ตอนที่ 12 : สมรู้ร่วมคิด
ในช่วงสายของวันหยุด
วันนี้ฉันได้นัดกับเพื่อนทั้งสองคนเพื่อให้พาเพื่อนมาคุยเรื่องรายละเอียดเกี่ยวกับงานพาร์ทไทม์ ถือว่าเป็นการนั่งรถแท็กซี่ครั้งแรกในชีวิต เพราะไม่กล้าขึ้นรถเมล์กลัวหลง ถึงแม้จะแพงหลักร้อยแต่ก็ดีกว่าหลงไปจนหาทางกลับไม่ถูกต้องลำบากคนอื่นมาช่วยเหลืออีก การนั่งรถแท็กซี่ก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น ยกเว้นแค่เรื่องราคาที่ต้องกัดฟันจ่าย
เรานัดเจอกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งที่เดวาส่งโลเคชั่นให้ฉันมาที่นี่ เป็นร้านอาหารที่เปิดโล่งและมีโซนปิดด้านใน ตอนนี้หน้าร้านถูกปิดหมดและไม่มีคน คงเป็นเพราะร้านนี้เปิดให้บริการเฉพาะกลางคืน ฉันได้แต่อาศัยชะเง้อคอมองไประหว่างที่รอพิมพ์และเดวา ระยะทางจากคอนโดมาถึงร้านนี้ประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถือว่าไม่ไกลมาก น่าจะเหมาะกับรายได้เสริมหลังเลิกเรียน
ดวงตากลมโตมองนาฬิกาเรือนเล็กที่ข้อมือพลางถอนหายใจออกมาเบาๆ เพราะฉันมารอทุกคนที่หน้าร้านนี้ประมาณครึ่งชั่วโมงได้แล้ว แต่ก็ยังไร้วี่แววของเพื่อนสาวทั้งสองคน
สิบนาทีผ่านไป...
"น้อยหน่า"
เสียงเรียกที่คุ้นหูทำให้ฉันหันไปมองด้วยรอยยิ้มที่รู้สึกดีกว่าก่อนหน้านี้ เกือบชั่วโมงที่ฉันนั่งรอเพื่อนสาวทั้งสองคน และเหมือนมีอีกคนเดินตามมาด้วย คงเป็นคนที่จะให้ฉันทำงานแทน
"ขอโทษทีที่มาช้า นี่มิวเพื่อนเราเองที่จะมาคุยรายละเอียดงานกับน้อยหน่าวันนี้"
ฉันพยักหน้ายิ้มเหมือนทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ ไม่ได้โกรธที่เพื่อนทั้งสามคนมาช้า พอไม่ได้แต่งชุดนักศึกษาก็ดูเหมือนทั้งสามคนโตเป็นผู้ใหญ่มาก การแต่งตัวที่ไม่เหมือนเด็กอายุสิบเก้าเลยสักนิด ต่อให้เป็นตอนกลางวันแต่การแต่งหน้าแต่งตัวก็ต่างจากไปเรียนอย่างสิ้นเชิง สวนทางกับฉันที่มาเพียงเสื้อยืดกางเกงยีนขายาว พร้อมสวมรองเท้าผ้าใบ
พวกเราสี่คนเดินมาที่ร้านกาแฟที่อยู่ไม่ไกลจากตรงนั้น เท่าที่สังเกตเหมือนทั้งสามคนจะสนิทกันมานาน ดูการพูดคุยที่เป็นกันเอง และมีเรื่องพูดคุยกันไม่หยุด
"น้อยหน่าสั่งให้พวกเราหน่อยสิ จะได้เก่งๆไง" พิมพ์พูดด้วยรอยยิ้ม
"ได้สิ เอาอะไรบ้างล่ะ"
ฉันไม่เคยเกี่ยงเรื่องความต้องการของเพื่อน เพราะปกติตอนอยู่ที่เชียงรายฉันก็เป็นหัวหน้าห้องและคอยดูแลเพื่อนในห้องอยู่แล้ว ทั้งสามคนสั่งเมนูที่ตัวเองต้องการและเดินไปนั่งที่โต๊ะกัน โดยที่ฉันเดินไปสั่งที่เคาน์เตอร์พร้อมกับจ่ายเงิน
"ทั้งหมดสี่รายการ สามร้อยห้าสิบบาทค่ะ"
"สามร้อยห้าสิบบาทเหรอคะ" ฉันทวนอีกครั้งแต่ก็เหลือบไปเห็นราคาเครื่องดื่มแต่ละแก้วก็ลมแทบจับ แต่ละแก้วก็ราคาเกือบร้อย มีแค่ของฉันที่ถูกที่สุดเพียงห้าสิบบาทเท่านั้น สุดท้ายฉันก็ต้องหยิบซองเงินที่เขาพึ่งให้ฉันเมื่อวานมาจ่าย
สามสาวที่นั่งพูดคุยกัน
"นี่ๆ แล้วเราไม่ต้องจ่ายให้น้อยหน่าเหรอ แต่ละแก้วเกือบร้อยเลยนะ" มิวถามด้วยความแปลกใจ
"ไม่ต้องหรอก บ้านน้อยหน่ารวยจะตาย คนเขาพูดกันทั่วมหาวิทยาลัย มีคนขับรถสปอร์ตราคาสิบกว่าล้านมารับมาส่งทุกวัน" เดวากระซิบกระซาบกลัวว่าคนที่พูดถึงจะได้ยิน
"รวย? แต่ทำไมมาหางานพิเศษทำ และดูแต่งตัวก็ไม่ใช่คนมีเงินเลยนะ"
"คงเป็นพวกคุณหนูอยากลองติดดินมั้ง ฉันกับเดวาก็ให้ออกเงินซื้อข้าวให้ ไม่เห็นจะทวงเงินพวกฉันเลย แกก็ทำนิ่งๆไว้เชื่อฉัน เงินแค่นี้ไม่สะเทือนกระเป๋าหรอก แล้วอีกอย่างเรื่องงานที่จะให้น้อยหน่าทำแทน แกก็หักค่าหัวคิวสักหน่อย แล้วเอามาแบ่งกัน ถือว่าฉันกับเดวาพาเด็กมาให้แกได้กลับไปตอแหลกับผัว"
"อีสองตัวนี่ เท่ากับหลอกแดกเพื่อนเหรอวะ" มิวยิ้มกรุ้มกริ่ม
"หรือไม่เอา ได้เงินค่าหัวแถมไม่ต้องเหนื่อยทำงาน แก30 ฉัน20 ยัยเดวา20 ฉันถือว่าแกเป็นเจ้าถิ่นก็เลยให้มากกว่า แบบนี้พอใจไหม" พิมพ์ยกยิ้มมุมปาก
"เออๆ ตกลง…มาแล้ว" มิวชำเลืองไปที่น้อยหน่าที่กำลังเดินมา และพยายามหาเรื่องใหม่คุยอย่างทันท่วงที
"ขอบคุณนะน้อยหน่า"
"อืม...ไม่เป็นไรเรื่องแค่นี้เอง"
"งั้นมาคุยเรื่องงานกันเลยดีกว่า เห็นสองคนนี้เล่าว่าน้อยหน่าอยากได้รายได้เสริมหลังเลิกเรียน"
"ใช่ๆ พอดีเราไม่อยากขอเงินพี่แล้ว อยากหาเงินด้วยตัวเอง เราอยากรู้ว่างานทำแนวๆไหนเหรอ พอดีเราไม่ค่อยเข้าใจคำว่าเด็กนั่งดริ๊งเท่าไหร่"
