“เป็นอย่างไรบ้าง” น้ำเสียงเข้มเด็ดขาดเจือไปด้วยความกังวลเล็กน้อย
“คุณหนูร่างกายปกติดีเจ้าค่ะ” หมอหญิงประจำตระกูลตอบกลับ
“ปกติงั้นรึ แล้วเหตุใดจึงตัวแดงก่ำเช่นนั้น” คิ้วคมขมวดแน่นอย่างไม่พอใจ เขาอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็พบว่าเจ้าก้อนนุ่มเนื้อตัวขึ้นสีระเรื่อราวกับจับไข้จึงเรียกหมอให้มาตรวจสอบ
“แอ้!” ตัวต้นเรื่องได้แต่ขอโทษท่านหมออยู่ในใจ นางอับอายเหลือเกินที่เผลอแสดงอาการออกมาหลังจากเจอภาพน่าดูชมเมื่อครู่
“หว่าหวาลูกพ่อ เจ้าไม่สบายตัวหรือเปล่า” วงแขนแข็งแรงบรรจงประคองร่างนุ่มขึ้นมาจากเตียงเล็ก เขาวัดไข้ด้วยตนเองอยู่หลายครั้งแต่ก็ยังไม่มั่นใจนัก
“บู….แอ้” สองแขนสั้นขยับไปมาอย่างร่าเริง พยายามเต็มที่เพื่อบอกว่านางสบายดี
“ดูเหมือนว่าคุณหนูคงร้อนแค่ช่วงประเดี๋ยวหนึ่งจึงมีอาการตัวแดง พอได้รับลมสักหน่อยน่าจะดีขึ้นแล้วเจ้าค่ะ” หมอหญิงตอบไปตามที่คิดเนื่องจากตรวจสอบอย่างละเอียดแล้วก็ไม่พบความผิดปกติตรงจุดอื่น
“อืม เฝ้าดูอาการอีกหน่อยก็แล้วกัน” บรรดาข้ารับใช้ในห้องต่างถอนหายใจโล่งอก แรงกดดันที่นายท่านแผ่ออกมาทำเอาแทบหายใจไม่ออก
ผ่านไปครึ่งชั่วยาม (หนึ่งชั่วโมง) เมื่อไร้ความผิดปกติใดหมอหญิงจึงได้รับอนุญาตให้กลับได้ ส่วนเจ้าตัวยุ่งก็นอนเล่นอยู่ในห้องทำงานเช่นนั้นไม่ยอมกลับเรือนตน หากอุ้มพากลับก็จะร้องเพื่อบอกว่านางไม่ยอมไปไหนทั้งนั้น นั่นก็เพราะการจะตามสืบเรื่องราวทุกอย่างได้ย่อมต้องอยู่ให้ใกล้บิดาเข้าไว้
“หลับอีกแล้วงั้นหรือ” ถึงอย่างนั้นร่างกายทารกก็ยังคงต้องพักผ่อนมากกว่าที่คิด ในหนึ่งวันฟู่หวานอนไปแล้วเกือบสิบห้าชั่วโมง
“เป็นปกติของเด็กเล็กเจ้าค่ะ” เสียงหวานใสของแม่นมประจำตัวคุณหนูเอ่ยตอบคำถาม
“นายท่าน คุณชายกำลังเดินทางมาแล้วขอรับ” พ่อบ้านคนสนิทเข้ามารายงานเรื่องที่ได้รับมอบหมาย
“อืม ให้เขาอยู่เรือนทางปีกซ้ายก็แล้วกัน” ฝั่งนั้นนับว่าห่างไกลจากผู้คนเพราะไม่มีใครใช้เท่าไหร่
“ข้าขอเสียมารยาทออกความคิดเห็นได้รึไม่เจ้าคะ” กวานซินหยี่โค้งศีรษะให้ผู้เป็นนายเล็กน้อย
“ว่ามา” ดวงตาคมยังคงไม่เลื่อนห่างไปจากร่างเล็กบนเตียงนอนแม้แต่น้อย เขาชอบดูปากจิ้มลิ้มยามขยับมุบมิบคล้ายกำลังกินอะไรสักอย่างทั้งที่หลับอยู่
“หากนายท่านต้องการให้คุณชายกับคุณหนูสนิทกัน ควรเริ่มจากให้คุณชายมีส่วนร่วมในการดูแลคุณหนูนะเจ้าคะ” นางพอจะทราบมาบ้างว่าคุณชายเป็นบุตรของบ้านสายรอง การที่นายท่านคิดพามาในยามนี้คงวาดหวังให้เขาเป็นกำลังของคุณหนูในอนาคต ดังนั้นการปูพื้นฐานความรักในหมู่พี่น้องย่อมสำคัญที่สุด
“ข้าเห็นด้วยกับแม่นมกวานขอรับ ยิ่งพี่น้องผูกพันธ์กันมากเท่าไร พวกเขาจะช่วยเหลือกันและกันจนถึงที่สุดขอรับ” ในหมู่ขุนนางอาจหาพี่น้องที่มีสัมพันธ์แน่นแฟ้นได้ยากเนื่องจากต้องคอยแก่งแย่งความโปรดปรานจากผู้มีอำนาจในตระกูล
“อีกอย่างนายท่านต้องไม่แบ่งแยกระหว่างคุณชายกับคุณหนูเจ้าค่ะ แม้ไม่ได้รักเท่ากันแต่ต้องไม่แสดงออกจนชัดเจนเกินไป” เด็กเป็นวัยที่ยังอ่อนไหวต่อการกระทำของคนรอบกาย ยิ่งคุณชายได้รับบาดแผลจากการสูญเสียครอบครัวย่อมเป็นเรื่องเปราะบาง ถ้าผิดพลาดไปแทนที่จะได้ไพ่สำคัญ คงกลายเป็นไพ่ที่ถูกทิ้งเสียมากกว่า
