“งั้นก็ช่วยฟังฉันหน่อยเถอะค่ะ”
“บอกให้ปล่อยไง!” ตวาดใส่คนตัวเล็ก ใบหน้าสวยตกใจกับเสียงเข้มที่แผดไปทั่วบ้านพักที่เงียบสงัด ไนล์ค่อยๆ คลายมือออกจากต้นแขนผม นั่นทำให้ผมลอบกลืนน้ำลายทั้งที่เธอไม่ได้ผิด ผมกลับตวาดใส่เธอ “อย่ามายุ่งกับฉันเวลาที่ฉันโกรธ”
“ก็ได้ค่ะ” ไนล์ถอยหลังออกไปสามก้าว เธอก็หมุนตัวกึ่งวิ่งกึ่งเดินเข้าไปในบ้านผมหลับตาลงพ่นลมหายใจแรงๆ ก่อนจะทุบหลังคารถอย่างแรงจนไม่รู้ว่ามันจะบุบหรือเปล่า รถของผมวิ่งผ่านไปบนท้องถนนที่เงียบสงัด ในหัวก็เอาแต่คิดเรื่องนั้นวนไปวนมาจนหัวแทบจะระเบิด ผมไม่รู้ว่ารถเหยียบคันเร่งมาเร็วแค่ไหน รู้แค่ว่าเข้าตัวเมืองมาและสุดท้ายมาจอดที่หน้าคอนโดแห่งหนึ่งที่หรูหราเป็นย่านของคนรวยมีระดับ
สองเท้าของผมขึ้นลิฟต์มาถึงชั้นที่ 40 และเดินมาตามโถงทางเดินที่หรูหราก่อนจะมาหยุดที่หน้าห้อง 4005 ยืนอยู่นานหลายนาทีกว่าจะกล้าพอที่จะเอื้อมมือไปกดกริ่งหน้าห้อง กระทั่งมีเสียงหนึ่งที่ดังเล็ดลอดออกมาให้ผมได้ยิน
“ใครคะ?” เพราะผมยืนหลบกล้องที่อยู่หน้าประตูทำให้น้ำเสียงเรียบนิ่งแต่เซ็กซี่เอ่ยถาม พอไม่ได้คำตอบทุกอย่างก็เงียบไปแปบหนึ่ง กระทั่งประตูไม้สีดำเปิดขึ้นร่างบอบบางที่ยืนอยู่ในนั้นสวมชุดนอนกระโปรงสายเดี่ยวอวดเรือนร่างที่สวยงาม เรือนร่างที่ผมเคยสัมผัสมาแล้วทุกซอกทุกมุม ใบหน้าสวยที่เคยเรียบนิ่งเวลานี้กลับเบิกตากว้างด้วยความตกใจที่เห็นผมมายืนอยู่ตรงหน้าเธอ ทั้งที่มันไม่ควรและผมไม่ควรมาที่นี่ด้วยซ้ำ “จะ จิณณ์”
ผมเดินต้อนเธอเข้าไปในห้องที่กว้างขวางและดูสวยงามเหมือนกับใบหน้าของเธอ ประตูปิดลงล็อกอัตโนมัติผมสาวเท้าไปหาเธอที่พยายามยกมือดันไม่ให้ผมเดินมาใกล้ ทว่าผมกลับคว้าข้อมือเธอไว้และเอามาแนบตรงตำแหน่งหัวใจของตัวเองที่เต้นถี่รัว
“นายไม่ควรมาที่นี่”
“...”
“กลับไปจิณณ์” เอ่ยปากไล่ผมหากแต่ว่าแอบเห็นแววตากลมโตที่สั่นไหวเล็กน้อย
“ปากไม่ตรงกับใจ” ผมบอกเธอขณะที่ดึงร่างเล็กเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดที่เคยอบอุ่นของผม อ้อมกอดของเธอที่ทำให้ผมคนนี้ได้พักพิงเวลาที่ไม่เหลือใคร ท่อนแขนของผมกอดกระชับร่างของเธอแน่นจนเธอพยายามดีดดิ้น กระทั่งผมซุกหน้าลงตำแหน่งลำคอหอมสูดเอากลิ่นกายเธอเข้ามาในร่างกายตัวเองให้รู้สึกดีขึ้น
“ฟังกันหน่อย” ส่ายหน้าไปมาไม่คิดจะฟังอะไรทั้งนั้น เอาแต่กอดเธออยู่ไม่ยอมปล่อยเพราะผมรู้ถ้าปล่อยเธอก็ต้องไปจากผมอีกไง เราจะต้องห่างกันอีกทั้งที่ผมไม่อยากห่างกับเธอแม้แต่นิด “นายอาจจะตายได้นะ...”
