Ginx’ s to meet you.
[4]
ตอนหน้าพี่น้อง ลับหลัง...
เขามองฉันพลางกระตุกยิ้มมุมปากที่ฉันเน้นคำว่าเอาอย่างชัดถ้อยชัดคำ พ่อของเขาและแม่ของฉันก็ยิ้มดีใจที่เห็นเราสองคนเริ่มเข้ากันได้ดี ไม่สิ ต้องบอกก่อนนะว่าเข้ากันด้วยเรื่องนั้นซะมากกว่า ไอ้คำว่าพี่น้องน่ะมันก็แค่เรื่องบังหน้าที่แสดงออกว่าเราสองคนสานสัมพันธ์เป็นพี่น้องกันตามที่พ่อกับแม่ของพวกเราต้องการ แต่ลับหลังใครจะไปรู้ดีกว่าเราสองคนล่ะ
“ผมเองก็คิดแบบไนล์นะ” จู่ๆ คุณจิณณ์ก็พูดขึ้นมา “ผมจะดูแล ‘เอา’ ใจใส่น้องสาวคนนี้เป็นอย่างดีเอง”
“ขอบคุณนะคะคุณจิณณ์”
“ยินดีครับ” เขาตอบรับคำขอบคุณของแม่ฉันที่ไม่ได้รู้เรื่องของเราสองคนเลยแม้แต่นิด ฝากฝังฉันขนาดนี้คงหนีเขาไม่รอดหรอกเอาจริง “เธอก็เหมือนน้องสาวผมคนหนึ่ง ก็เหมือนที่พ่อบอกเราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วด้วย”
“พ่อดีใจนะที่แกเข้าใจจิณณ์”
ฉันมองสบตากับเขาที่มองหน้าฉันพลางก้มหน้ากินข้าวต่อ ใช้เวลาบนโต๊ะอาหารนานพอควรคุณจิกับแม่ก็ขึ้นไปพักผ่อนบนห้องเพราะเห็นว่าคุณจินอนพักผ่อนไม่เพียงพอ แม่ก็เลยชงชาไปให้เขาดื่มก่อนนอนแบบนอนพักผ่อนเร็วขึ้น ส่วนฉันแม่ก็เป็นห่วงเรื่องเท้าฉันก็ไม่รู้จะบอกแม่ยังไงดีมันเป็นเรื่องปกติ ที่สำคัญฉันไม่ได้เจ็บมากขนาดนั้นทายาก็คงจะดีขึ้น ฉันต้องอดทนเจ็บให้มากเพื่อจะการใหญ่ใจจะต้องนิ่งเข้าไว้ แผลแค่นี้เล็กน้อยมาก บ้านเวลานี้เงียบสงัดมากชั้นบนปิดไฟมีเพียงโคมไฟแชนดาเรียที่เปิดให้แสงสว่าง ทุกคนหลับนอนกันหมดมีแค่ฉันที่เดินออกจากห้องตรงไปยังสระว่ายน้ำเพื่อทำให้ร่างกายของตัวเองมันดีขึ้น การแช่น้ำตอนกลางคืนมันดีจริงๆ นะ ฉันถอดชุดคลุมอาบน้ำออกเผยให้เห็นบิกินี่สีขาวลายดอกไม้สีเขียวผูกคอทรงสามเหลี่ยมที่หน้าอกของฉันใหญ่เกินกว่าจะปิดก้อนเนื้อมิด กางเกงในจะเป็นผูกข้างเอวสูงเว้าตรงเนินสาวก็เดินลงบันไดแช่น้ำเย็นๆ ฉันก็แหวกว่ายน้ำในตอนกลางคืน
“ออกมาว่ายน้ำดึกดื่นอีกแล้ว” น้ำเสียงเข้มแหบพร่าคุ้นหูเรียกรั้งให้ฉันหันไปมองคุณจิณณ์ที่ยืนเท้าเอวตรงริมสระ เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงสแล็คสีดำราวกับยังไม่ได้อาบน้ำ ซึ่งฉันคิดว่าเขาคงจะนอนไปแล้วนะ
“มันเป็นกิจกรรมของฉันค่ะ” ฉันตอบเขาพลางยิ้มกริ่ม “อยากลงมาเล่นน้ำด้วยกันไหมคะ?”