“ยุ่งยากกว่าที่คิด” คราแรกแค่คิดว่าพามาเลี้ยงดูให้ดีกว่าตอนอยู่ตระกูลเล็ก ๆ ที่ไม่ได้รับการดูแลก็พอแล้วเสียอีก ไม่คิดเลยว่าจะมีรายละเอียดยิบย่อยวุ่นวายเพียงนี้
ข้ารับใช้ทั้งสองมองหน้ากันด้วยความเข้าใจ นายท่านของจวนนิ่งเงียบเย็นชา แค่มองก็รู้แล้วว่าเติบโตมาในสภาพครอบครัวแบบไหน
“หากนายท่านทำได้ จะเป็นเรื่องดีกับคุณหนูนะขอรับ” โหลวสุ่ยหมิงเอ่ยตามตรง ทั้งเรื่องความปลอดภัยและเรื่องความมั่นคงล้วนถูกแก้ไขได้ด้วยแผนการนี้ จวนหลักที่หมายปองตำแหน่งฮูหยินรวมถึงตำแหน่งทายาทย่อมหันเหความสนใจแน่นอน ถึงจะดูผิดกับคุณชายแต่ทางหน่วยองครักษ์ก็จะปกป้องเขาให้ถึงที่สุดในฐานะว่าที่ผู้นำคนถัดไป
“อืม” บุรุษสูงศักดิ์พยักหน้ารับขณะลูบแก้มยุ้ยของเจ้าตัวเล็ก ถ้าเพื่อแก้วตาดวงใจของเขาต่อให้ต้องฆ่าล้างบางศัตรูนับพันหมื่นเขาก็ยินดีทำ ทั้งที่เขาไม่เคยได้รับความรักจากผู้เป็นบิดาไฉนเลยจึงได้รักบุตรสาวที่ไม่ได้เกิดจากสตรีที่รักขนาดนี้นะ ช่างเป็นเรื่องเข้าใจยากจริง ๆ
ฉู่ฟู่หวาหลับยาวจนถึงช่วงเย็นย่ำ นางตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการงัวเงีย ดวงตากลมลืมขึ้นช้า ๆ พลางกระพริบถี่ ใช้เวลาไม่นานคุณหนูตัวน้อยก็เริ่มมองเห็นผู้คนรอบตัว
“แอ้!” สองมือน้อยชูขึ้นหาร่างสูงที่โน้มลงมาเพื่ออุ้มนาง
“ตื่นแล้วหรือ” น้ำเสียงอ่อนโยนส่งผลให้ฟู่หวาอารมณ์ดีจนยิ้มแก้มปริ
“เช็ดเนื้อเช็ดตัวสักหน่อยเถิดเจ้าค่ะ” แม่นมที่ยืนอยู่ไม่ไกลเตรียมผ้าชุดน้ำไว้พร้อมแล้วจึงตั้งท่ารอให้เจ้านายส่งตัวคุณหนูของนางมาให้
"ข้าทำเอง” แต่กลายเป็นว่าท่านเสนาบดีฉู่จะลงมือด้วยตนเอง
“เจ้าค่ะ” กวานซินหยี่ตอบรับทั้งยังคอยยืนดูเผื่อว่านายท่านจะทำสิ่งใดผิด
หลังจากเช็ดตัว ดื่มนม เรียบร้อยฟู่หวาก็เพิ่งรู้สึกตัวว่าในห้องนี้มีคนมากกว่าที่จำได้ ปกติห้องทำงานของผู้นำตระกูลไม่ใช่ใครจะเข้าออกง่าย ๆ ยิ่งเป็นสาวใช้ยิ่งโดนตรวจเข้มงวด เนื่องจากมีหลายครั้งที่ฉู่หว่านโจวมักต้องเห็นอะไรที่ทำให้อารมณ์เสีย เช่นสาวใช้บางคนที่มาถึงก็เปลื้องผ้าทันทีเพื่อยั่วยวนเขาหรือบางครั้งก็มียาปลุกกำหนัดปะปนมาในอาหารว่าง สุดท้ายห้องนี้จึงมีเพียงพ่อบ้านคนสนิทที่คอยรับใช้
“อู” เจ้าตัวเล็กสะดุดสายตาเข้ากับเด็กชายคนหนึ่งที่น่าจะอายุมากกว่านางไม่กี่ปี มือขาวผ่องยกไปกำแบตรงทิศทางที่เขายืนอยู่ จากสีหน้าฝ่ายตรงข้ามดูเหมือนกำลังเกรงกลัวแทบไม่กล้าสบตานางด้วยซ้ำ…ไม่ใช่สิ ไม่กล้าสบตาคนที่อุ้มนางอยู่ต่างหาก
“หว่าหวา นี่คือพี่ชายของลูก” เมื่อเห็นว่าบุตรีกำลังให้ความสนใจแขกแปลกหน้า เจ้าบ้านหนุ่มจึงอธิบายอย่างกระชับเน้นใจความสำคัญซึ่งนั่นไม่ได้ช่วยไขข้อข้องใจให้คนฟังเท่าไร โดยเฉพาะคนที่เพิ่งตื่นมาได้ไม่นาน
‘ห๊ะ! นอนหลับไปครู่เดียวอยู่ดีๆ ก็มีพี่ชายเสียอย่างนั้น!’
......................................................................................
โถท่านพ่อ ยัยหนูตัวแดงก็คิดว่าไข้ขึ้นแล้วหนึ่ง ทั้งที่เพราะตัวเองแก้ผ้าเดินไปเดินมาแท้ๆ
หว่าหวาตกใจมาก หลับไปหนึ่งตื่นพี่ชายก็มา