มินดามองสบตาบิดา “พ่อยังเหลือเด็กนั่นไงคะ มีนาอุตส่าห์ฝืนสังขารตัวเอง เธอทิ้งเขาไว้ให้พ่อเชียวนะ”
ไม้เม้มปาก แววตาอ่อนเศร้า “เพราะตอนนั้นฉันใจร้ายกับแกใช่ไหมมินดา แกถึงไม่ไยดีฉันเลย”
เสียงถอนใจดังพรวด “มันไม่เกี่ยวกันนะคะพ่อ การที่มินอยู่ที่นี่ อาจทำให้พ่อไม่สบายใจมากกว่า พ่อจะบงการใครไม่ได้เลยเพราะมินเป็นต้นแบบ การที่มินจากไป น่าจะดีสำหรับพ่อไม่ใช่เหรอคะ”
“แกเป็นลูกสาวของฉันนะมินดา”
“ค่ะ ข้อนี้มินไม่เคยลืม มินตอบแทนบุญคุณพ่อด้วยวิธีอื่นได้ ไม่จำเป็นต้องให้มินสนองความต้องการพ่อ แต่ขัดความรู้สึกมินนี่คะ”
“แล้วโนอาร์ละ?”
มินดาขมวดคิ้ว “โนอาร์เกี่ยวอะไรกับมินคะ?”
ไม้รวบมือตัวเองไว้ เขาเหลือแค่มินดาที่จะทำให้โนอาร์ถูกยอมรับ ตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน ไอเดนไม่ใช่แค่นักธุรกิจกิ๊กก๊อกที่เขาเคยดูถูก ผ่านมาหกปี ไอเดนกลายเป็นมหาเศรษฐี เขามีรายได้ต่อปีมากจนนับไม่ไหว ธุรกิจอย่างเดียวที่เขายกให้ไอเดนบริหาร สร้างรายได้ให้กับไม้ได้ไม่น้อยเลย
แต่ทว่า...ตอนนี้เขากลับเข้าใกล้ไอเดนไม่ได้อย่างที่ต้องการ
มีเงินปันผลส่งเข้าบัญชีเขาทุกปีไม่ขาด
เป็นการตอบแทนน้ำใจที่ไม้ไม่เคยคิดไว้ ผู้ชายคนนั้นไม่ต้องการติดต่อกับไม้ และครอบครัวเพลงพัดทั้งหมด
ไม้ควรยอมรับความจริง เขาหมดโอกาสที่จะเข้าถึงตัวไอเดน และบอกความจริงเรื่องของโนอาร์ไปแล้ว
คงเพราะสงสารหลานชายสุดอาภัพ ไม้พยายามส่งข่าวให้ไอเดนรู้ แต่ก็ถูกปฏิเสธแทบทุกครั้ง
“โนอาร์มีชื่อแก่เป็นแม่ในทะเบียนบ้าน”
“ค่ะ มินพอจะเดาได้ แล้วไงต่อคะ พ่อต้องการอะไรจากมิน?”
“พ่อเป็นคนแจ้งเกิดให้กับโนอาร์” ตอนนั้นเพราะความเห็นแก่ตัวบังตา ไม้เลยปิดการรับรู้จากไอเดน เขาไม่เคยแพร่งพรายเรื่องโนอาร์เลย
มินดานิ่งฟัง “ไม่มีชื่อพ่อของโนอาร์ในใบเกิด” สมัยนี้การไม่ใส่ชื่อบิดาในใบเกิดของเด็กกลายเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว ไม่ใช่ว่าหญิงชายมีอะไรกันจนเกิดทายาทขึ้นมาแล้วจะอยู่ด้วยกันรอด ขนาดคนที่รักกันเหนียวแน่น ยังไม่แน่ใจเลยว่าจะอยู่กันไปชั่วชีวิตได้
เรื่องของมีนา มินดาไม่แน่ใจนัก น้องสาวที่เรียบร้อยเคร่งครัดอยู่ใต้เงาบิดาที่คอยชี้นำให้ตลอด มีนาไปพลาดตรงไหน ถึงขนาดแหกกฎเกณฑ์ที่ไม้ตั้งไว้ได้
“พ่อของโนอาร์เอง ก็ไม่ไยดีกับยัยมีนานัก”
มิดานึกฉุน ขนาดยังไม่เคยเห็นหน้าชายผู้นั้น มินดากลับรู้สึกไม่ชอบขี้หน้าไอเดนเสียแบบนั้นเอง
“เดี๋ยวนะคะพ่อ หมอนั่นชื่อว่าไอเดนใช่มั้ยคะ อย่าบอกนะว่า...” มินดากลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ เธอสะดุดหูชื่อของชายผู้นั้นตั้งแต่ครั้งแรก จนมาแน่ใจเอานาทีนี้หลังจากได้ยินจากปากบิดา
จริงอยู่ชื่อของฝรั่งอาจจะฟังคล้ายๆ กัน
แต่นามสกุลของเขานั่นแหละ ที่บ่งบอกปูมประวัติของเขาเป็นอย่างดี
‘แบรนลี่’ มินดาครางในลำคอ
ผู้ชายที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโซนยุโรป แถมเผื่อแผ่ความทรงอิทธิพลของเขามาถึงโซนเอเชียแล้วด้วยซ้ำ ผู้ชายที่เป็นหนึ่งเรื่องเทคโนโลยี เขาสร้างตัวให้มายืนแถวหน้าได้ ในเวลาเพียงหกปี
“ใช่ ไอเดนคนนั้นแหละ” ไม้ย้ำ
“พ่อไปรู้จักคนระดับนั้นได้ยังไงคะ?”