“ฉันคิดถึงเธอ บุ้งกี๋”
:: GINX TALK END ::
ชาขิงและใส่น้ำผึ้งลงไปเพื่อเพิ่มความหวานนิดๆ ถูกนำมาเสิร์ฟในห้องนอนซึ่งมีร่างสูงใหญ่กำลังนั่งเอามือผสานกันไว้ตรงหน้า นั่งอยู่ตรงปลายเตียงพอใบหน้าหล่อเหลาหันมามองฉันที่คุกเข่าลงข้างเตียง ฉันก็ยื่นถาดแก้วชาขิงให้กับคุณจิที่ถอนหายใจด้วยสีหน้าที่ตึงเครียด
“ดื่มสักหน่อยนะคะ จะได้ดีขึ้น”
“ขอบใจนะหนูไนล์” คุณจิหยิบแก้วเซรามิคสีดำขึ้นไปจิบเล็กน้อยก็กอบกุมไว้ทั้งสองมือ ให้หลังจากที่คุณจิณณ์ทะเลาะกับคุณจิจนเป็นเรื่องราวใหญ่โต คุณจิก็รู้สึกเหมือนจะเครียดอย่างเห็นได้ชัด เพราะแบบนี้แม่ก็เลยให้ฉันเอาชาขิงมาให้และท่านก็กำลังทำข้าวต้มร้อนๆ ให้ท่านซึ่งหมดอารมณ์จะกินอาหารทะเล
“อย่าหาว่าไนล์ล่วงเกินคุณจิเลยนะคะ” มือที่กอบกุมกันบนหน้าตักจิกเข้าหากันไปมา มันเป็นเรื่องที่ฉันอยากรู้และวันนี้ยังไงก็ต้องได้รู้เรื่องระหว่างเขากับคุณจิณณ์ให้ได้ “คือไนล์อยากทราบว่าคุณจิกับคุณจิณณ์ มีปัญหาอะไรกันเหรอคะ?”
“...”
“คือคุณจิไม่เล่าก็ได้นะคะ งั้นไนล์ขอตัว”
“เดี๋ยวก่อนหนูไนล์” กำลังจะลุกออกจากห้อง คุณจิก็พยักหน้าให้ฉันดึงเก้าอี้ข้างตู้โชว์มานั่งตรงข้ามกับเขาที่ถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ฉันไม่รู้ว่าจิณณ์เคยเล่าเรื่องแฟนเก่าให้ฟังหรือเปล่า”
เคยเล่าค่ะแต่เล่าไม่หมดและไม่ครบด้วย ได้แต่บอกคุณจิในใจเพื่อตั้งใจฟังเขา
“จิณณ์เคยคบกับผู้หญิงคนหนึ่ง ตอนที่อายุได้ยี่สิบห้าเริ่มสานต่อธุรกิจของฉันและที่สำคัญหนูไนล์คงไม่รู้ว่าตระกูลของฉันเมื่อก่อนเคยอยู่ในแวดวงมาเฟียมาก่อน” พยักหน้ารับและไม่เคยรับรู้มาก่อนเลยว่าคุณจิเคยเป็นมาเฟียด้วย ถึงจะสงสัยกับความมีอิทธิพลของเขาก็เถอะนะ “จิณณ์คบกับผู้หญิงคนหนึ่ง คนนั้นที่อยู่ข้างๆ จิณณ์มาตลอดนับตั้งแต่จิณณ์เริ่มเก็บตัวตอนที่แม่ของเขาเสียไป”
“...”
“จิณณ์ไม่เคยพาผู้หญิงคนนั้นมาพบกับฉันเลย จนพวกเขาคบกันได้หลายปี คงจะเป็นช่วงเรียนมหาลัยด้วยกัน วันนั้นเป็นวันที่จิณณ์พาเธอคนนั้นมาพบกับฉันและฉันปฏิเสธที่จะให้จิณณ์คบกับเธอ”
“เพราะอะไรเหรอคะ?” ถ้าเป็นเหตุผลนี้ฉันพอจะเข้าใจคุณจิณณ์เลยนะ โดนห้ามไม่ให้คบกับคนที่ตัวเองรักแบบนี้จะโกรธจะเกลียดพ่อตัวเองคงไม่แปลก
“เธอคือลูกสาวของศัตรู”
“!”
“ใช่ ศัตรูทางธุรกิจและศัตรูเรื่องแวดวงมาเฟียตอนที่ฉันได้รับตำแหน่งเป็นหัวหน้าแก๊ง มันเป็นเหตุผลให้สองตระกูลไม่ถูกกัน ฉะนั้นพอลูกของเราชอบพอกัน ฉันจำเป็นต้องทำแบบนั้นเพื่อปกป้องจิณณ์” ยิ่งฟังก็ยิ่งมึนงง ราวกับหนังบู๊เลยที่แบบพระนางจะรักกันไม่ได้เพราะตระกูลของพ่อไม่ถูกกัน ใครจะไปคิดว่ามีจริงกันล่ะ “ฉันไม่ยอมรับเธอคนนั้น ทำให้จิณณ์โกรธเกลียดฉันที่พรากเธอคนนั้นไป ถ้าฉันไม่ทำแบบนั้นจิณณ์ต่างหากที่จะต้องเป็นฝ่ายเจ็บตัว”
“ตะ แต่ว่ารุ่นพ่อกับรุ่นลูกต่างกันนะคะ”
“มันอยู่ที่ศักดิ์ศรีมากกว่า” ศักดิ์ศรีบ้าบอคอแตกอะไรกัน! เรื่องความรักจะไปห้ามกันได้ยังไง ถ้าเกิดนี่เป็นเรื่องจริงการที่คุณจิณณ์จะลืมเธอคนนั้นไม่ได้ก็ไม่แปลก ถึงขนาดผ่านมาสองปีที่เลิกรากันไปก็ยังคงรักเธอและเลือกที่จะไม่รักใครสินะ “พอหลังจากที่ฉันรู้เรื่องนี้ ฉันก็ไล่ผู้หญิงคนนั้นให้ออกไปจากชีวิตของจิณณ์ ไม่ต่างจากที่พ่อของผู้หญิงคนนั้นที่ทำแบบฉัน”
มันคือการกีดกันและความขัดแย้งของสองตระกูลชัดๆ ราวกับเหมือนโรมิโอ จูเลียตยังไงยังงั้นเลยอะ
“จิณณ์ยังไม่ยอม ไปหาเธอคนนั้นที่บ้านและถูกซ้อมเกือบตาย”
“อะ อะไรนะคะ!”
“ที่ฉันทำก็เพราะต้องปกป้องเขาจากตระกูลนั้น” คุณจิบอกอีกว่าคุณจิณณ์โดนพ่อของผู้หญิงคนนั้นสั่งให้ลูกน้องซ้อมคุณจิณณ์เกือบตายและแน่นอนว่าผู้หญิงคนนั้นยอมที่จะเลิกรากับคุณจิณณ์เพียงเพราะไม่อยากให้ตระกูลของทั้งคู่เกี่ยวดองกัน เพราะแบบนี้คุณจิเลยรักษาคุณจิณณ์จนหายดีและสั่งห้ามไม่ให้เขาไปหาเธอคนนั้นอีก ถึงขนาดที่ว่าเจอกันก็ห้ามทักทาย ห้ามคุยหรือห้ามไปหากัน ไม่อย่างนั้นคำสัญญาที่คุณจิกับพ่อของผู้หญิงคนนั้นให้ไว้จะจบลงด้วย... เลือดอีกแน่ “จิณณ์คิดว่าที่ตัวเองต้องโดนกีดกันเป็นเพราะฉัน”
เห็นด้วยนะ... พวกเขาไม่รู้ ไม่เห็นอะไรเกี่ยวกับตระกูลรุ่นพ่อนี่นา พวกเขาไม่สมควรได้รับสิ่งตอบแทนแบบนี้ด้วยซ้ำ
“จิณณ์ก็ทำใจเรื่องนี้ได้ แม้ภายนอกจะดูเหมือนไม่คิดอะไร แต่ฉันมองลูกชายของฉันออก เขาน่ะรักเธอคนนั้นมากซะจนไม่ยอมมีใคร”
“แล้วทำไมถึงไม่ยอมให้คุณจิณณ์กับเธอเจอกันอีกล่ะคะ?”
“สัญญาระหว่างฉันกับพ่อของเธอคนนั้น บ่งบอกชัดเจนห้ามลูกของเราเข้าใกล้กัน ไม่เช่นนั้นจะจบลงด้วยเลือดและฉันรู้ว่าลูกชายตัวดีไม่ยอมแน่... จิณณ์มันคงไม่สนด้วยซ้ำถ้าหากตัวเองต้องตาย มันก็พร้อมจะไปหาเธอคนนั้น”
คุณจิณณ์รักเธอมากขนาดนั้นเลยเหรอ? แล้วเธอคนนั้นล่ะ รักเขาได้มากเท่ากับที่เขารักเธอหรือเปล่า
“เพราะแบบนี้ฉันถึงได้อยากให้หนูดูแลเขาให้ดี”
“คะ?”
“ให้ความรักกับเขาให้มาก เขาจะได้ลืมเธอคนนั้นไปสักที”
“ไนล์จะไปช่วยอะไรได้ล่ะคะ เป็นแค่น้องสาวของเขา” ขนาดแค่น้องสาวที่เคยนอนด้วยกันมาแล้วก็เถอะ “คุณจิณณ์หัวดื้อมากเลยนะคะ แถมเวลาโกรธก็ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ด้วย ไนล์ห้ามเขายังไม่ฟังเลย”
“ฉันอยากให้จิณณ์มันเจอใครสักคนที่ทำให้มันไม่ต้องโดดเดี่ยว อยากให้มันรักใครก็ได้ที่ไม่ใช่ลูกสาวของศัตรู”
“มันห้ามกันไม่ได้หรอกค่ะ เรื่องความรักน่ะ” คุณจิหันมาสบตากับฉันขณะหันไปมองท้องทะเลที่อาบไปด้วยความมืดมิดเหมือนกับหัวใจของเขา ฉันสัมผัสได้ถึงสิ่งนั้นเลยล่ะ หัวอกคนเป็นพ่อแม่ก็ไม่ได้อยากให้ลูกเจ็บปวดถึงได้ยอมให้คุณจิณณ์เกลียดและโกรธกับการกระทำของตัวเองเพียงเพราะต้องการปกป้องเขา “คุณจิณณ์รักเธอคนนั้นมาก แล้วเธอล่ะคะรักคุณจิณณ์หรือเปล่า?”
“ฉันไม่รู้” คุณจิส่ายหน้าไปมา “รู้แค่ว่าตอนที่จิณณ์ไปที่บ้านของเธอคนนั้น ก่อนที่จิณณ์จะโดนซ้อมผู้หญิงคนนั้นไม่แม้แต่จะชายตามองจิณณ์เลยสักนิด ราวกับว่าเห็นจิณณ์เป็นแค่อากาศ”
“เธออาจจะรักคุณจิณณ์ เพียงแต่ว่าถ้าเกิดทำอะไรมากกว่านั้น คนที่จะเจ็บหนักก็คือคุณจิณณ์นะคะ”
“หึ ผู้หญิงคนนั้นกำลังจะได้เป็นมาเฟียหญิงคนแรกของตระกูลพ่อของเธอ อำนาจอาจจะทำให้เธอลืมไปแล้วก็ได้ว่าเคยรักจิณณ์มันมากแค่ไหน” ทำไมวงการนี้ทำให้ฉันสับสนได้ขนาดนี้นะ แบบว่าอันตรายจะตายทำไมคนถึงได้ชอบอยากจะเป็นกันซะจริง แม้ว่าจะได้มาซึ่งอำนาจก็เถอะนะ “คราวนี้เธออาจจะไม่ต้องให้พ่อสั่ง อาจจะสั่งให้คนทำร้ายจิณณ์ก็ได้ ใครจะรู้”
“อย่างน้อยคุณจิก็ทำในสิ่งที่ถูกต้องนะคะ” เมื่อได้ฟังเรื่องราวที่ค้างคาใจก็ให้กำลังใจเขาสักหน่อยว่าสิ่งที่ตัวเองทำเพื่อปกป้องลูกชายมันเป็นสิ่งที่ถูกต้อง “ถึงคุณจิณณ์จะไม่เห็นและยังฝังใจเรื่องที่คุณจิห้ามเขา แต่ไนล์เชื่อนะคะว่าสักวันคุณจิณณ์จะต้องเข้าใจกับสิ่งที่คุณจิทำให้กับเขาแน่ค่ะ”
“หนูไนล์”
“และไนล์ก็เชื่อว่าสักวันเขาจะลืมเธอคนนั้น จะต้องมีผู้หญิงที่สามารถฉุดเขาขึ้นมาจากเหวได้อย่างแน่นอนค่ะ”
แม้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะได้รับความรักจากคุณจิณณ์หรือเปล่า? ฉันก็ไม่แน่ใจหรอกนะ เขาตายด้านเรื่องความรักถ้าจะมีใครหลงรักเขา ก็คงต้องเจ็บปวดนิดหน่อยมั้ง... กลับการที่เขาเฉยเมยเรื่องความรักและไม่คิดจะรักใครอีกต่อไปแล้ว
*----------------------------------------*