ตอนที่ 6

1486 คำ
ภาพเด็กชายร่างอ้วนป้อมนั่งตักทรายริมชายหาดก่อเป็นปราสาทอย่างขมีขมันทำให้อมาวดีอดมองอย่างเอ็นดูไม่ได้... มืออวบเล็กของเด็กชายเปื้อนทรายเต็มไปหมดแต่กระนั้นก็ยังยกมือที่เปื้อนทรายลูบหน้าจนแก้มป่องๆ พลอยเปื้อนทรายไปด้วย ดูเหมือนเด็กน้อยจะไม่สนใจเพราะเขาตั้งใจตักทรายเทใส่ถังแม่พิมพ์เทลงเป็นปราสาททรายขนาดใหญ่เท่านั้น หญิงสาวเห็นแล้วก็กลัวว่าเม็ดทรายจะทำให้แก้มเด็กระคายเคืองจึงเดินเข้าไปไกล้ๆ แล้วไล้นิ้วไปเกลี่ยทรายออกจากแก้มเด็กคนชายนั้นอย่างเอ็นดู ทั้งๆ ที่ไม่รู้จักกันมาก่อนแม้แต่น้อย แต่ความน่ารักของเด็กชายทำให้เธอกล้าเล่นด้วยโดยไม่คิดอะไร วันนี้ภาคินเกิดใจดีอะไรอมาวดีก็ไม่อาจทราบได้อยู่ดีๆ เขาก็อนุญาตให้นักโทษอย่างเธอออกมานั่งเล่นริมชายหาดหน้าบ้านพักตากอากาศของเขาได้ แต่เขาก็ห้ามเธอไปไหนไกลกว่าชายหาดและขู่ซ้ำว่าอย่าคิดหนีเพราะจะมีอาฟ่งตามดูอยู่ห่างๆ แม้ว่าอิสรภาพที่ได้มาจะไม่ยิ่งใหญ่อย่างใจนึกแต่เธอก็ดีใจที่พอหายใจหายคอได้โดยที่เธอไม่โดนตามติดพร้อมสายตาและวาจาที่น่าตบสวนกลับไปนั่น เธอนึกอยากให้ลูกน้องเขาเอางานด่วนมาให้เขาแบบวันนี้บ่อยๆ เพื่อที่เขาจะได้ไปอยู่ห่างๆ เธอให้หายอึดอัดบ้าง... และมันก็คงจะเป็นอย่างที่เธอหวังแน่นอนเพราะเขาเลือกที่จะอยู่เกาะนี้ต่อไม่ไปฮ่องกงตามกำหนดการเดิม คนบ้าอะไรก็ไม่รู้งานการไม่รู้จักไปทำบอกว่าจะไปฮ่องกงตั้งแต่สองวันที่แล้วก็ไม่ยอมไป เขาเปลี่ยนกำหนดการพักที่เกาะนี้เพิ่มไปอีกหลายวันด้วยเหตุผลที่ว่าอมาวดียังนิสัยไม่ดีขึ้นเลย ถ้าเธอว่าง่ายเชื่อฟังเขาเมื่อไหร่แล้วเขาค่อยจะพาเธอไป จากคำพูดนั้นอมาวดีรู้เลยว่าเธอคงถูกขังเดี่ยวบนเกาะไปจนตาย เพราะเธอไม่มีวันจะยอมญาติดีกับเขา และที่ไม่มีทางเป็นไปได้มากที่สุดคือการเชื่อฟังเขาแม้ว่าเธอจะทำเหมือนว่ากลัวเขาหงอเวลาที่เขาขู่หรือลงโทษ แต่มีเธอคนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่าความคิดในสมองเธอมันต่อต้านเขาทุกขณะจิต... ทุกวันนี้เธอแกล้งทำเป็นลดอาการต่อต้านเขาลงเพื่อรอให้ถึงทีของตัวเองอยู่ทุกลมหายใจ... อมาวดีสะบัดเรื่องไม่เป็นเรื่องออกจากหัว ไหนๆ ก็มีเวลาได้ห่างจากคนร้ายๆ อย่างเขามานอนเล่นริมหาดได้ครึ่งค่อนวันแล้วยังจะไปคิดถึงเขาให้คันไม้คันมืออยากเอาฟาดปากเขาขึ้นมาทำไมก็ไม่รู้ เธอหันมาสนใจเด็กชายร่างป้อมต่อ ปราสาททรายที่เด็กชายก่อนี้ใหญ่โตมากเขาคงเริ่มก่อตอนที่เธอหลับจนเธอตื่นมาเห็นเขาก่ออยู่อีกจึงได้ทำไปได้ใหญ่โตเท่าที่เห็นในตอนนี้ เก่งจริงน้า... ตัวแค่นี้ ว่าแต่เจ้าเด็กอ้วนนี้เป็นลูกเต้าเหล่าใครนะ ไหนภาคิน บอกว่าที่เกาะนี้ไม่มีใครอยู่นอกจากพวกเธอ แล้วเด็กคนนี้เป็นใครมาจากไหนล่ะ “หนูจ๋า มาเล่นตากแดดคนเดียวอย่างนี้ได้ยังไงพ่อแม่ไปไหนเอ่ย” อมาวดีถาม นึกแปลกใจอยู่ครามครันที่เธอญาติดีกับเด็กชายคนนี้ทั้งที่ปกติเด็กเล็กจะเป็นหนึ่งในสามสิ่งของโลกที่ไม่ถูกชะตากับเธอมากที่สุด สามสิ่งที่เธอเกลียดมากในโลกนี้ที่ว่าคือ สัตว์เลี้ยงทุกชนิด เด็กเล็กตั้งแต่แรกเกิดจนถึงสิบเอ็ดขวบ และภาคิน! “หนูไม่มีพ่อ ไม่มีแม่” เด็กน้อยตอบทั้งที่ยังตักทรายเล่นอยู่ “อ้าว ไม่มีพ่อมีแม่แล้วเกิดออกมาจากกระบอกไม้ไผ่หรือยังไงกันจ๊ะ” เธอต่อคำอย่างเอ็นดูเพราะนึกว่าเด็กชายพูดไปตามประสาเด็ก เธอหยิกแก้มป่องๆ เบาๆ นั้นอย่างหมั่นเขี้ยว เด็กชายปัดมือเธอออกแล้วทำหน้าตึงใส่เธอ “หนูไม่ได้เกิดออกมาจากกระบอกไม้ไผ่และหนูก็ไม่มีพ่อแม่จริงๆ เพราะน้าแอมนั่นแหล่ะทำให้หนูไม่ได้เกิด หนูต้องตายในท้องแม่เพราะน้าแอม น้าแอมคนเดียว” คำพูดนั้นทำให้อมาวดีผงะ เด็กชายเขวี้ยงที่ตักทรายทิ้ง แล้วลุกขึ้นยืนเผชิญหนากับเธอ ใบหน้าน่ารักที่เธอเห็นนั้นจ้องเธอถมึงทึงบิดเบี้ยวราวกับว่าโกรธแค้นเธอมาก “นะ นี่มันอะไรกัน” หัวใจของอมาวดีกองไปอยู่ที่ตาตุ่มแล้วเมื่อเธอถาม “อย่ามาทำเป็นไม่รู้เรื่องนะ เดี๋ยวบั๊ดเหนี่ยว” เด็กชายทำท่าวาดมือราวกับจะเหนี่ยวมาจริงๆ ถ้าเป็นปรกติอมาวดีคงขำเพราะเห็นว่าน่ารักแต่ตอนนี้เธอขำไม่ออก เพราะใจหายไปหมดแล้ว เธอกำลังกลัว... กลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “เพราะน้าแอมคนเดียว น้าแอมต้องรับผิดชอบ” เด็กชายตะโกนก้อง ใบหน้าที่เคยน่ารักเปลี่ยนเป็นบูดบึ้งและบิดเบี้ยวผิดรูปแปลกประหลาดไปไม่ใช่ใบหน้าคนปกติแล้ว คำว่า “น้าแอมต้องรับผิดชอบ” ดังก้องกังวานอยู่ในหัวของอมาวดี เด็กชายเดินเข้ามาใกล้เธอเรื่อยๆ จนเธอต้องผงะถอยหนี นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่! “แอม เป็นอะไร แอม ตื่นสิ” ภาคินเรียกหญิงสาว มือเขาเขย่าร่างบางที่นอนดิ้นไปมาบนเปลญวนขนาดใหญ่จนเปลแกว่งไปมา เธอมีเหงื่อชื้นเต็มหน้าผากและส่ายหน้าไปมาคิ้วขมวดเป็นปม