“ไม่” ตอบปฏิเสธเสียงแข็ง
“แล้วมาทำไมคะถ้าไม่อยากเล่นน้ำ” ใบหน้าหล่อเหลานิ่งเรียบไม่ตอบคำถามฉันด้วยซ้ำ “หรือมาแอบดูฉันคะ”
“...”
“ทะลึ่งจังนะคะคุณพี่ชาย มาแอบดูน้องสาวว่ายน้ำแบบนี้” ฉันว่ายน้ำไปเกาะขอบสระตรงหน้าเขาที่ก้มมอง “โอ๊ะ คุณจิมาค่ะ”
“ไหน?”
หมับ
ตูม
มือของฉันคว้าข้อเท้าของคุณจิณณ์เอาไว้ขณะที่เขากำลังเผลอหันไปมองทางเข้าสระน้ำ เวลานี้ร่างสูงเซล้มลงไปในสระน้ำทันทีจนฉันหัวเราะชอบใจ มองร่างสูงที่เวลานี้เสื้อเชิ้ตสีขาวเปียกแนบร่างกายที่แกร่งกำยำ เขายกมือเสยเส้นผมสีดำสนิทของตัวเองขึ้นไป จะบอกว่าเวลาเขาเปียกน้ำทำไมถึงได้ดูเซ็กซี่และหล่อขนาดนี้นะ ขณะที่กำลังมองเรือนร่างเขาอย่างเล้าโลม ร่างสูงก็ว่ายน้ำเข้ามากักกันฉันไม่ให้ขยับไปไหนโดยที่แผ่นหลังฉันกระทบกับขอบสระ ใบหน้าหล่อเหลาอยู่ใกล้จนลมหายใจที่ร้อนกรุ่นปนบุหรี่เข้มๆ รดรินอยู่บนกลีบปากฉัน
“เล่นทีเผลอรู้ไหมว่าต้องโดนอะไร”
“โดนอะไรเหรอคะ?” ฉันทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ขณะที่คุณจิณณ์เอียงองศาใบหน้าพลางจรดจูบมาบนกลีบปากฉันทันทีโดยไม่รีรอ ดวงตาของฉันหลับลงโดยอัตโนมัติสองแขนโอบกอดลำคอแกร่งยึดไว้ไม่ให้ตัวเองจมเพราะสระค่อนข้างลึก จึงใช้ขาเกี่ยวเอวสอบเอาไว้ด้วย เราสองคนบดขยี้จูบกันอย่างรุนแรงชนิดที่ว่าเรียวลิ้นกวัดเกี่ยวดูดดึงกันจนฉันเริ่มหายใจไม่ออกเพราะคุณจิณณ์กดจูบมาลึกมากๆ จนแทบไม่มีอากาศแทรกเข้ามา มือซ้ายประคองพวงแก้มใสของฉันไว้ มือขวาก็เลื่อนไปบีบก้นฉันอย่างรุนแรงจนเจ็บไปหมด พลางเลื่อนมาบีบเค้นสะโพกกลมกลึงไปด้วย เราสองคนถอนจูบออกโดยที่น้ำลายของเราไหลยาวยืด “จูบแบบนี้ จะตายแล้วนะคะ”
“ไม่เห็นตาย” เขาพูดพลางหอบหายใจหนัก ก่อนจู่โจมมายังลำคอระหงที่แหงนหน้าขึ้นให้เขาได้ซุกไซ้ได้ถนัด ฉันหันไปมองด้านบนเป็นระยะๆ บางทีก็กลัวเหมือนกันว่าจะมีใครมาเห็นหรือเปล่า “ไม่ต้องกลัว พ่อกับแม่ไม่เห็นหรอก”
“จริงนะคะ”
“ฝั่งห้องพ่อกับแม่อยู่อีกทาง ต่อให้เดินมาก็ไม่เห็น” พรมจูบทั่วลำคอของฉันพลางไล่จูบมายังกกหูก่อนจะสอดลิ้นสากเข้าไปด้านในจนฉันจิกนิ้วลงบนไหล่กว้างอย่างแรง จากนั้นก็แลบลิ้นเลียลำคอแทนตัวของฉันสั่นเกร็งและรู้สึกร้อนเหมือนอยู่ในน้ำอุ่นที่ร้อนจัดทั้งที่น้ำในสระเย็นเฉียบ กระซิบชิดข้างใบหูด้วยน้ำเสียงแหบพร่าชวนให้ขนในกายลุกซู่ “แสดงให้ดูหน่อยสิไนล์ ว่าเธอต้องการฉันมากแค่ไหน”
