะ ติดต่องานอะไรคะ?” ฉันรับสายโดยไม่ได้มองเพราะกำลังจดตารางงานอยู่
(“ติดต่อคุณไนล์ให้มาดินเนอร์กับผมคืนนี้ ไม่ทราบว่ามีคิวว่างหรือเปล่าครับ?”) ถึงกับขมวดคิ้วพลางเอามือถือออกจากข้างใบหู พอเห็นปลายสายว่าเป็นใครฉันก็อมยิ้มออกมา คือถ้าไม่ดูปลายสายว่าใครฉันคงด่าไฟแลบเพราะคิดว่าเป็นโรคจิตไม่ก็ตาแก่ทั้งหลายที่จ้องจะงาบฉันไปเป็นเมียน้อยน่ะสิ (“ว่าไงครับ มีคิวงว่าให้ผมหรือเปล่า”)
“ถ้าบอกว่าไม่มี คุณเฑียร์จะทำยังไงดีคะ”
(“ก็คงต้อง... แทรกคิวมั้งครับ”)
“เข้าใจพูดนะคะ” จดตารางงานเสร็จก็เอนหลังพิงกับโซฟาพลางหยิบผลไม้เข้าปาก “ตกลงดีไหมนะ”
(“ตกลงเถอะครับ ผมคิดถึงคุณมาก”) ปากหวานตลอดผู้ชายคนนี้ นอกจากจะหล่อ รวยและมีอิทธิพล เขายังอันตรายสุดๆ แถมยังเป็นเพื่อนกับคุณจิณณ์ด้วย น้องสาวอย่างฉันจะคุยกับเพื่อนพี่ชายคงไม่แปลกหรอกมั้ง... ที่สำคัญคุณจิณณ์ก็ไม่มีสิทธิ์ห้ามด้วย แค่พี่น้องนี่นา (“คิดนานจัง”)
“ตกลงค่ะ”
(“เยส! ขอบคุณครับ”) คุณเฑียร์ตอบด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นราวกับดีใจสุดๆ (“ให้ผมไปรับที่ไหนดีครับ?”)
“ฉันไปเองดีกว่าค่ะ คุณเฑียร์นัดเวลาสถานที่มาได้เลย” ฟังปลายสายที่นัดสถานที่กับเวลาก็ทำให้คิ้วของฉันขมวดเข้าหากันทันทีกับสถานที่ที่เขานัด “เอ่อ ไปที่นั้นเหรอคะ?”
(“ครับ อาหารบนดาดฟ้าอร่อยมากเลยนะ อยากให้คุณได้ลอง”) เคยลองแล้วค่ะคุณเฑียร์... ลองกินกับพี่ชายอย่างคุณจิณณ์ไง แล้วทำไมเขาต้องไปนัดที่โรงแรมคุณจิณณ์ด้วยวะเนี่ย! (“ทำไมครับ คุณไม่โอเคเหรอ งั้นเปลี่ยนที่ก็ได้นะครับ”)
“ไม่เป็นไรค่ะ ที่นั้นก็ได้ฉันตามใจคุณ”
(“น่ารักมากเลยครับ งั้นเจอกันนะครับ คิดถึงคุณจะแย่แล้ว”)
น้ำเสียงของคุณเฑียร์แลดูตื่นเต้นมาก เพราะเราคุยกันบ่อยแถมคุยผ่านข้อความแต่นับตั้งแต่เราเจอกันที่งานเดินแบบวันนั้นก็แทบจะไม่ได้เจอกันเลย มันอาจจะเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ฉันตกลงไปเดตกับเขานั่นแหละ ฉันโสดนี่นาและที่สำคัญฉันเลือกเขาเป็นผู้ชายที่คุยแล้วได้เดตกันนั่นแหละ มันน่าสนใจจะตายไป... ก็เขาเป็นเพื่อนกับคุณจิณณ์ด้วย ที่น่าสนุกก็คือตรงนี้ล่ะ ไม่รู้ว่าฉันคิดบ้าอะไรถึงได้อยากดูปฏิกิริยาของคุณจิณณ์ตอนที่เห็นฉันกับเพื่อนเขา จะรู้สึกยังไงบ้างนะ?
