[ตอนที่ 1] คุณชายเรือนบงกช
[ตอนที่ 1]
คุณชายเรือนบงกช
ตุบ!
ร่างเล็กของสาวน้อยวัยเพียงสิบหกหนาว เมื่อมิกี่วันที่ผ่านมา ถูกเหวี่ยงเข้ามาในลานบ้านสกุลลู่ ทั้ง ๆ ที่นางยังร่ำไห้น้ำตานองหน้ามิหยุด ทว่าท่าทางน่าสงสารนั้นกลับไร้ซึ่งคนเห็นใจ นางหลี่ฮุ่ยมารดาเลี้ยงยืนกอดอกมองเหยียดลูกติดสามี ก่อนสะบัดหน้าพรืดไปหาฮูหยินสกุลลู่ เพื่อรับเงินค่าตัวของนาง
'ซ่งเสวี่ยอิง' ถูกนางหลี่ฮุ่ยพามาขายให้บ้านสกุลลู่ซึ่งกำลังประกาศรับสาวใช้ในเรือนเพิ่ม ทั้ง ๆ ที่สาวน้อยช่วยเหลืองานที่เรือนเป็นอย่างดี เพื่อมิให้ตนเองถูกมองเป็นส่วนเกินในครอบครัวใหม่ของบิดา ทว่าสิ่งที่ทำไปทั้งหมดกลับถูกมองว่าไร้ค่า และการมีนางอยู่ในสกุลซ่ง ทำให้สิ้นเปลืองข้าวน้ำเสียเปล่า ๆ
"ข้ายอมทำงานทุกอย่างเยี่ยงบ่าวอย่างที่เจ้าต้องการ เหตุใดยังขายข้าให้ผู้อื่นอีก ข้าไม่เคยร้องขอสิ่งใดจากท่านพ่อเลย ทุกอย่างล้วนยกให้เสี่ยวเมี่ยวก่อนเสมอ" ซ่งเสวี่ยอิงร้องถาม มิได้สนใจมือที่ล้มจนถลอกปอกเปิก ทำให้นางหลี่ฮุ่ยย่อตัวลงมาพูดกับนาง
"ส่วนเกินเช่นเจ้า เหตุใดข้าต้องเก็บไว้ ทุกวันนี้ข้าชังน้ำหน้าเจ้าจนจะกินข้าวไม่ลง ขายเจ้าที่นี่ก็ดีกว่าหอนางโลมไม่ใช่รึ ข้าปรานีเจ้ามากนะ" พูดจาร้ายกาจจบก็เฉดหัวสาวน้อยจนหน้าหัน
การกระทำของนางหลี่ฮุ่ย ทำซ่งเสวี่ยอิงรู้สึกคับแค้นในอกยิ่ง สาวน้อยได้แต่พยุงตัวลุกขึ้นยืน ยกมือเปื้อนฝุ่นดินปาดน้ำตาออกลวก ๆ มองนางหลี่ฮุ่ยถือถุงเงินค่าตัวจากไปอย่างสบายใจเฉิบ
นัยน์ตากลมโตสะท้อนแววโศกเศร้า มองประตูใหญ่สกุลลู่ค่อย ๆ ปิดลง จนร่างอวบอัดของนางหลี่ฮุ่ยหายลับไปจากสายตา สำหรับซ่งเสวี่ยอิงที่นี่ก็มิต่างจากกรงขังอิสระขนาดใหญ่ ที่สาวน้อยคงมิมีวันได้ออกไปอีก
"นางหลี่ฮุ่ยรับเงินฮูหยินไปแล้ว อยู่ที่นี่จงสำเหนียกตนและทำหน้าที่ตนเองให้ดี"
'นางกุ้ยเหนียง' แม่บ้านผู้ดูแลสาวใช้วัยกลางคน ซึ่งยืนอยู่ข้างฮูหยินลู่เอ่ยขึ้น ท่าทางของนางดูเป็นคนเข้มงวดและดุร้ายมิเบา ทำให้ซ่งเสวี่ยอิงได้แต่ก้มหน้ารับฟังถ้อยคำพร่ำเตือนของนาง
"เจ้าค่ะ" เสวี่ยอิงรับคำ นางหมดหนทางเลือกแล้ว
"ข้าได้ยินว่าเจ้ายังไม่ออกเรือนใช่หรือไม่" น้ำเสียงนุ่มนวลทว่าทรงอำนาจของฮูหยินลู่เอ่ยถาม
"เจ้าค่ะ"
"นอกจากงานบ้าน เคยดูแลปรนนิบัติผู้ใดบ้างหรือไม่" ฮูหยินลู่ถามต่อ
"เคยปรนนิบัติท่านแม่ตอนเจ็บป่วยระยะหนึ่ง ก่อนท่านแม่จากไปเจ้าค่ะ" ซ่งเสวี่ยอิงตอบฮูหยินตามตรง