รอยยิ้มของฉันผุดขึ้นขณะที่คุณจิณณ์พาฉันมาถึงขั้นบันไดโดยที่เขาอุ้มฉันมาถึงเปลนอนอาบแดด เวลานี้ร่างสูงนอนราบและฉันนั่งคร่อมเขาอยู่ สองแขนสอดเข้าท้ายทอยเพื่อมองดูว่าฉันจะแสดงออกว่าต้องการเขามากแค่ไหน ฉันเอื้อมมือไปท้ายทอยของตัวเองเช่นกันแต่ที่ไม่เหมือนคือตอนนี้ฉันปลดเชือกบิกินี่ที่ผูกเอาไว้ออกจนมันหลุดมากองตรงเอว ทรวงอกอวบอิ่มใหญ่โตคัพดีโผล่พ้นให้เขาได้มองและยิ้มอย่างพอใจ เอื้อมมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตที่เปียกแนบเนื้อเขาออกทีละเม็ดอย่างใจเย็น พอมาถึงเม็ดสุดท้ายฉันก็แหวกมันออกและโน้มใบหน้าลงพรมจูบตรงแผงอกแกร่ง ไล่มาถึงยอดอกเม็ดจิ๋วพลางใช้ปลายลิ้นตวัดไล่วนไปมา ครอบครองมันด้วยอุ้งปากที่ร้อนระอุของตัวเอง ฉันดูดกลืนมันเหมือนที่คุณจิณณ์เคยดูดฉัน เคลื่อนใบหน้าขึ้นไปค่อยๆ โน้มตัวลงไปประทับจูบบนริมฝีปากแดงคล้ำอย่างแผ่วเบา มือซ้ายลากไล้ตั้งแต่แผงอกจนไปถึงกางเกงสแล็คฉันก็รูดซิปมันออกอย่างเชื่องช้าแน่นอนว่าคนที่นอนให้ฉันคร่อมก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
“คุณยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะคะ” บอกเขาขณะที่ริมฝีปากของเราเฉียดกันไปมา “แข็งเร็วมาก”
“หึ” คุณจิณณ์ทำได้เพียงหัวเราะออกมาเบาๆ ฉันก็กดจูบลงบนปากเขาอีกรอบ ดูดดึงกลีบปากเขาให้เผยออ้าออกเพื่อสอดเรียวลิ้นเข้าไปรบกวนเขาบ้าง คุณจิณณ์นอนนิ่งไม่แม้แต่จะใช้มือของตัวเองลูบไล้ร่างกายฉันแม้แต่นิด ราวกับกำลังสอนว่าอยากทำอะไรก็ทำไปเลย แสดงออกมาสิว่าเธอคลั่งฉันมากแค่ไหน... ฉันเดาว่ามันเป็นแบบนั้นนะ
มือนุ่มนิ่มของฉันกำแก่นกายของเขาที่ออกมาสูดอากาศข้างนอกและออกแรงรูดขึ้นรูดลงโดยที่ปากของเขายังคงบดคลึงอย่างดูดดื่มราวกับว่าจูบมันทำให้ความต้องการของเรามีมากขึ้นไปอีกเท่าตัว มันก็จริงนะเวลาจูบกับคุณจิณณ์ ฉันจะรู้สึกเหมือนตัวเองลอยอยู่บนท้องฟ้าพอหายใจไม่ออกก็เหมือนตกลงมาจากที่สูงอย่างรวดเร็ว จูบของเขามันช่างร้อนแรงและพร้อมจะแผดเผาร่างกายของฉันให้ไหม้เป็นจุล ฉันถอนจูบออกมองเขาพลางยิ้มกริ่มขณะที่มือก็ชักรูดท่อนเอ็นที่กำไม่มิดของเขา ใบหน้าหล่อเหลาเชิดขึ้นสูดปากด้วยความเสียวซ่าน โดยที่ฉันก็โน้มใบหน้าซุกไซ้ลำคอของเขาไปด้วย