“เอ่อ คุณคะ”
“ครับคุณไนล์” ฉันเดินออกจากบ้านไปเจอกับคนของคุณจิที่กำลังเดินเข้ามาในบ้านพอดี
“วันนี้ช่วงค่ำคุณว่างไหมคะ พอดีฉันอยากรบกวนให้ไปส่งฉันหน่อยน่ะค่ะเพราะรถฉันยังไม่เสร็จ”
“ได้ครับ ผมยินดี”
“ขอบคุณนะคะ” พอคุยกับคนของคุณจิเรียบร้อยฉันก็วิ่งขึ้นมาบนห้อง วันนี้ฉันมีเวลาว่างเนื่องจากพรุ่งนี้ต้องเข้าบริษัทไปถ่ายงานโฆษณาครีมทาหน้าที่ทางแบรนด์นัดที่บริษัทเนื่องจากจองสตูดิโอหนึ่งไว้เรียบร้อย ถึงฉันจะเป็นนางแบบที่ไม่ได้มีผู้จัดการส่วนตัวแต่ก็เซ็นสัญญากับบริษัทเดียวกับคุณบุ้งกี๋ ฉันเซ็นสัญญาห้าปีและตอนนี้ก็ผ่านมาสองปีแล้ว บริษัทค่อนข้างให้อิสระหลายๆ อย่างเลยนะ การรับงานเองก็เช่นกันเขาให้ฉันเป็นคนจัดการเอง แต่ถ้ามีงานไหนสำคัญก็จะเป็นคนแจ้งฉันมาอีกที ช่วงนี้ก็เลยรับงานโฆษณา,ถ่ายแบบและรีวิวสินค้าแค่นั้น ให้อิสระขนาดที่ว่าฉันถ่ายงานให้เกรซได้โดยไม่ติดเรื่องสัญญากับแบรนด์อื่นด้วย ดีแบบนี้ทำไมฉันจะไม่รักบริษัทล่ะยิ่งได้อยู่กับไอดอลที่ชื่นชอบด้วยแล้วยิ่งดีใจยิ่งกว่าถูกหวยรางวัลที่หนึ่งอีกนะทุกคน
ช่วงค่ำมาถึงหลังจากอาบน้ำชำระร่างกาย ทาครีมแต่งหน้าเรียบร้อยผมก็มัดรวบเป็นหางม้าฉันสวมสร้อยคอเป็นจี้รูปดาวที่แม่ซื้อให้ตอนที่ฉันอายุได้สิบแปดเข้ามหาลัยได้เป็นที่ภาคภูมิใจ สร้อยเส้นนี้ถึงได้สำคัญกับฉันมากมักจะสวมใส่ที่คอเสมอไม่เคยห่าง หยิบชุดเดรสสีดำสายเดี่ยวขอบย่นตรงหน้าอกและเป็นแบบผูกคอเปลือยหลังจนเกือบจะถึงสะโพก สั้นรัดรูปเรือนร่างที่มีส่วนเว้าส่วนโค้งของฉัน หน้าอกดันล้นขึ้นเป็นรูปสวยงามจากนั้นก็ฉีดน้ำหอมสวมรองเท้าส้นสูงกำมะหยี่สีดำพร้อมกระเป๋าสะพายข้างแบรนด์หรูเป็นอันเสร็จ
“จะไปไหนเหรอไนล์?” กำลังจะลงบันได้หลังออกจากห้อง จังหวะนั้นก็สวนกับแม่ที่ถือถาดอาหารขึ้นไปให้คุณจิ
“วันนี้ไนล์มีเดตค่ะ อาจจะกลับดึกมาก คงค้างที่คอนโดไม่ต้องห่วงนะคะ”
“ดูแลตัวเองด้วยนะลูก”