หลังผู้เป็นบิดารับนางหลี่ฮุ่ยเข้ามาเป็นอนุ เพียงไม่นานนักมารดาของนางก็ล้มป่วยอย่างหาสาเหตุไม่ได้ นับวันยิ่งไร้เรี่ยวแรง กินอะไรก็อาเจียนออกมาหมด จนร่างกายผ่ายผอมทรุดโทรม ไม่สามารถลุกช่วยเหลือตนเองได้อีก ซ่งเสวี่ยอิงในฐานะบุตรสาวเพียงคนเดียว ทำได้แค่เฝ้าดูแลมารดาให้ดีที่สุด ทว่าเพียงราวเดือนเศษ มารดาของสาวน้อยก็จากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ
หลังจากสิ้นมารดาแท้ ๆ นางหลี่ฮุ่ยก็ยกตนขึ้นข่ม ทำตนราวเป็นภรรยาเอก จิกหัวใช้ลูกเลี้ยงมิต่างจากบ่าวไพร่ในเรือน แต่ซ่งเสวี่ยอิงก็หาได้ปริปากบ่น นางใช้ชีวิตอยู่ในเรือนนอนของมารดาอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตนเสมอมา
ทว่าสุดท้ายก็ยังถูกนางหลี่ฮุ่ยและบุตรสาวรังแกมิเว้นวัน วันไหนสาวน้อยทะเลาะตบตีกับซ่งเสี่ยวเมี่ยว ซึ่งอายุห่างกันเพียงหนึ่งปี ก็มักจะถูกสองแม่ลูกใส่ไฟ จนบิดาสั่งลงโทษเฆี่ยนตีนางให้หลาบจำ ด้วยนางมีศักดิ์เป็นพี่สาวของเสี่ยวเมี่ยว นางมิควรตบตีกับน้อง แต่ถึงกระนั้นเสวี่ยอิงก็มิคิดว่าบิดาแท้ ๆ ที่เคยเอ็นดูตนนักหนา จะเห็นดีเห็นงามกับการที่นางหลี่ฮุ่ยพานางมาขายให้แก่สกุลลู่เช่นนี้
"เจ้าพานางไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียใหม่ แล้วค่อยพามาให้ข้าดู" ฮูหยินลู่เอ่ย ก่อนจะเดินจากไปทันที
"เจ้าตามข้ามา" นางกุ้ยเหนียงส่งเสียงเรียก ก่อนเดินนำสาวน้อยไปยังโรงอาบน้ำของสาวใช้ในเรือนใหญ่
ซ่งเสวี่ยอิงพอจะรู้มาบ้างว่าสกุลลู่นั้นร่ำรวยและใหญ่โตเพียงใด นายท่าน 'ลู่เทียนเผิง' ผู้เป็นประมุขของบ้าน เป็นถึงเสนาบดีฝ่ายขวา 'ลู่อันหนิง' บุตรสาวคนโตโฉมสะคราญวัยยี่สิบสองปี เป็นถึงกุ้ยเฟยในองค์ฮ่องเต้ 'ลู่หลิงหวาง' บุตรชายคนรองวัยยี่สิบเอ็ดปี เป็นแม่ทัพใหญ่ประจำการอยู่ชายแดนใต้ และยังมี 'ลู่หลิงซี' วัยสิบเก้าปี บุตรชายคนเล็กของตระกูล ที่มีข่าวลือหนาหูว่าเป็นคุณชายหนุ่มอารมณ์ร้าย เอาแต่เก็บตัวอยู่แต่ในเรือนบงกชมานานนับปีแล้ว
สาวน้อยอาบน้ำและสวมชุดสาวใช้สีฟ้าอ่อนออกมาพบนางกุ้ยเหนียงซึ่งยืนรออยู่ด้านนอก ด้วยเดิมทีซ่งเสวี่ยอิงเติบโตมาในครอบครัวฐานะดี มีบ่าวรับใช้ในเรือนพร้อมสรรพ ก่อนสิ้นมารดานางไม่ค่อยได้ทำงานหนักหรือตากแดดตากลมนัก ผิวพรรณขาวจัดนวลเนียนจึงหาได้ถูกทำให้หยาบกร้านอันใด ทั้งเสวี่ยอิงยังดูแลเนื้อตัวของนางเป็นอย่างดี พออาบน้ำล้างตัวเสียหน่อยจึงดูงามมิน้อย
"ตามข้ามา" นางกุ้ยเหนียงพาซ่งเสวี่ยอิงกลับมาพบฮูหยินลู่ที่รออยู่ในห้องโถงใหญ่หรูหรา