มินดาไม่เข้าใจ นักธุรกิจที่วางมือแล้วเท่าอายุหลานชาย ไปรู้จักนักธุรกิจระดับไอเดน แบรนลี่ได้ยังไง มันแทบเป็นไปไม่ได้เลย
“เมื่อเจ็ดปีก่อน หมอนั่นยังไม่ได้ยิ่งใหญ่ขนาดนี้”
“เหรอคะ ท่าทางเขาหยิ่งจะตายชัก”
มินดาวิจารณ์ เท่าที่เคยเห็นผ่านตา ผู้ชายคนนั้นไว้ตัวและเย่อหยิ่งจนน่าหมั่นไส้
“เป็นเพราะพ่อเบื่อเล่นเกมในวงการธุรกิจ พ่อเลยยกบริษัทเราให้ไอเดนไป” มินดาเลิกหัวคิ้วขึ้นสูง “พ่อคงดูถูกไอเดนมากเกินไป ไม่คิดว่าเขาจะทำให้บริษัทที่ง่อนแง่นผลประกอบการแต่ละปีเฉียดขาดทุน กลายเป็นบริษัทชั้นนำมีกำไรต่อปีเกินร้อยล้านไปได้”
มินดาเริ่มทึ่ง ผู้ชายคนนั้นคงเก่งกาจไม่เบา ไม่อย่างนั้นวันนี้เขาคงไม่มีทางประสบความสำเร็จได้
“แต่เพราะพ่อมัวแต่หลงระเริงไปกับความสบายใจ จนลืมนึกถึงยัยมีนา” ไม้หยุดพูด เขาหลุบเปลือกตาข่มอารมณ์โกรธแค้นไว้ในอก “การที่พ่อปิดเรื่องยัยมีนาท้อง ไม่ใช่เพราะอยากได้ ‘เด็ก’ ไว้อย่างเดียวหรอก พ่อชิงชังไอ้หมอนั่น ไอ้คนที่ทำร้ายน้องสาวของแกด้วย” เสียงของไม้ผสมความคั่งแค้น แววตาที่โรยราก็เปลี่ยนไป ในแววตานั่นมีไอความโกรธลอยกรุ่น
“เคยคุยกับเขาหรือยังคะ” มินดาลองเสี่ยงถาม
“พ่อเข้าไม่ถึงตัวมันเลย” ไม้ยอมรับความปราชัย เขาหมดโอกาสที่จะเข้าใกล้ไอเดน แม้แค่เงาก็ไม่เคยเห็น
“พ่อต้องการอะไรจากผู้ชายคนนั้นคะ”
ไม้สูดลมหายใจลึกๆ “พ่อแก่แล้วยัยมิน หากพ่อเป็นอะไรไปตอนนี้ โนอาร์จะอยู่กับใคร หลานของแกไม่มีใครเลยนะ”
“มินเข้าใจค่ะ วันที่พ่อไม่อยู่แล้วมินจะมารับโนอาร์ไปอยู่ด้วยเอง ไม่ต้องห่วงนะคะ”
“มิน พ่อไม่ได้ต้องการแบบนั้น พ่ออยากให้แกช่วย?”
“ช่วยเรื่องอะไรคะ?”