"เท่าที่ดูจากภายนอก หน้าตาแบบนี้แขกชอบน่าดู แต่การแต่งตัวและแต่งหน้าต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด เราให้ยืมชุดก่อนได้เห็นว่ามาจากต่างจังหวัดคงไม่มีชุดที่เหมาะกับงานที่ทำ งานที่เราทำก็แค่เชียร์ให้แขกซื้อดื่มไม่ยากแค่เน้นเอนเตอร์เทนเก่งๆ มีถึงเนื้อถึงตัวบ้างแต่ถ้าไม่ไปต่อนอกรอบก็จบแค่ที่ร้าน เรียกง่ายๆว่าถ้าเชียร์แขกซื้อเครื่องดื่มได้เยอะ เงินก็จะได้เยอะ ถ้าเรียกเป็นดื่มก็เท่ากับว่า 1 ดื่ม ตีเป็นเงิน 300 บาท ร้านได้ 150 น้อยหน่า 150 ครึ่งๆเลย แล้วบอกเลยว่าลูกค้าไม่ได้ซื้อแค่ดื่มเดียวแน่นอน ไม่แน่นะหน้าตาแบบนี้ลูกค้าทุ่มหนึ่งพันดื่มก็คูณเอาละกัน"
“สะ แสนเลยเหรอ”
“อื้ม”
ฉันฟังมิวพูดรายละเอียดของงานอย่างใจจดใจจ่อ ถึงแม้จะรู้สึกตงิดใจอย่างบอกไม่ถูก แต่เท่าที่รู้เรื่องรายได้ของมิวก็ทำให้ดวงตากลมโตลุกวาว ไม่แปลกใจทำไมมิวถึงเลือกไม่เรียนต่อ เพราะเธอหาเงินได้ตั้งแต่ยังอยู่มัธยมและสามารถเลี้ยงตัวเองได้ เรียกว่าคงเลี้ยงตัวเองได้เป็นอย่างดีเปรียบเทียบกับสิ่งที่เธอพูดเรื่องรายได้ แต่ฉันคงไม่ลาออกจากมหาวิทยาลัยเพื่อมาทำงาน รู้ดีว่าทุกคนรอความสำเร็จเรื่องเรียนของฉันอยู่ แต่การที่ฉันจะหางานทำพิเศษนี้เป็นเพราะไม่อยากรบกวนพี่สาวคนสนิท และอยากลบคำดูถูกของพี่เทเลอร์
"แล้วน้อยหน่ามีแฟนไหม เวลาเข้าใกล้แขกจะได้คุ้นชินกับเพศตรงข้าม ไม่เคอะเขิน เพราะยิ่งเคอะเขินแขกจะรำคาญเอานะ"
"ไม่มีหรอก" ฉันไม่เคยคิดอยากมีแฟนเลย ต่อให้กุ๊กกิ๊กแบบวัยรุ่นทั่วไปก็ไม่เคยมีเลยสักครั้ง
"หน้าตาแบบนี้นี่นะไม่มีแฟน รอดมาได้ไงเนี่ย สวยขนาดนี้หนุ่มต้องมาจีบบ้างล่ะ"
"เราไม่ค่อยสนใจเรื่องแบบนี้สักเท่าไหร่ ก็เลยไม่รู้ว่าคนที่เข้ามาจีบหรือเปล่า"
"งั้นก็น่าจะยากหน่อยสำหรับคนที่ไม่เคยใกล้ชิดเพศตรงข้าม มันต้องใช้คำพูดและแววตาที่ทำให้แขกโน้มน้าวไปกับคำชวนของเรา สมัยนี้แล้วก็พูดตรงๆเลยนะ ยิ่งมีประสบการณ์ถือเป็นเรื่องดีสำหรับอาชีพนี้"
"ประสบการณ์งั้นเหรอ อย่าบอกนะว่า....." ฉันเว้นช่วงคำและนึกถึงเรื่องแบบนั้นเพราะดูจากสีหน้าของเพื่อนทั้งสามคนทุกคนจะเข้าใจตรงกันกับฉัน
"เดี๋ยวนะ สรุปมันงานแบบไหนกันแน่ ไหนว่าไม่เปลืองตัวถึงขั้นนั้นไง แต่มิวพูดเหมือนต้องทำเรื่องพวกนั้นเลยนะ"
"เราไม่ได้หมายความว่าน้อยหน่าต้องไปนอนกับแขก แต่แค่มีประสบการณ์ในเรื่องขี้อ้อนและเอาใจเฉยๆ ส่วนใหญ่เรื่องแบบนี้มันก็มาพร้อมกับเรื่องบนเตียงนั่นแหละ ใช้คำพูดหวานๆแววตาเยิ้มๆแขกก็หลงเสน่ห์แล้ว ยิ่งหน้าตาแบบน้อยหน่ายังไงแขกก็ทุ่มไม่อั้น"
"เงินดีนะน้อยหน่า หลักหมื่นบวกๆการันตีเลย แล้วบางคืนยังเหยียบแสน อีกอย่างงานของยัยมิวก็เริ่มเดือนหน้า ระหว่างนี้ลองหาประสบการณ์เพิ่มเติมดูสิ เราก็พอมีเพื่อนโสดอยู่นะ ถ้าอยากลองคุยกุ๊กกิ๊กบอกเราได้ หรือไม่แน่ก็พี่เตวินท์ ดูท่าทางเขาจะชอบน้อยหน่าไม่น้อย สานสัมพันธ์ไปเลย แล้วเรื่องทำงานหลังเลิกเรียนก็ไม่ต้องบอกจะได้ไม่มีปัญหากับแฟน งานแบบนี้ไม่ค่อยมีคนเขาบอกกันหรอก ถือว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลยนะ”
"ใช่ๆ ได้ทั้งเงินแถมยังได้แฟนให้กระชุ่มกระชวยหัวใจด้วย มีแต่ได้กับได้ และถ้าทำดีรับรองว่าได้ทำยาวแน่นอน ไม่ใช่แค่แทนยัยมิว"
ทั้งเดวาและพิมพ์ต่างพูดโน้มน้าวให้น้อยหน่าทำงาน พลางจับมือกันใต้โต๊ะเพราะทั้งสามคนก็ได้ส่วนแบ่งจากการทำงานของน้อยหน่า
แท้ที่จริงแล้วค่าดื่มไม่ใช่ 300 บาท แต่เป็น 370 บาท เท่ากับว่าส่วนต่าง 70 บาททั้งสามคนจะได้มาเฉลี่ยกันโดยไม่ต้องลงทุนลงแรง
"เดี๋ยวเราขอคิดดูก่อนนะ แต่อันที่จริงเราก็ทำได้โดยไม่ต้องมีแฟนนะ"
"ไหนลองทำสีหน้าออดอ้อนเราหน่อยสิ ประมาณว่าอยากให้เราซื้อเครื่องดื่มให้"
ฉันรอบกลืนน้ำลายเมื่อได้ยินสิ่งที่มิวต้องการให้ฉันทำ อยู่ๆหัวใจดวงน้อยก็เต้นระส่ำเพราะความประหม่าและทำตัวไม่ถูก
"ช่วยซื้อเครื่องดื่มให้เราหน่อยได้ไหม"
"จืดชืดมากเลยน้อยหน่า ลองอ้อนอีกนิด เปลี่ยนจากเราเป็นหนูสิ"
"เอ่อ...ชะ ช่วยซื้อเครื่องดื่มให้หนูหน่อยได้ไหมคะ" น้ำเสียงหวานพูดออกไปอย่างตะกุกตะกัก ต่อให้พยายามทำเสียงเล็กเสียงน้อยแต่ก็ยังคงฝืนอยู่ดี
"เห็นไหมว่าการออดอ้อนบางครั้งมันต้องใช้ประสบการณ์จากการอ้อนแฟน และยิ่งได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับแฟนความยั่วยวนหยาดเยิ้มมันก็จะตามมา จะแข็งทื่อแบบนี้ก็ไม่ต่างจากไล่แขกหรอก อย่าโกรธเรานะถ้าเราจะหาคนอื่นทำแทน ขอโทษที่ต้องพูดตรงๆ เพราะถ้าเราหาคนทำให้งานเสียหาย เจ้าของร้านได้ด่าเราตามหลังแน่"
"อย่าพึ่งด่วนตัดสินใจสิ ขอเวลาเราสักสองสามวันค่อยตัดสินใจได้ไหม" ถ้าไม่ใช่เพราะรายได้เหยียบแสนฉันคงไม่ลังเลขนาดนี้ ไม่คิดว่าการออดอ้อนจะยากขนาดนี้ ชีวิตนี้อ้อนแต่กับแม่ของตัวเอง ยังไม่เคยอ้อนแฟนเลย และถ้าให้ถลำลึกลงไปเรื่องอย่างว่ายิ่งไม่มีประสบการณ์