“ค่ะ ไนล์ไปก่อนนะ” โน้มไปจูบแก้มแม่และลงบันได้ไปหาคนของคุณจิที่รออยู่ ฉันขอบคุณเขาหลังจากที่มาส่งฉันที่โรงแรมของคุณจิณณ์ที่ไม่รู้ว่าอยู่หรือเปล่า แต่ฉันก็ไม่ได้สนใจเขาขึ้นลิฟต์ไปถึงชั้นดาดฟ้ามาถึงก็กวาดสายตามองหาคุณเฑียร์กระทั่งพนักงานผายมือให้ฉันไปยังโต๊ะริมสุดซึ่งเป็นโต๊ะเดียวกับที่ฉันเคยมากินข้าวกับคุณจิณณ์ ร่างสูงสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวพับแขนถึงข้อศอกยืนเท้าแขนกับขอบกระจกพลางคีบบุหรี่เข้าปาก “มาแล้วค่ะ”
“มาแล้วเหรอ...!” เขาหันมามองฉันก่อนจะเบิกตากว้างด้วยความตกใจที่เห็นฉันสวยสะกดขนาดนี้ คุณเฑียร์ทิ้งก้นบุหรี่ลงบนที่เขี่ยบนโต๊ะ พอเห็นฉันเขาก็เผยรอยยิ้มตรงมุมปากเดินอ้อมมาดึงเก้าอี้ให้ฉันนั่งก่อนจะทิ้งตัวนั่งตรงข้ามกัน “วันนี้ไนล์สวยมากๆ เลยนะครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
“สั่งอาหารกันเลยนะครับ” พยักหน้ารับเราสองคนก็เลือกที่จะสั่งอาหารเหมือนกันเป๊ะๆ เหมือนกันจนงงและขำไปพร้อมกัน คุณเฑียร์สั่งไวน์ขาวมาดื่มด้วยระหว่างรออาหารเราสองคนก็คุยเรื่องทั่วไป กระทั่งสเต็กเนื้อแกะที่สั่งมาเสิร์ฟ ฉันก็กำลังลงมือหั่นชิ้นเนื้อหากแต่ว่าจานของฉันถูกดึงไปหาเขาและถูกแทนที่ด้วยจานของเขาที่หั่นชิ้นเนื้อให้ฉันเรียบร้อย
20 แต้มสำหรับการเอาใจใส่ของคุณเฑียร์!
“ใส่ใจผู้หญิงดีแบบนี้ คงทำให้ผู้หญิงคนอื่นบ่อยสินะคะ”
“ไนล์พูดขนาดนี้คือผมไปไม่เป็นเลยนะครับ” เขายิ้มเขิน
“หรือไม่จริงคะ”
“ยอมรับก็ได้ครับ” เพราะเขาเองก็โสดการที่จะมีผู้หญิงคนอื่นด้วยมันไม่แปลก แต่จะแปลกถ้าหากตกลงปลงใจคบกับฉันและยังทำตัวเจ้าชู้อีก ฉันคงไม่เอาไว้แน่ที่สำคัญตอนนี้ฉันอยากศึกษาผู้ชายให้มากกว่านี้ เพื่อจะได้ไม่เจ็บเหมือนกับที่คิงมันทำกับฉันอย่างแสนสาหัส ความรักน่ะมันสวยงามนะ แต่มันก็มาพร้อมกับความเจ็บปวดและความทุกข์ ถ้าหากจะเป็นแบบนั้นฉันขออยู่เป็นโสดซะยังดีกว่าถ้าต้องเจอผู้ชายอย่างหมอนั่น เอาเวลามามีความสุขกับผู้ชายที่เข้ามาจีบยังดีซะกว่า “กินข้าวเสร็จ เราจะไปต่อที่ไหนกันดีครับ?”
