EP4 :
ร้อยแก้วก้มลงมองชุดเดรสรัดรูปสีแดงเพลิงที่เจ้นุชให้บัวคำนำมาให้ใส่ที่ห้องด้วยความไม่สบายใจ หล่อนไม่เคยใส่ชุดแบบนี้มาก่อน ทำให้รู้สึกประหม่าอย่างที่สุด
มือเล็กยกขึ้นขยับแว่นตาหนาบนใบหน้าเล็กน้อย ก่อนจะรีบทำสีหน้าให้เป็นปกติเมื่อกฤษดาเดินเข้ามาหา
“มายืนทำอะไรตรงนี้ล่ะนังแก้ว นู่น เข้าไปช่วยกันเสิร์ฟอาหารข้างใน”
ร้อยแก้วที่ยืนอยู่ด้านนอกยิ้มหน้าเจื่อน “น้ากฤษจ๊ะ ฉันขอเปลี่ยนชุดก่อนได้ไหมจ๊ะ คือชุดนี้มัน...”
“นี่มันชุดฟอร์มของพนักงานเสิร์ฟ จะเปลี่ยนได้ยังไงกันล่ะ นู่นเห็นไหม ทุกคนเขาก็ใส่กันทั้งนั้นแหละ” กฤษดาพูดขึ้นอย่างรำคาญ พลางมองหน้าของร้อยแก้ว
“แล้วแว่นตาน่ะ ไม่ใส่จะได้ไหม มันดูเกะกะมาก”
“เอ่อ... ถ้าไม่ใส่แก้วมองไม่เห็นจ้ะ”
หล่อนเห็นรอยยิ้มที่มุมปากของกฤษดา แต่ไม่นานมันก็จางหายไป
“ก็ตามใจ งั้นรีบตามเข้ามาล่ะ แขกมานานแล้ว”
“จ้ะ”
ร่างของกฤษดาเดินหายเข้าไปภายในส่วนที่จัดเป็นที่รับรองลูกค้าแล้ว แต่ร้อยแก้วยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวลใจ ซึ่งเรื่องที่ทำให้เป็นกังวลก็หนีไม่พ้นชุดที่สวมใส่นั่นเอง
“นังแก้ว... ยืนเซ่ออยู่ได้ เข้ามาสิ”
กฤษดาโผล่หน้าออกมาเรียกอีกครั้ง ซึ่งนั่นก็ทำให้ร้อยแก้วต้องสลัดทุกความทุกข์ทิ้งไปชั่วคราว
“จ้ะ น้ากฤษ”
หล่อนรีบก้าวเท้าเข้าไปภายในส่วนที่จัดเอาไว้รับลูกค้ากระเป๋าหนัก สาวๆ ในชุดแบบเดียวกับหล่อนเดินยกถาดอาหารรวมทั้งเครื่องดื่มกันกวัดไกว หล่อนสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ก่อนจะเดินเข้าไปหาหัวหน้าพนักงานเสิร์ฟ
“น้าสาคะ เจ้ให้แก้วมาช่วย... เสิร์ฟแทนพี่น้ำฝนค่ะ”
มาริสาที่กำลังยืนสั่งงานสาวเสิร์ฟคนอื่นอยู่หันกลับมามองหล่อนและอมยิ้ม
“เธอไปเสิร์ฟห้องสิบ ไปได้แล้ว”
“ค่ะ หัวหน้า”
แล้วสาวเสิร์ฟคนที่ยืนอยู่ก่อนหน้าหล่อนก็เดินจากไป มาริสาจึงหันมาคุยกับหล่อนแทน
“หุ่นดีเหมือนกันนี่ร้อยแก้ว”
สายตาของมาริสาที่ตวัดมองเรือนร่างของหล่อนตั้งแต่หัวจดปลายเท้า ทำให้หล่อนรู้สึกอับอายไม่น้อย
“เอ่อ...”