“ช่วยให้ผู้ชายคนนั้น ยอมรับโนอาร์ที”
มินดาไม่อยากเชื่อหูตัวเอง ความต้องการของบิดาเกินความสามารถที่เธอจะทำได้ ผู้ชายคนนั้นเธอเองก็คงเอื้อมไม่ถึง
“หลานแกน่ะอยากมีพ่อแม่มาตั้งแต่พูดได้ ถึงจะไม่ค่อยเปิดเผยความในใจ แต่พ่อรู้ พ่อเป็นคนทำให้โนอาร์ตกที่นั่งนั่น พ่อเลยอยากช่วยให้โนอาร์สมหวัง แม้มันค่อนข้างเห็นแก่ตัวไปสักหน่อย” ไม้ถอนใจหลายเฮือก เขาเป็นต้นเรื่องทั้งหมด คนแก่ที่เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง ทำผิดพลาดหลายเรื่อง แต่กลับไม่อาจแก้ไขได้เลย
ผลกรรมนั่นเลยตกที่คนไม่รู้อีโหน่อีเหน่อย่างหลานชาย
“มินไม่รับปากนะพ่อ มินเองก็จนปัญญา มินมองหาทางเข้าถึงตัวเขาไม่ได้เลย”
ศิลปินปลายแถวไม่มีชื่อเสียง และยังมีฝีมือไม่ถึงขั้น งานเธอขายได้ก็จริง แต่ก็ไม่ได้ทำให้มินดาสร้างตัวได้ เธอยังคงเป็นแค่พนักงานในแกลลอรี่ที่ฟลอเรนซ์ วาดรูปได้ แต่ก็ไม่ได้สร้างปรากฏการณ์ช็อกโลก โลกของเธอกับชายผู้นั้นเหมือนก้นเหวกับหน้าผา เธอไม่มีทางตะเกียกตะกายไปถึงจุดที่ชายผู้นั้นยืนอยู่ได้เลย
เหมือนหินก้อนใหญ่หล่นโครมลงมาบนบ่า
มีทั้งความอึดอัด ลำบากใจ แต่ครั้นจะปฏิเสธก็อดเวทนาหลานชายไม่ได้
“แม่มิน คืนนี้นอนกับโนอาร์นะครับ”
เสียงสดใสตัดบทสนทนาที่เคร่งเครียด มินดาหันไปยิ้มให้ และแอบพิจารณาหลานชายครั้งแรก โครงหน้าของเด็กชายเหมือนถูกปั้นด้วยฝีมือศิลปินระดับโลก ไม่ว่าจะหน้าผาก จมูก หรือปลายคางเหลี่ยมที่รับกับปลายหางตาเรียวรีนั่นอีก
“โนอาร์เอ๋ย โตไปคงหล่อระเบิดระเบ้อเลยหลานฉัน”
มินดาอดบ่นพึมพำไม่ได้ โนอาร์น่าจะได้ยีนเด่นในตัวบิดามาไม่น้อย ขนาดมีอายุแค่ห้าปี โครงหน้ายังชวนมองจนแทบละสายตาไม่ได้ มินดานึกทึ่ง เด็กชายตรงหน้าแทบไม่มียีนสายสกุลเพลงพัดเลย มีเพียงดวงตาและแววตาเศร้าเป็นนิจนั่น ที่ถอดมาจากมีนา น้องสาวต่างแม่ของเธอ
“แม่มินยังไม่ตอบโนอาร์เลยนะครับ”
มินดากะพริบเปลือกตาปริบๆ ยิ้มแหยๆ ส่งให้ “โนอาร์ เอ่อ ถามแม่ว่าอะไรเหรอ” มันอดไม่ได้ที่จะกระดากปาก เธอควรทำใจใช้ชินนับตั้งแต่วันนี้แท้ๆ
เด็กชายฉีกยิ้ม มินดาเลยรู้สึกคลายความอึดอัด รอยยิ้มใสซื่อที่ช่วยทำให้โลกน่าอยู่ขึ้นเยอะ “แม่มินนอนที่นี่กับโนอาร์ไหมครับ?”
มินดาเบือนหน้าไปมองสบตาบิดา และโมลีที่นั่งเงียบๆ อยู่ฝั่งตรงข้าม “จะดีเหรอ ทุกวันโนอาร์นอนกับใครครับ?”
ไม่มีคำตอบจากทั้งสองคน โมลีเบือนหน้าหลบ แต่มินดารู้ใต้ความเงียบนั่น โมลีกำลังไม่พอใจเธออยู่