“ฮึ่ม... ไนล์” พอเห็นเขาถึงจุดสูงสุดฉันก็เร่งมือของตัวเองเร็วขึ้น กระทั่งคุณจิณณ์กระตุกเกร็งพร้อมน้ำขาวขุ่นที่พุ่งเลอะมือฉันเต็มไปหมด เขาตัวสั่นเล็กน้อยขณะที่ฉันฉีกยิ้มให้เขาพลางโน้มใบหน้าไปหอมแก้มเขา
“พอแค่นี้นะคะ พรุ่งนี้ฉันมีงานต้องทำต่อ”
“ตามนั้น” ลุกขึ้นออกจากตัวเขาและหยิบชุดคลุมอาบน้ำมาสวมใส่ปกปิดเรือนร่างตัวเอง กลัวว่าจะเกิดอารมณ์มากกว่านี้และเผลอทำตรงนี้ ด้วยเพราะมีงานใหญ่รออยู่จึงขอบายเขาก็แล้วกัน
“ช่วงนี้ต้องรบกวนด้วยนะคะที่ให้ไปรับไปส่ง”
“อือ” เขาพยักหน้ารับก่อนจะถอดเสื้อเชิ้ตสีขาวออกจนเผยให้เห็นร่างกายที่แกร่งกำยำของเขา อยากจะบ้าตาย! มาโชว์อะไรแบบนี้คือคิดว่าฉันไม่หื่นหรือไง จำต้องเบือนหน้าหนีภาพนั้นก่อนจะจับเขาฟัดจริงๆ
“ทางศูนย์บอกไหมคะว่ารถจะเสร็จตอนไหน”
“เสร็จตอนไหนก็ตอนนั้น” เดินสวนฉันไปก่อนจะหันมามองอีกรอบ “ขึ้นไปอาบน้ำ เดี๋ยวเป็นหวัด”
“รู้แล้วค่ะ” บอกแบบนี้ตลอดกลัวฉันป่วยหรือไงกัน! ฉันน่ะไม่ป่วยง่ายๆ หรอกบอกแค่นี้ คุณจิณณ์เดินหายลับไปส่วนฉันก็กึ่งวิ่งกึ่งเดินเข้ามาในห้องของตัวเอง อาบน้ำเรียบร้อยกำลังจะเตรียมตัวนอนเพราะพรุ่งนี้ต้องไปที่หน้างานแต่เช้าเหตุผลคือจะได้ชุดสำหรับเดินแบบแล้วไง อยากรู้ว่าชุดของฉันจะเป็นแบบไหน...
ประตูห้องเปิดขึ้นตกใจคิดว่าเป็นแม่ พอเห็นร่างสูงคุ้นตาที่สวมแค่กางเกงบ็อกเซอร์รัดรูปตัวเดียวเข้ามาในห้อง ฉันก็ลุกขึ้นนั่งทันทีด้วยความมึนงง ลืมล็อกห้องได้ไงก่อนไนล์!
“มีอะไรคะ?” คุณจิณณ์เดินมาหยุดข้างเตียงพลางยื่นมือถือมาให้ฉัน
“ขอเบอร์หน่อย”
“อ่า ได้ค่ะ” พยักหน้ารับและกดเบอร์ของตัวเองลงไปจากนั้นก็กดโทรเพื่อให้เบอร์ของเขาเข้าเครื่องของฉัน “ทีหลังเคาะห้องก็ดีนะคะ ไม่ใช่เปิดเข้ามาดีนะฉันไม่โป๊”
“ไม่ต้องล็อกน่ะดีแล้ว”
“...” เลิกคิ้วขึ้นมองคุณจิณณ์ที่โน้มใบหน้าลงมาใกล้จนฉันกระพริบตาถี่รัว
“จะได้ไม่ต้องเสียเวลาเปิดประตูให้ยุ่งยาก”
“หมายความว่าจะเข้าห้องฉันบ่อยๆ เหรอคะ?”