“ไม่ต้องพูดอะไรหรอก ฉันได้รับคำสั่งมาจากเจ้นุชแล้ว เดี๋ยวเธอไปเอาเครื่องดื่มตรงนู้นนะ เอาไปเสิร์ฟให้ลูกค้าห้องเก้า”
ร้อยแก้วมองตามนิ้วเรียวของมาริสาไป ก็พบว่ามีเครื่องดื่มถูกเตรียมใส่ถาดเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
“แค่เสิร์ฟใช่ไหมคะ น้าสา”
“ใช่ เสร็จแล้วก็ออกมาหาฉันที่นี่”
หญิงสาวลอบเป่าปากอย่างโล่งอก ก่อนจะรีบเดินไปอุ้มถาดเครื่องดื่มขึ้นไว้ในอ้อมแขน
“งั้นเดี๋ยวแก้วมาค่ะ”
“เดินดีๆ ล่ะ อย่าซุ่มซ่ามทำถาดร่วง เข้าใจไหม”
“ค่ะ น้าสา”
หล่อนเดินจากมาก่อน จึงไม่ทันได้เห็นสายตาที่มีเลศนัยของคู่สนทนา
“ห้องเก้า... มันห้องไหนนะ”
เพราะไม่เคยย่างกายเข้ามาในส่วนนี้มาก่อน ทำให้ร้อยแก้วไม่ชำนาญทางนัก หล่อนเดินมองเลขห้องอยู่ตั้งนาน แต่ก็ยังหาห้องเป้าหมายไม่พบ
“พี่คะ ห้องเก้าอยู่ตรงไหนคะ”
สาวเสิร์ฟที่หล่อนเอ่ยถามหยุดเดิน และมองหน้าหล่อนแล้วก็หัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่
“หน้าตาอัปลักษณ์แบบนี้ เจ้เอามาเป็นเด็กเสิร์ฟได้ยังไงกันเนี่ย”
ร้อยแก้วทำได้แค่ฝืนยิ้มให้กับคำดูแคลนของผู้หญิงสวยตรงหน้าเท่านั้น
“เอ่อ... รบกวนพี่คนสวยบอกทางไปห้องเก้าให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ”
พอถูกเรียกว่าพี่คนสวย คู่สนทนาก็อมยิ้มออกมา และก็พูดกับหล่อนดีขึ้น
“ห้องเก้าคือห้องวีไอพี อยู่ชั้นสองนู่น ขอบใจนะที่เรียกฉันว่าพี่คนสวย”
“ขอบคุณค่ะพี่คนสวย”
“เธอนี่มันปากหวานขัดกับหน้าตาจริงๆ”
ร้อยแก้วฝืนยิ้มและรอจนกว่าคู่สนทนาเดินจากไป หล่อนจึงเดินตรงไปที่บันได เพื่อขึ้นไปชั้นสอง
ใช้เวลาเพียงไม่นาน หล่อนมาหยุดที่หน้าห้องหมายเลขเก้า ซึ่งเป็นห้องรับรองแขกห้องเดียวที่อยู่บนชั้นนี้ หล่อนมองบานประตูไม้อย่างลังเล ก่อนจะตัดสินใจยกมือขึ้นเคาะประตู
“ขออนุญาตเสิร์ฟเครื่องดื่มค่ะ”
“เข้ามา”
เมื่อมีเสียงอนุญาตดังออกมาจากคนภายในห้องรับรอง มือเล็กสั่นเทาจึงค่อยๆ ดันบานประตูเข้าไปด้านใน
บรรยากาศภายในห้องรับรองหรูค่อนข้างสลัว และมีเสียงเพลงสากลเปิดคลอแผ่วเบาพอฟังได้ยิน บนโต๊ะกระจกเตี้ยหน้าโซฟาตัวยาวมีแก้วเครื่องดื่มที่ผ่านการดื่มแล้วอยู่สองสามแก้ว
“วางไว้ตรงนั้นแหละ แล้วก็ออกไปได้แล้ว”
ผู้ชายตัวใหญ่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีออกทึมๆ ออกปากไล่ทันทีที่หล่อนวางแก้วเครื่องดื่มบนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว หล่อนควรจะออกไปจากที่นี่ แต่สายตาไม่รักดีกลับจ้องเป๋งไปที่เขาคนนั้น