“ไม่รู้สิคะ” อาหารบนโต๊ะถูกจัดการเรียบร้อยและต่อด้วยของหวานเป็นไอศกรีมที่ฉันชอบกินตอนที่มากินกับคุณจิณณ์นั่นแหละ คนตรงหน้าทำหน้านึกคิดก่อนจะเผยรอยยิ้มที่หล่อร้ายมาให้
“งั้นไปดื่มกันต่อที่ห้องผมไหม” คำถามของเขาทำให้ฉันเม้มริมฝีปากตัวเอง มองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความยั่วยวน ชั่งใจอยู่นานว่าจะไปดีหรือเปล่าหากแต่ว่าการไปทำความรู้จักกับเขามันก็ไม่เห็นจะแปลกเลยนี่นา
“ตกลงค่ะ”
“โอเค ไปกันเลยดีกว่า... ผมอยากให้ไนล์เห็นห้องผมจะแย่”
เขาประคองเอวฉันพาเข้าลิฟต์เพื่อลงจากชั้นบนสุดลงไปด้านล่าง ฉันเองก็ใช่ว่าอยากจะไปนะแต่เขาชวนแล้วทำไมฉันจะต้องตอบปฏิเสธด้วยล่ะ นานๆ จะมีผู้ชายที่หล่อ รวยและมีอิทธิพลขนาดนี้มาจีบก็ต้องของตะครุบไว้ก่อนดีปะ ปกติจะมีแต่พวกหัวงูและตาแก่ที่จ้องจะใช้เงินเพื่อซื้อตัวฉันไปเป็นเมียน้อยหรือนอนด้วย ไม่รู้ว่าคิดได้ไงว่าฉันจะยอมทำเรื่องระยำแบบนั้น ต่อให้ฉันเคยวันไนท์ฯ กับคุณจิณณ์มาก่อนก็ใช่ว่าฉันจะไปวันไนท์ฯ กับผู้ชายพวกนั้นนะ บอกไว้ตรงนี้ ‘ฉันก็เลือกนะเว้ย!’ ไม่ใช่เห็นว่าเป็นดุ้นก็เอาไปหมด ดุ้นเหี่ยวๆ แก่ๆ แบบนั้นใครจะไปยอมกัน ต่อให้เอาเงินกี่พันล้านมากองตรงหน้า ฉันก็ไม่มีทางทำเรื่องแบบนั้นเด็ดขาด ไม่มีทางไปเป็นอีหนูของผู้ชายไร้ความคิดแบบนั้นเด็ดขาด
“คิดอะไรอยู่ครับ?”
“อุ้ย!” ตกใจเล็กน้อยที่รับรู้ถึงริมฝีปากร้อนผ่าวกดจูบลงบนไหล่เปลือยเปล่าของฉัน “กำลังคิดว่าห้องของคุณเฑียร์จะเป็นยังไงบ้างน่ะค่ะ”
“ไม่เห็นต้องคิดเลยนี่ครับ ไปถึงเดี๋ยวก็เห็นเอง” ฉันยิ้มอย่างเอียงอายก่อนที่คุณเฑียร์จะโอบเอวฉันจนขยับไปแนบชิดกับร่างสูงใหญ่ของเขา ตัวเลขลิฟต์กำลังเลื่อนลงอย่างเชื่องช้ากว่าจะมาถึงชั้นล็อบบี้ของโรงแรมก็นานเกือบห้านาที กระทั่งประตูลิฟต์เปิดขึ้นยังไม่ทันได้เดินออกไปเลย ดวงตาของฉันก็เบิกกว้างขึ้นทันทีที่เห็นว่าคนตรงหน้าที่สวมชุดสูทสีดำทั้งตัวกำลังยืนมองพวกเราอยู่ราวกับมายืนรอยังไงยังงั้น แถมยังมีคนของเขายืนขนาบข้างสองคนอีกคนคือคุณเอียนแน่ ฉันรับรู้ได้... “อ้าว ไอ้จิณณ์ มึงมารอต้อนรับกูเลยเหรอเนี่ย”
[50%]
*-------------------------------*