เพียงแค่เห็นเสวี่ยอิงย่างกรายสะโอดสะองโผล่พ้นประตูเข้ามา ฮูหยินลู่ก็กวาดสายตามองสาวน้อยที่ชำระล้างร่างกายมาแล้วอย่างพิจารณาถี่ถ้วน
สาวน้อยนางนี้มีผิวกายขาวจัดราวปุยหิมะเหมันต์ เส้นผมยาวสลวยเป็นมันดำขลับตามธรรมชาติ ยิ่งช่วยขับโครงหน้ารูปไข่ให้โดดเด่น แพขนตาหนายาวเหนือนัยน์ตาดำกลมโตเปล่งประกายวาวระยับ ใต้เส้นคิ้วเรียงสวยช่างมีเสน่ห์ยามได้มองสบ จมูกเรียวเล็กเชิดรั้น ทำให้นางดูเป็นสาวน้อยซุกซนมีแรงดึงดูด ริมฝีปากอิ่มแดงระเรื่อน่าสัมผัสแม้นมิต้องแต้มชาดก็ยังมีชีวิตชีวา เรียกว่าแม้มิผ่านการประทินโฉม สาวน้อยก็ยังงดงามได้ถึงเพียงนี้ ทั้งเสวี่ยอิงยังมีรูปร่างเล็กบอบบางน่าทะนุถนอม ทว่ากลับมีสัดส่วนอวบนูนโค้งเว้าชัดเจน
'ช่างเป็นเด็กสาวที่มีรูปโฉมงามราวบุตรสาวจากตระกูลชนชั้นสูง หวังว่าซีเอ๋อร์จะพอใจให้นางอยู่รับใช้นะ' ฮูหยินครุ่นคิดในใจ หมายฝากความหวังไว้ที่สาวน้อย
"ให้นางไปรับใช้ที่เรือนบงกช" ฮูหยินลู่เอ่ยขึ้น หลังจากพิจารณาถี่ถ้วนแล้ว ทำให้นางกุ้ยเหนียงลอบกลืนน้ำลาย นึกเสียดายรูปโฉมของสาวน้อยนางนี้ยิ่งนัก มิรู้ว่าจะโดนคุณชายรังแกจนระบมช้ำเช่นสาวใช้นางอื่น ๆ ที่ผ่านมาหรือไม่
"แต่นางเพิ่งมานะเจ้าคะ" นางกุ้ยเหนียงอดเอ่ยแย้งมิได้ ด้วยรู้ดีว่าอารมณ์ของคุณชายน้อยหาได้อ่อนโยนเหมือนเก่าก่อนไม่ ไม่มีสาวใช้นางใดอยู่รับใช้คุณชายได้เกินหนึ่งวันสักราย แล้วสาวน้อยท่าทางบอบบางอย่างซ่งเสวี่ยอิงจะรับมือคุณชายไหวหรือ
"ซ่งเสวี่ยอิงเจ็ดวันมานี้ที่เรือนบงกชเปลี่ยนสาวใช้มาแล้วสิบคน และที่อยู่ของเจ้าคือเรือนของคุณชายลู่หลิงซี หากเจ้าไม่สามารถทำให้คุณชายยอมรับได้ ข้าคงต้องขายเจ้าให้หอเด่นดารา" ฮูหยินลู่เอ่ยน้ำเสียงนิ่งเรียบ ท่าทางทรงอำนาจดุจนางพญาบ่งบอกว่านางมิได้กล่าวข่มขู่ลอย ๆ
คำว่า 'หอเด่นดารา' ทำให้สาวน้อยเสวี่ยอิงสะท้านเยือกในอก เพราะหากนางมิสามารถอยู่รับใช้คุณชายที่เรือนบงกชได้ นางจะถูกขายออกไปที่หอเริงสำราญแทน ยอมรับใช้หนึ่งบุรุษ ย่อมดีกว่าพลีร่างให้บุรุษมากหน้าที่หอเริงสำราญ หากแต่ถ้าเลือกได้ นางก็ขอให้คุณชายเมตตาปล่อยนางไป
"บ่าวทราบแล้วเจ้าค่ะ" เสวี่ยอิงรับคำ ทั้ง ๆ ที่มิรู้ว่าจะทำให้คุณชายยอมรับนางได้หรือไม่
ในใจสาวน้อยมีเพียงถ้อยคำบอกเล่าที่ว่า เจ็ดวันเปลี่ยนสาวใช้สิบคนซ้ำไปซ้ำมา คุณชายลู่หลิงซีเรือนบงกชท่าทางจะเอาเรื่องมิน้อย มาวันแรกก็ถูกส่งไปที่นั่น ฮูหยินลู่ช่างเมตตานางยิ่งนัก
"พานางไปส่ง" สิ้นเสียงฮูหยินลู่ นางกุ้ยเหนียงก็สะกิดแขนเสวี่ยอิงให้เดินตามไปยังเรือนบงกชของคุณชายน้อยลู่หลิงซีทันที