ตอนที่ 5 : ทำความรู้จักเพื่อนใหม่
บรื้น...
เสียงรถสปอร์ตคันหรูขับออกจากหน้ามหาวิทยาลัยด้วยความเร็ว ไม่ได้สะทกสะท้านกับคำพูดของเด็กสาว ใบหน้าคมคายยังคงเรียบนิ่งไม่ได้สนใจกับคำพูดน้อยใจของเธอ
ครืด ครืด
โทรศัพท์เครื่องหรูแผดเสียงดังเรียกความสนใจจากเทเลอร์ให้หันไปมองหน้าจอกลางคอลโซน นิ้วแกร่งเอื้อมไปกดรับสายทันที
"ว่าไงลิน"
(วันนี้ไปส่งน้อยหน่ามาไหมคะพี่เทเลอร์)
"อืม พึ่งออกมาจากหน้ามหาวิทยาลัย" เทเลอร์ตอบกลับเสียงเรียบ สายตายังคงจับจ้องอยู่กับถนนตรงหน้าเพื่อมุ่งหน้าไปทำงานที่บริษัท
(ค่อยโล่งอกหน่อย)
"ทีหลังให้เจ้าตัวโทรมาหาพี่เอง ไม่จำเป็นต้องเป็นไม้กันหมาให้ใคร พี่สอนไม่รู้จักจำ ถ้านั่งอยู่ข้างๆก็ส่งเสียง อย่าให้น้องฉันรับหน้าแทน"
สายตาคมปรายตามองหน้าจอถึงแม้จะไม่เห็นคนปลายสาย แต่ก็รับรู้ว่าอลินดาไม่ได้อยู่คนเดียว
"อย่างกับมีตาทิพย์ ที่พูดกับลินดี๊ดี พอรู้เป็นฉันก็แดกดันเหลือเกินนะ ฉันก็เคยเป็นเจ้านายนายนะเทเลอร์" ไอรีนพูดแทรกเข้ามาทันทีหลังจากถูกเทเลอร์จับได้
(แค่เคยเป็น แต่ตอนนี้ไม่ใช่...น้องสาวเธอฉันจัดการตามที่เธอต้องการเรียบร้อยแล้ว ทีหลังหัดสอนนิสัยเสียให้น้องเธอบ้าง ไม่ใช่นั่งโง่นั่งอึนไม่รู้โลกแบบนี้)
"เทเลอร์ นายนี่มัน..." ไอรีนตวาดเสียงดังลั่น
ติ้ด
นิ้วแกร่งเอื้อมไปกดตัดสายไปซะดื้อๆทั้งที่คนปลายสายยังพูดไม่ทันจบ คำตอบของเขาคงทำให้ทั้งสองคนสบายใจไม่น้อย
"เป็นเช้าวันทำงานที่แสนหงุดหงิด" ริมฝีปากหนาพึมพำเบาๆ ยิ่งนึกถึงความซื่อจนเกือบโง่ของน้องสาวไอรีน ทำให้เขาหงุดหงิดเสียอารมณ์ไม่น้อย แค่เห็นความซื่อบื้อของเธอก็พานทำให้เขาไม่ค่อยถูกชะตากับเธอ หวังว่าคงใช้เวลาไม่กี่เดือนที่จะทำให้เธอโตพอจะช่วยเหลือตัวเองได้
ตึก ตึก ตึก
ฝีเท้าหนักเดินเข้ามาในบริษัทของเจ้านายหนุ่มอย่างเช่นทุกวัน เทเลอร์ยังคงช่วยชาร์ลดูแลบริษัทเหมือนเดิม ต่อให้จะได้เลื่อนขั้นเป็นรองประธานบริษัทก็ยังคงสภาพตัวเองเหมือนพนักงานคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้เอาตำแหน่งที่ตัวเองได้รับไปแบ่งชนชั้นกับพนักงานคนอื่น
สายตาคมสอดส่องไปทั่วบริษัทในช่วงเช้าเพื่อตรวจดูความเรียบร้อยก่อนจะขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นผู้บริหาร ถึงแม้ตอนนี้เขาจะไม่ได้นั่งอยู่หน้าห้องประธานหนุ่มแล้วแต่ก็ยังอยู่ห้องใกล้ๆกัน นานๆครั้งชาร์ลจะเข้ามาบริษัทสักทีหนึ่ง และอีกไม่นานตำแหน่งประธานคงหนีไม่พ้นชาวินท์ที่จะมาดูแลต่อ
ไม่เคยคิดว่าตัวเองต้องได้เลื่อนตำแหน่งที่สูงกว่านี้ เพียงแค่รอเวลาให้คนมาทำแทนและดูวันที่บริษัทของชาร์ลเติบโตในรุ่นลูกรุ่นหลาน
"สวัสดีค่ะท่านรอง" เลขาสาวสวยกล่าวทักทายชายหนุ่มที่พึ่งออกจากลิฟต์ด้วยรอยยิ้ม
"สวัสดีครับ รบกวนเอาเอกสารการประชุมเมื่อวานเข้ามาให้ผมตรวจก่อนที่จะส่งท่านประธานด้วยนะครับ"
"ได้ค่ะ เดี๋ยวดิฉันเอาเข้าไปให้ในห้องนะคะ รับกาแฟเหมือนเดิมด้วยใช่ไหมคะ"
"อืม"
__________________
ดวงตากลมโตมองไปรอบๆตัวเองอย่างงุนงง สภาพแวดล้อมในรั้วมหาวิทยาลัยต่างกับโรงเรียนมัธยมปลายในตัวเมืองที่ฉันจบมาอย่างสิ้นเชิง ตึกต่างๆมากมายรายล้อมเต็มไปหมด เขามาส่งฉันและก็หายไป ปล่อยให้ฉันเคว้งคว้าง โชคดีที่ตัวเองยังมีความกล้าทำให้กล้าถามทางมาคณะตัวเองเพื่อจะไปห้องเรียน
นักศึกษาแต่ละคนแต่งองค์ทรงเครื่องกันอย่างจัดเต็ม ถึงแม้จะอยู่ในชุดนักศึกษาแต่กระเป๋ารองเท้าแม้แต่หน้าตาก็ถูกแต่งแต้มให้ดูดี ต่างกับฉันที่มีเพียงกระเป๋าผ้าสะพายข้างแถมยังใส่รองเท้าผ้าใบหน้าตาไม่มีแม้แต่เครื่องสำอางติดอยู่
ฉันเลือกเรียนในคณะครุศาสตร์ เพื่ออนาคตจะไปเป็นครูสอนเด็กๆบนดอยอย่างเต็มรูปแบบและมีความรู้มากพอที่จะถ่ายทอดความรู้ให้กับเด็กบนดอย ในปีหนึ่งจะเจอเพื่อนที่สนใจในคณะนี้แต่พอปีสองมหาวิทยาลัยฉันจะให้นักศึกษาเลือกสาขาวิชาเอก เพื่อนที่เคยรู้จักตอนปีหนึ่งอาจแยกไปคนละสาขา
"เดี๋ยวก็ชินน้อยหน่า เธอเก่งอยู่แล้วเรื่องการปรับตัวมันเป็นเรื่องง่าย โฟกัสที่เรื่องเรียน สิ่งของนอกกายไม่จำเป็นต้องมี"
ฉันเดินมาตามทางของตึกที่ตัวเองจะต้องมาเจอเพื่อนใหม่ ฝีเท้าเรียวเล็กหยุดหน้าห้องเรียนที่ระบุหมายเลขห้องของตัวเอง หัวใจดวงน้อยเต้นระส่ำในจังหวะที่เปิดประตูห้องเข้าไป ทุกสายตาของเพื่อนใหม่จับจ้องมาที่ฉัน มีเพียงสิ่งเดียวที่ฉันจะทำได้ตอนนี้คือส่งยิ้มบางๆและหาที่นั่งที่ว่างอยู่
"สวัสดี...เราน้อยหน่านะ"
"เราพิมพ์ ส่วนนี่เพื่อนสนิทเราเดวา"
"ยินดีที่ได้รู้จักนะ" ใบหน้าหวานก้มหัวให้เพื่อนทั้งสองคนที่นั่งอยู่โต๊ะข้างกันเพียงนิดพร้อมกับส่งรอยยิ้ม ถึงแม้ทั้งสองคนจะดูแต่งหน้าทำผมและใช้ของกันจัดเต็ม แต่การพูดจาก็ยังดูเป็นกันเอง
"ดูน้อยหน่าไม่ใช่คนที่นี่เลยนะ มาจากต่างจังหวัดเหรอ" เดวาสาวสวยผมทองถามขึ้น
"เรามาจากเชียงรายน่ะ หรือเรียกว่าเด็กบนดอยนั่นแหละ รู้ด้วยเหรอว่าเรามาจากต่างจังหวัด" คิ้วบางขมวดเล็กน้อยทั้งที่ฉันยังไม่ได้แนะนำตัวเองอย่างจริงจัง
"ที่นี่ค่อนข้างคัดคนนะ เห็นน้อยหน่าถือกระเป๋าผ้า ไม่แต่งหน้า แถมยังใส่รองเท้าผ้าใบ เหมือนเด็กเนิร์ด คนที่นี่ก็คิดว่ามาจากต่างจังหวัดทั้งนั้นแหละ"
มือบางกำกระเป๋าผ้าไว้แน่น พร้อมกับจิกเท้าในตอนที่เดวาเปรียบเทียบ มันคงจริงอย่างที่เธอพูดเพราะตลอดทางที่ฉันเดินมาห้องเรียนตัวเอง แต่ละคนก็ใช้ของที่ดูหรูหรา แม้แต่คนข้างๆก็ยังใช้โทรศัพท์แบรนด์ดังเหมือนกับของพี่เทเลอร์ ทั้งสองคนยังสวมรองเท้าส้นสูงใส่กระโปรงทรงตรงเข้ารูปที่แค่นั่งก็เลิกขึ้นถึงต้นขา ไม่คิดว่าเด็กปีหนึ่งของที่นี่จะแต่งตัวจัดจ้านแบบนี้เหมือนกัน
"ว่าแต่เชียงรายอากาศคงดีมากเลยนะ ผิวน้อยหน่าเนียนสวยเลย แต่ถ้าได้ลองแต่งแต้มเครื่องสำอางแบบพวกเรา เราว่าน้อยหน่าต้องสวยกว่านี้แน่เลย"
"เราแต่งไม่เป็นหรอก ชินกับตัวเองแบบนี้มากกว่า"
"เรื่องแบบนี้มันสอนกันได้ เป็นเพื่อนกันแล้วเดี๋ยวเราสอนเอง"
"พิมพ์เขาเก่งน่ะ เราก็เรียนรู้เรื่องพวกนี้จากพิมพ์"
ฉันได้แต่ส่งยิ้มให้กับทั้งสองคน ไม่คิดจะปฏิเสธความตั้งใจของเพื่อนใหม่ เราได้พูดคุยกันไปต่างๆนานา ความรู้สึกใจชื้นขึ้นมาทันทีเมื่อมีเพื่อนคุย ตอนแรกฉันยังแอบหวั่นกลัวจะไม่มีเพื่อนคบ แต่พอเอาเข้าจริงทุกคนดูเป็นมิตร