แม้จะมองผ่านความสลัวไม่ชัดเจนนัก แต่พลังอำนาจแห่งเพศชายกลับรุนแรงจนหล่อนตื่นตกใจ ดวงตากลมโตที่ซ่อนอยู่ภายใต้เลนส์แว่นหนาเบิกกว้าง กลีบปากอวบอิ่มเผยอ ดวงใจสาวเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ลมหายใจก็ติดแหง็กอยู่แค่ลำคอทันที เมื่อดวงตาคมกริบของเขาตวัดจ้องมา
เสมือนพื้นใต้ร่างสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง กายสาวปั่นป่วนราวกับมีพายุร้ายซ่อนตัวอยู่ พลังอำนาจของผู้ชายที่ไม่เคยประสบพบหน้ามาก่อนคนนี้ช่างรุนแรงต่อหล่อนนัก มันทำลายล้างกำแพงที่เพียรพยายามสร้างเอาไว้ป้องกันบุรุษเพศให้พังทลายลงยับเยิน
ไม่... นี่มันอะไรกัน ทำไม... ทำไมหล่อนถึงได้รู้สึกหวั่นไหวรุนแรงกับผู้ชายคนนี้นัก และทำไม... ทำไมต้องตัวสั่น มือสั่น และหัวใจสั่นด้วย เพราะอะไรกัน
ร้อยแก้วเม้มปากอิ่มแน่น พยายามบังคับตัวเองให้ลุกขึ้น และก้าวออกไปจากห้องนี้ แต่ดูเหมือนว่าเสน่ห์ของเขาจะสะกดหล่อนเอาไว้อย่างแน่นหนา หล่อนขยับตัวไม่ได้ แม้แต่จะหายใจยังทำได้ยากเย็นเลย
“มองฉันทำไมนัก ไม่เคยเห็นคนดื่มเหล้าหรือไง”
จนกระทั่งถูกน้ำเสียงหงุดหงิดของผู้ชายตรงหน้าซัดเข้าใส่นั่นแหละ หล่อนถึงได้สติ
“เอ่อ... ดิฉัน... ขอตัวค่ะ”
“ก็ไปสิ แล้วไม่ต้องเข้ามารบกวนฉันอีกนะ”
“ค่ะ...”
หล่อนตอบรับ พร้อมกับหยัดกายลุกขึ้นยืน แต่เพราะเสน่ห์ล้างผลาญของผู้ชายตรงหน้า เรี่ยวแรงจางหายทำให้หล่อนเซถลาและล้มใส่ตัวของเขา
“อ๊ะ...”
ตักของผู้ชายคนนี้แข็งแกร่งมาก หน้าอกของเขาก็กว้างเมื่อหล่อนซบหน้าลงไป อ้อมแขนทรงพลังในเสื้อเชิ้ตแขนยาวที่พับขึ้นมาถึงข้อศอกก็เต็มไปด้วยเรี่ยวแรง เขาตวัดรวบร่างของหล่อนเอาไว้ตามสัญชาตญาณ
“ขะ.. ขอโทษค่ะ”
ดวงตาของเขาเป็นสีเขียวมรกต หรืออาจจะเป็นสีอื่นก็เป็นได้ เพราะแสงสว่างภายในห้องนี้มีไม่เพียงพอ ร้อยแก้วหอบหายใจระรัวจนหน้าอกหน้าใจที่ใหญ่โตเกินโตกระเพื่อม ริมฝีปากแห้งปาก เมื่อไม่อาจจะแกะสายตาของตนเองออกจากใบหน้าหล่อราวกับเทพบุตรของลูกค้าหนุ่มได้
“ไม่ต้องมาอ่อย คืนนี้ฉันไม่ต้องการผู้หญิง”
แล้วเขาก็ผลักหล่อนออกห่างด้วยกิริยารังเกียจ และนั่นก็ทำให้แก้มนวลของหล่อนแดงก่ำด้วยความอับอาย
“ดิฉัน... ไม่ได้อ่อยค่ะ แต่ดิฉันล้มจริงๆ”
เขามองหล่อน และยิ้มหยัน “ลูกไม้แบบนี้ของผู้หญิงแบบพวกเธอ ฉันเจอะเจอมาหมดแล้ว ดังนั้นไม่ต้องแก้ตัว”
“แต่ดิฉัน... ไม่ได้แก้ตัวนะคะ”
“ออกไปให้พ้น ฉันจะดื่มเหล้า”
และบุรุษผู้มีใบหน้าหล่อราวกับเทพบุตรก็ไม่คิดจะมองมาที่หล่อนอีกเลย เขาก้มหน้าก้มตาดื่มแอลกอฮอล์บนโต๊ะอย่างเอาเป็นเอาตาย
หล่อนจำต้องปลีกตัวออกมาเงียบๆ ก่อนจะหยุดยืนพิงกับบานประตูไม้เพื่อทำจิตใจของตัวเองให้สงบ
“ทำไมหัวใจเราถึงเต้นแรงแบบนี้นะ”
มือเล็กยกขึ้นกุมหน้าอกข้างซ้ายของตัวเอง และสองพวงแก้มนวลยังคงแดงระเรื่อ