“มั้ง” คำตอบและรอยยิ้มของเขาทำให้ฉันเม้มริมฝีปาก “ว่าแต่เท้าเป็นไง”
“ทายาแล้วค่ะ ปกติของนางแบบค่ะ”
“อืม” คุณจิณณ์พยักหน้าก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากห้อง ทว่าสมองกับปากของฉันดันไวซะก่อน
“ฝันดีนะคะ” จู่ๆ ไปบอกฝันดีเขาแบบนี้ จะบ้าหรือไงไนล์? เธอเป็นบ้าเหรอ ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อยแค่นอนด้วยกันและมีสถานะพี่น้องบังหน้าแค่นั้น หากแต่ว่าคุณจิณณ์กลับหันมามองฉันพลางยกยิ้มมุมปาก
“See you in my dreams.” (เจอกันในฝัน)
ไม่รู้ว่าคำพูดของเขาเป็นการบอกฝันดีหรือเปล่า หากแต่ว่าคำภาษาอังกฤษที่เขาเอ่ยออกมาฉันคือคิดไปไกลแล้วนะ ประตูห้องปิดลง ฉันได้แต่อมยิ้มออกมาคนเดียวกับคำพูดของผู้ชายที่แสนจะเย็นชาและไร้ความรู้สึก ไม่สิ ไร้ความรู้สึกอะไรกันล่ะเรื่องอย่างว่าไม่เห็นจะเป็นแบบนี้เลย บอกตัวเองเลยนะไนล์ห้ามฝันถึงเขาเด็ดขาด!
ฉันตื่นขึ้นมาในช่วงเช้าของวันเพราะวันนี้ต้องรีบไปโรงแรมของเขาด่วนเลย เนื่องจากต้องนัดประชุมสวมชุดและเดินจริงจังก่อนจะถึงวันงาพรุ่งนี้ เลือกที่จะสวมเสื้อเกาะอกสีเทากับกระโปรงรัดรูปสีเทาสั้นโชว์เรียวขายาว เท้าของฉันยังไม่ค่อยหายเจ็บดีก็เลยสวมรองเท้าผ้าใบแทนการสวมส้นสูงจะได้ไม่เจ็บหนัก ทรงผมก็มัดรวบเป็นหางม้าแต่งหน้าเรียบนิ่งก็ลงจากชั้นบนสวนกับแม่ที่กำลังจะขึ้นมาตาม
“ไนล์ ตื่นแล้วเหรอลูก?”
“ค่ะ ไนล์ไม่กินข้าวเช้านะคะ ต้องรีบไปหน้างานด่วนเลยค่ะ” ฉันสวมกอดแม่พลางจูบแก้มท่าน บอกลาแม่เสร็จฉันก็วิ่งออกจากบ้านเห็นร่างสูงคุ้นตาสวมชุดสูทสีดำทั้งตัวกำลังยืนสูบบุหรี่อยู่ตรงรถตัวเอง “รอนานไหมคะ?”
“ไม่นาน” เขาตอบพลางทิ้งก้นบุหรี่ลงพื้นและใช้ปลายรองเท้าขัดเงาขยี้มันจนแหลก “ขึ้นรถ”
“แล้วกินข้าวเช้าหรือยังคะ”
“เรียบร้อย”
คุณจิณณ์ตอบแบบขอไปทีขณะที่รถของเขาเคลื่อนตัวออกจากบ้าน เราสองคนก็นั่งเงียบไม่มีใครพูดอะไรออกมาเลย พอนึกไปถึงเรื่องเมื่อคืนก็ทำให้นึกไปถึงความฝันที่บอกว่าจะไม่ฝันถึงเขาก็ดันฝันถึงซะงั้น ฉันน่ะอยากจะบ้าตายปากก็บอกตัวเองว่าอย่าไปคิดเรื่องของเขาก็ดันเก็บมาคิดจนเก็บมาฝัน ยิ่งคำพูดที่บอกว่าเจอกันในฝันยังคงลอยวนในสมองฉันเหมือนหนังที่ฉายซ้ำวนไปมา รถของเขาจอดที่โรงแรมในเวลาต่อมาฉันก็รีบลงจากรถของเขาแต่ยังไม่ทันได้เดินเข้าไปด้านใน น้ำเสียงเข้มแหบพร่าก็เรียกรั้งเอาไว้ซะก่อน
“มีอะไรเหรอคะ?”
“ระวังอย่าให้ตัวเองต้องเจ็บ” คำพูดที่ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่พอมันออกมาจากริมฝีปากแดงคล้ำกลับทำให้ฉันส่งยิ้มหวานให้กับใบหน้าหล่อเหลาที่คงสีหน้าเรียบนิ่ง
“ขอบคุณค่ะ”
[50%]
*-------------------------*