เธอดิ้นรนเหมือนหนีอะไรสักอย่าง... ภาคินคิดในใจว่าอมาวดีคงฝันร้ายเห็นเขากระมัง “นี่คุณเป็นอะไร อมาวดี” เขาเขย่าเธอหนักๆ จนเธอผวาเฮือกแล้วลืมตาตื่นขึ้นมา “ภาคิน” เธอครางแผ่วเบาเมื่อเห็นหน้าเขา เธอทำอะไรไม่ถูกเพราะสติสตังค์ยังมาไม่เต็ม เมื่อครู่นี้เธอกำลังฝันร้าย... เขาปลุกเธอมาจากฝันนั้น “ผมเคลียร์งานปล่อยให้มาเดินเล่นแป๊บเดียว...แต่คุณแอบมานอนอู้ที่ใต้ต้นมะพร้าวนี่ตั้งนานนะ ว่าแต่คุณเป็นอะไรรึเปล่า... ผมเห็นคุณนอนดิ้นไปมาอย่างกับถูกผีเข้า หรือว่าลูกมะพร้าวหล่นใส่หัวเลยประสาทกลับล่ะคุณ” หญิงสาวถอนใจเฮือก เธอไม่มีอารมณ์ที่จะตอกกลับเพราะสมองและหัวใจยังไม่อยู่ในสภาวะปกติหลังจากที่ตื่นตระหนกกับสิ่งที่ฝันเห็น มันเหมือนจริงมากเหลือเกิน... เธอยังกลัวจนใจเต้นแรงมาจนตอนนี้เลยทีเดียว “ว่าไง... เงียบทำไมล่ะหาเหตุผลที่จะโกหกเรื่องอู้งานหรือไง ไม่เห็นต้องคิดนานเลยคุณถนัดไม่ใช่นักเหรอไอ้พวกสร้างเรื่องปั้นน้ำเป็นตัวอย่างนี้น่ะ” ภาคินเลือกทำร้ายเธอด้วยวาจาแบบนี้นับแต่งแต่ตอนเช้าหลังคืนที่เข้าฟาดก้นเธอจนช้ำไปหมด เพราะเช้านั้นอมาวดีทักทายเขาตอนที่เพิ่งตื่นนอนในยามเช้าด้วยประโยคที่ว่า “ฉันกับคุณไม่ได้เป็นอะไรกัน เพราะฉะนั้นอย่ามาหาเศษหาเลยกับฉันเด็ดขาด ถ้าปากคุณบอกว่ารังเกียจฉันฉะนั้นอย่ามาทำรุ่มร่ามราวกับพิศวาสกับฉัน การที่คุณปากไม่ตรงกับใจน่ะมันน่าสมเพชรู้ไหม อ้อ... ถ้าขืนคุณยังมาแตะตัวฉันอีกล่ะก็ฉันสาบานไว้ตรงนี้เลยว่าจะเรียกคุณว่าไอ้หน้าตัวเมียแทนชื่อคุณ” อมาวดีประกาศกร้าวแล้วกระโดดลงจากเตียงหอบก้นช้ำๆ วิ่งหนีเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วไม่รอการตอบรับหรือปฏิเสธจากเขา นับตั้งแต่วันนั้นภาคินก็ไม่เคยแตะเธอเลยทำให้เธอพอใจที่สร้างเกราะให้ตัวเองได้และได้ถือโอกาสหลอกด่าเขาโดยที่เขาอ้าปากค้างฉวกกลับไม่ทัน... แต่อมาวดีสะใจได้ไม่นานก็ต้องแทบหน้าหงายเพราะเขาตอกกลับด้วยการปิดกั้นอิสรภาพเธอทุกทางไม่ให้ติดต่อใครและใช้เธอทำงานหนักกว่าเดิม เขายังเลื่อนการกลับไปทำงานที่ฮ่องกงอย่างไม่มีกำหนด อ้อ... มีกำหนดที่ว่าเธอต้องนิสัยดีขึ้น... การตอกกลับจากเขามันร้ายแรงกว่าประโยคยาวๆ ที่เธอเตรียมมาด่าเขาทั้งคืนเป็นทบเท่าทวี... อยู่กับเขาไปเท่าไหร่อมาวดียิ่งเสียเปรียบทุกนาที มีอยู่ทางเดียวที่จะเป็นทางออกได้คือการหนี!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม