ตอนที่ 11 : หางานพาร์ทไทม์
ช่วงเที่ยงวันเดียวกัน
"ทางนี้" ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มและโบกมือเรียกเพื่อนใหม่ที่พึ่งเดินเข้ามาในโรงอาหารของมหาวิทยาลัย สรุปแล้ววันนี้ช่วงเช้าฉันเข้าเรียนไม่ทัน ต่อให้เข้าไปแต่อาจารย์เช็คชื่อแล้วก็เหมือนขาดเรียนอยู่ดี ฉันเลยเลือกที่จะนั่งรอเพื่อนทั้งสองคนที่โรงอาหารแทน เพราะเขาคนเดียวที่เอาแต่หาเรื่องทะเลาะกับฉัน ถ้าเขามาส่งฉันตั้งแต่แรกคงทันเรียนคาบเช้า
"เฮ้อ...กว่าอาจารย์จะปล่อย ใครจะคิดว่าเปิดเทอมวันที่สองอาจารย์ก็สอนล่ะ" เดวาบ่นอุบพร้อมกับนั่งลงตรงข้ามกับน้อยหน่า
"ขอบใจนะที่สั่งข้าวสั่งน้ำไว้รอเราสองคน น้อยหน่าน่ารักที่สุดเลย" พิมพ์ส่งยิ้มให้เพื่อนสาวคนสนิท เพราะเธอเป็นคนสั่งให้น้อยหน่าซื้อข้าวกับน้ำไว้ล่วงหน้า ทำให้เธอกับเดวามาที่โรงอาหารก็ได้กินข้าวเลย ไม่ต้องไปต่อคิว
"เราเต็มใจ ว่าแต่อาจารย์สอนตรงไหนบ้างช่วยติวให้เราหน่อยสิ"
"ก็บทที่หนึ่งนั่นแหละ ยังไม่มีอะไรมากน้อยหน่าก็อ่านบทนั้นได้เลย ตามหนังสือเป๊ะ"
"อ่อ ขอบใจนะ...เอ่อ เราขอถามอีกเรื่องสิ พอมีงานพาร์ทไทม์แถวๆนี้ทำบ้าง หรือมีคนรู้จักที่ทำงานพาร์ทไทม์บ้างไหมเราอยากหารายได้พิเศษทำหลังเลิกเรียน"
"น้อยหน่าเนี่ยน่ะจะหารายได้เสริม" เดวาพูดด้วยสีหน้าแปลกใจเพราะเห็นมีคนมาส่งน้อยหน่าด้วยรถสปอร์ตหลายสิบล้าน
"ใช่ๆ ไม่อยากทำให้พี่เราเดือดร้อนน่ะ ก็เลยจะหางานทำ อีกอย่างก็ไม่อยากเป็นภาระใครด้วย"
ฉันไม่อยากขอเงินพี่ไอร์แล้วถึงแม้ความจริงแล้วฉันจะไม่เคยขอเงินพี่ไอร์เลยก็ตาม แต่การที่พี่ไอร์ยังให้เงินฉันใช้อยู่แบบนี้ก็ไม่ต่างจากงอมืองอเท้ารอเงินจากพี่สาว อีกอย่างอยากหาเงินและใช้เงินที่ตัวเองหามาได้มากกว่า คำพูดของเขาเหมือนคอยเตือนสติฉันอยู่ตลอดเวลา
"อยากหาเงินได้เยอะไหมล่ะ เราก็พอรู้มาบ้าง พอดีเพื่อนเก่าเราที่ไม่ได้เรียนต่อทำงานนี้เหมือนกัน เด็กอายุยังไม่ถึงยี่สิบก็ทำได้ แค่หลบๆนิดหน่อยไม่โจ่งแจ้งเหมือนคนอายุยี่สิบขึ้นไป เพื่อนเรากำลังหาคนทำแทนอยู่เหมือนกัน มันจะกลับต่างจังหวัดที่ร้านเลยให้หาคนแทน แต่เป็นระยะสั้นๆนะแต่ค่าตอบแทนก็มากกว่าพาร์ทไทม์ทั่วไปอยู่แหละ"
ดวงตากลมโตตาลุกวาวเมื่อได้ฟังสิ่งที่พิมพ์พูดออกมา เหมือนฟ้าประทานเรื่องราวดีๆมาให้ฉันในวันนี้สักที หลังจากมีแต่เรื่องราวแย่ๆในช่วงเช้าที่ผ่านมา
"งานที่ยัยมิวทำน่ะเหรอ" เดวาถามพิมพ์ด้วยความสงสัย
"ใช่ๆ เมื่อวานมันก็ลงในกลุ่มหาคนทำงานแทนอยู่ แกก็เห็นไม่ใช่เหรอ"
"เออ...จริงด้วย ลืมไปเลย"
"แต่งานค่อนข้างดึกนะ เราก็ไม่ค่อยรู้รายละเอียดมาก เป็นเพื่อนสนิทเราเองตอนเรียนมัธยมปลาย เห็นว่าได้เงินดีแต่ก็อดหลับอดนอนหน่อย"
"งานอะไรเหรอ"
"เด็กนั่งดริ๊งค์"
ฉันได้แต่สงสัยว่ามันคืออาชีพอะไร ตั้งแต่เกิดมาพึ่งจะเคยได้ยินคำนี้ แต่พอรู้ว่าได้เงินดีความสงสัยเหล่านั้นก็เอาไว้ทีหลัง
"แต่เราสองคนก็ไม่ค่อยเข้าใจงานแบบนี้เท่าไหร่ ถ้าน้อยหน่าสนใจเราจะติดต่อเพื่อนให้และนัดเจอกันค่อยคุยรายละเอียดก็ได้"
"งั้นเรารบกวนพิมพ์กับเดวานัดเพื่อนให้หน่อยสิ เราอยากรู้รายละเอียดของงาน ถ้าได้เงินดีจริงเราก็อยากทำ"
เดวากับพิมพ์พยักหน้าและส่งยิ้มให้กับน้อยหน่า
หัวใจดวงน้อยเต้นระส่ำเมื่อรู้ว่าตัวเองจะได้งานทำ ไม่คิดเลยว่าการหางานพาร์ทไทม์มันจะง่ายขนาดนี้ ทั้งที่เมื่อคืนฉันต้องอดหลับอดนอนหางาน หวังว่าการทำงานหาเงินเองของฉันครั้งนี้จะลบคำสบประมาทคนปากไม่ดีไปได้บ้าง
กิจกรรมช่วงเย็นหลังจากเลิกเรียน
นักศึกษาปีหนึ่งในคณะต่างมารวมตัวกันใต้อาคารเรียนเหมือนเดิมเพราะต้องมาฟังคำใบ้จากรุ่นพี่ปีสี่เพื่อจะได้หาพี่รหัสตัวเองเจอ แต่กว่าจะได้คำใบ้พวกฉันก็โดนแกล้งกันสารพัด ทั้งเต้น ทั้งวิ่ง และตะโกนสุดเสียง พอทำให้มันเป็นเรื่องสนุกฉันก็สนุกไปกับมัน กลายเป็นว่าการรับน้องไม่ได้น่ากลัวเหมือนในข่าว แต่เรื่องที่ยากสำหรับฉันคือหาพี่รหัสตัวเอง
"บอกหนูแค่นี้เองเหรอคะ"
"แค่นี้ตรงไหน พี่บอกเราไปตั้งเยอะ"
"เรียนเก่ง ว่าที่เกียรตินิยม เป็นที่รักของเพื่อน แถมสาวๆติดตรึม นี่น่ะเหรอคะคำใบ้ มันอะราวเดอะเวิร์ลมากเลยค่ะหนูยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครคือพี่รหัส" ฉันทวนในสิ่งที่ตัวเองจดไว้ในกระดาษให้รุ่นพี่ฟัง เวลาได้คำใบ้พี่รหัสมาฉันจะจดไว้ทุกคำ แต่ทุกคำที่ฉันจดก็ยังไม่รู้ว่าใครคือพี่รหัสฉันสักที
"ไอ้เตวินท์มึงใบ้ให้น้องน้อยหน่าหน่อยดิวะ น้องจะร้องไห้แล้ว"
ฉันหันไปมองหน้ารุ่นพี่ปีสี่ที่ชื่อเตวินท์ เขาเป็นอีกคนที่ใช้คำว่าหล่อได้เปลืองจริงๆ ถึงแม้รูปร่างหน้าตาของพี่เตวินท์จะเหมือนคำใบ้ แต่ก็ใช่ว่าเขาจะเป็นพี่รหัสฉัน หลายคนในรุ่นพี่ปีสี่ก็ตรงคำใบ้กันทั้งนั้น และดูเหมือนสาวๆปีหนึ่งหลายคนจะมุ่งเป้ามาที่พี่เตวินท์กัน
"อยากรู้อะไรเกี่ยวกับพี่รหัสเราล่ะ" ริมฝีปากหนาคลี่ยิ้มกว้างเมื่อเห็นเด็กสาวหน้าจ๋อย
"หนูอยากได้คำใบ้ที่ชัดเจนกว่านี้ค่ะ พี่เตวินท์บอกหนูได้ไหมคะ ขอแบบคำใบ้ที่ฟังแล้วอ๋อเลย"
"ได้สิ มานั่งนี่" เตวินท์เรียกรุ่นน้องให้มานั่งฝั่งตรงข้าม
"เบาได้เบา น้องพึ่งสิบเก้า ปล่อยน้องเขาไปมีอนาคตที่ดีเถอะได้ไอ้เต" เพื่อนของเตวินท์เอ่ยแซวเมื่อเห็นว่าเรียกรุ่นน้องสาวสวยมานั่งฝั่งตรงข้ามแถมยังทำหน้าตาหล่อใส่ไม่ยั้ง แม้แต่เพื่อนด้วยกันเองยังหมั่นไส้
"หนูมานั่งแล้ว พี่เตวินท์บอกหนูได้ยังคะ"
"ขอกันง่ายแบบนี้เลยเหรอไง"
"โห่...มุกนี้มาอีกละ จะให้หนูวิ่ง หรือเต้นดีคะ เพื่อแลกคำใบ้"
"ตอนนี้พี่ยังคิดบทลงโทษไม่ออก แต่แค่อยากบอกว่าพี่รหัสน้องโสด"
"ฮิ้ววววว"
เป็นคำใบ้ที่ฉันงงไม่น้อยและไม่ได้ความชัดเจนอีกตามเคย แต่พอพี่เตวินท์พูดจบรุ่นพี่ปีสี่ที่ได้ยินก็พากันโห่ร้องแซวกันยกใหญ่
"น้องเขาอาจมีผัวแล้วก็ได้ พูดลอยๆเพื่อพี่รหัสน้องน้อยหน่าได้ยิน"
"หนูยังไม่มีแฟนสักหน่อย" ฉันหันไปพูดกับรุ่นพี่อีกคนที่นั่งอยู่ไม่ไกล และหันกลับมามองหน้าพี่เตวินท์ แต่เขากลับระบายยิ้มกว้างส่งมาให้ฉัน
รอยยิ้มนี้ทำไมมันช่างทำให้หัวใจอ่อนยวบยาบเหลือเกิน น้ำเสียงนุ่มนวลที่พูดกับฉันทำเอาร่างกายอ่อนระทวย คนอะไรก็ไม่รู้ทั้งขาว หล่อ สูง ยาวเข่าดี หุ่นนายแบบ
"พี่เตวินท์ยิ้มอะไรคะ หน้าหนูมีอะไรทำให้พี่ตลกหรือเปล่า"
"เปล่า...แค่เห็นว่าน่ารักดี เวลาเราหันไปตะคอกเพื่อนพี่"
"แหะๆ สงสัยลืมตัวไปนิด สรุปแล้ววันนี้หนูก็คงไม่ได้คำใบ้ที่บ่งบอกถึงพี่รหัสอีกแล้วสินะ"
"ก็ไม่แน่นะ เราอาจจะได้เจอพี่รหัสแล้วก็ได้" เตวินท์ส่งยิ้มให้รุ่นน้องปีหนึ่งด้วยความเอ็นดู ความไร้เดียงสาและความน่ารักของเธอสะกดใจไม่น้อย
ฉันได้แต่เกาแก้มแก้เก้อกับรอยยิ้มของรุ่นพี่ปีสี่ คำพูดแต่ละคำของพี่เตวินท์ต่างกับอีกคนอย่างสิ้นเชิง
ไม่นานกิจกรรมเจอรุ่นพี่เพื่อหาคำใบ้ของพี่รหัสก็จบลง ทำให้ฉันเดินมาที่ลานจอดรถท่ีอยู่ด้านข้างของมหาวิทยาลัย แค่เพียงเดินมาก็เห็นรถสปอร์ตสีเหลืองจอดรออยู่ก่อนแล้ว เรื่องตรงต่อเวลาคือสิ่งที่ดีสิ่งเดียวที่ฉันเจอในตัวเขา
รอยยิ้มค่อยๆจางหายไปเมื่อเข้ามาในรถเห็นอีกคนนั่งนิ่งราวกับหุ่น
"สิ่งที่ฉันสอนไม่เคยเข้าสมองเลยเหรอไง" สายตาคมกริบปรายตามองเด็กสาว
"สวัสดีค่ะพี่เทเลอร์" มือบางพนมมือไหว้อย่างนอบน้อมพร้อมกับฝืนยิ้มส่งไปให้เจ้าของคำพูดแดกดัน
ฝีเท้าแกร่งเหยียบคันเร่งออกจากลานจอดรถเมื่อได้สิ่งที่ต้องการถึงแม้จะรู้ว่าเธอกำลังประชดประชัน
"พรุ่งนี้หนูไม่มีเรียน หนูก็ไม่ต้องเจอพี่ใช่ไหมคะ"
"อืม"
"ค่อยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย" ฉันบ่นพึมพำกับตัวเองแต่เชื่อว่าเขาได้ยิน แต่ปฏิกิริยาของคนข้างๆยังคงเรียบนิ่ง
"อาทิตย์หน้าฉันจะสอนเธอขึ้นรถเมล์และกลับบ้านด้วยตัวเอง ฉันไม่ได้มีเวลาว่างมานั่งรอเธอเลิกเรียน เวลาฉันมีประโยชน์มากกว่ารอเด็กอย่างเธอ แต่ระหว่างนี้ถ้ามีปากก็ถามเพื่อนเอา แต่ควรถามเพื่อนคนอื่นมากกว่าสองคนนั้น"
"พี่รู้จักเพื่อนใหม่สองคนหนูด้วยเหรอคะ" ใบหน้าหวานแสดงความงุนงง ทั้งที่ฉันพึ่งเจอกับเดวาและพิมพ์ได้สองวัน ทำไมเขาถึงรู้ว่าฉันมีเพื่อนกี่คนและดูเหมือนคำพูดจะไม่ค่อยชอบทั้งสองคน
เทเลอร์ปรายตามองเด็กสาวเพียงชั่ววินาทีและกลับไปจดจ่อกับถนนเบื้องหน้าโดยไม่ตอบคำถามเธอ
"เงินนั่นของเธอ ไอรีนฝากมาให้"
ฉันมองซองสีขาวที่วางอยู่ตรงคอนโซนกลางด้วยความหนักใจ ในตอนเช้าที่ถึงมหาวิทยาลัยฉันกดเงินจากตู้เอทีเอ็มออกมาแค่สองร้อย แถมยังซื้อข้าวกับน้ำให้พิมพ์กับเดวาจนหมดเกลี้ยง ฉันยังไม่กล้าแม้แต่จะทวงเงินเพื่อน ถ้าฉันบอกกับเขา เขาคงด่าฉันว่าโง่อีกตามเคย
"ทุกวันนี้ก็แบมือขอเงินอยู่ไม่ใช่เหรอไง ทำไมทำหน้าเหมือนไม่อยากได้ หรือว่ากำลังแสดงละครตบตาฉันเพียงเพราะฉันด่าเธอเมื่อวาน"
"ไม่ต้องห่วงค่ะ ขอเวลาอีกไม่นานเดี๋ยวหนูจะทำงานหาเงินเอง และใช้ชีวิตด้วยตัวเอง คนอย่างน้อยหน่ายังไงก็เอาตัวรอด เมื่อไหร่ที่หนูหาเงินเองได้พี่อย่าลืมมาขอโทษที่ดูถูกหนูละกัน"
"หึ..." เทเลอร์หัวเราะในลำคอออกมาเบาๆคล้ายกับเยาะเย้ยคำพูดของเด็กสาว เขาเชื่อว่ายังไงเธอก็เอาตัวไม่รอด แม้แต่เพื่อนตัวเองยังดูไม่ออกว่าไม่จริงใจ แค่เขาเจอเด็กสองคนนั้นที่พาเธอไปร้านเหล้าหลังมหาวิทยาลัยก็รู้แล้วว่าเพื่อนเธอทั้งสองคนไม่ได้หวังดีกับเธอแม้แต่นิดเดียว แต่ก็ไม่ใช่กงการอะไรของเขาที่จะเข้าไปห้าม ปล่อยให้เธอเรียนรู้ประสบการณ์ชีวิตดูบ้าง