โจรรังผึ้ง

1993 คำ
หย่าที่ 4 โจรรังผึ้ง เกือบสองเดือนหลังราชโองการแต่งตั้ง ในที่สุดวันเดินทางเคลื่อนทัพถูกกำหนด นอกจากทหารส่วนตัวของเซียวฉีหมื่นกว่าคน เขายังต้องนำนักโทษที่ถูกเนรเทศติดตามไปด้วย คนเหล่านี้ส่วนมากเป็นครอบครัวขุนนางกระทำผิด ที่ผ่านมาใช้ชีวิตสุขสบาย พอออกเดินทางไกลจึงมีปัญหาอยู่บ้าง เนื่องจากจำนวนคนมาก เส้นทางที่ใช้จึงมิใช่สายหลัก ตัดผ่านป่าเขาลำห้วย ตีคู่ขนานไปกับทางหลวงด้วยความยากลำบาก นอกจากข่าวเซียวโหวเคลื่อนทัพที่ไม่ใช่เรื่องแปลก เมืองหลวงก็ยังมีอีกข่าวหนึ่งที่น่าตกใจ ฟังว่าองค์หญิงชิงถิงออกบวชแล้ว นางออกบวชเป็นนักพรตหญิงอยู่ที่อารามเมี้ยวกวน ตอนแรกชาวบ้านร้านตลาดยังสงสัย นางมีตำแหน่งสูงส่งเป็นถึงกงจู่ ไฉนยอมทิ้งบรรดาศักดิ์ออกบวชให้ลำบาก แต่แล้วหลังเซียวโหวเดินทางครึ่งเดือน ทุกคนค่อยทราบ โถ่!ที่แท้นางคิดติดตามชายคนรัก ใช้ข้ออ้างศึกษาวิชาบำเพ็ญตน ออกเดินทางไปฝึกฝนยังสำนักหรงหู่ ใครบ้างไม่ทราบ สำนักหรงหู่มีชื่อเสียงโด่งดัง ที่ผ่านมาส่งอาจารย์พรตมากวิชาเข้ารับใช้ราชวงศ์เว่ยในวังหลวง มีหน้าที่ทำนายหมู่ดาว และช่วยคำนวณฤกษ์ยามประกอบพิธีกรรมต่างๆ ในเมืองหลวง ผู้คนส่วนใหญ่ทราบถึงความสัมพันธ์ชิงรักหักสวาท ระหว่างเซียวโหวและองค์หญิงชิงถิงดี เมื่อปะติดปะต่อเรื่องราวเข้าด้วยกัน ไหนเลยดูไม่ออก นางไปฝึกตัวยังสำนักหรงหู่ ซึ่งอยู่ในเขตมณฑลที่เซียวโหวดูแล ต่อให้นางละทิ้งบรรดาศักดิ์องค์หญิง ยังไงก็ยังเป็นบุตรสาวฮ่องเต้ เซียวโหวอย่างไรก็ต้องคอยดูแลนาง เซียวฉีนำทัพเดินทางไปได้เกือบเจ็ดร้อยลี้ เขาหารู้ตัวไม่ ยามนี้ตนกำลังถูกอ่านรับประทานอีกครั้ง... หอการค้าถังหยวน รถม้าเกือบครึ่งร้อยจอดขนถ่ายสินค้า หีบใหญ่ถูกลำเลียงออกจากโกดังหีบแล้วหีบเล่า ด้านในบรรจุเครื่องเงินและเหล็กจำนวนมาก ทั้งหมดล้วนเป็นของใช้สอยในชีวิตประจำวัน บนหอชั้นสอง ห้องทำงานของถังโหรวนั่งไว้ด้วยคู่สัญญาเจ็ดคน นางเปิดดูเงินในหีบและให้ฝ่ายบัญชีตรวจนับจนครบ จากนั้นสั่งคนงานให้ยกทั้งหมดไปเก็บยังคลังสมบัติ ค่อยหันมาพูดคุยกับสหายคู่ค้าต่ออย่างเป็นกันเอง นี่เป็นเงินประกัน ราคาสินค้าประเมินของนางคือเก้าหมื่นตำลึง สี่หมื่นห้าที่ถูกยกไปเมื่อครู่ ใช้รับรองว่า หากเกิดอันใดขึ้นกับสินค้านางระหว่างทาง อย่างน้อยนางก็ไม่ต้องเป็นผู้เสียหายแต่เพียงผู้เดียว เพราะเป็นการค้าแบบนำของไปขายก่อน เงินค่อยจ่ายทีหลัง คู่ค้าของนางสามารถทำกำไรได้อย่างเต็มที่ พวกเขาหากหาผู้ซื้อได้ในราคาสูงกว่าราคาประเมิณ ก็เท่ากับการจับเสือมือเปล่า เพราะสามารถคืนสินค้าส่วนที่ขายไม่หมดได้โดยมิได้หักส่วนต่างใดๆ อย่าว่าแต่ ราคาของนางมิได้สูงมาก พอออกนอกด่าน ทุกคนล้วนทราบว่าสินค้าที่นำไปอย่างต่ำราคาต้องพุ่งเกือบสองเท่า ก่อนขายแน่นอนว่าพวกเขาต้องทำการบ้าน ว่าชนเผ่าใดต้องการของสิ่งใด ทั้งยังส่งคนไปติดต่อสอบถามก่อน หาผู้ซื้อไว้ล่วงหน้า แล้วค่อยขนของออกนอกด่านไปทีหลัง การไปครั้งนี้ก็เช่นกัน ทูตติดต่อของคหบดีหลายคนส่งข่าวมา พวกเขาหาผู้ซื้อได้ครบแล้ว แบ่งออกเป็นหกชนเผ่า ตอนนี้เหลือเพียงส่งมอบสินค้า แล้วนำเงินอีกสี่หมื่นห้าพันตำลึงที่เหลือมอบให้โหรวฮูหยิน เงินส่วนต่างไม่ว่าได้มาเท่าใด ล้วนเข้ากระเป๋าพวกเขาทั้งหมด กำไรงามทั้งขึ้นทั้งล่อง ดังนั้นภายในห้องจึงพูดคุยออกรสออกชาติ บอกว่าขอบคุณโหรวฮูหยินที่เห็นพวกเรามีความสามารถ เรียกใช้งานกลุ่มพวกเรา พอรับสินค้าเสร็จ ตรวจสอบจนมั่นใจว่าไม่ตกหล่นอันใด นายทุนทั้งหมดก็สั่งคนของตนเดินทางทันที ส่วนพวกเขาก็เชิญถังโหรวร่วมงานเลี้ยง หากแต่หญิงสาวปฏิเสธไป บอกว่าทางบ้านยังมีเรื่องราวต้องจัดการ เอาไว้ครั้งหน้าเราค่อยเป็นเจ้ามือเลี้ยงขอโทษท่าน *** ตะวันคล้อยบ่าย เย็นวันนั้นถังโหรวกลับคฤหาสน์ก็ได้รับข่าวใหญ่ ฟังว่าสามีนางออกเดินทางแล้ว พอปิดจดหมาย มือไม้พลันสั่นระริก เรียกหงอี้จัดเก็บข้าวของส่วนตัวบุตรทั้งสอง ย้ายไปคฤหาสน์ที่อยู่ติดกัน “หงอี้รีบด่วน! พรุ่งนี้เจ้าก็ไม่ต้องมาปรนนิบัติข้าแล้ว นำบ่าวไพร่เก่าเราทั้งหมดย้ายไปเลย!” หงอี้รู้งาน รีบสั่งบ่าวไพร่หลบหนีทันที จากเมืองหลวงมานี่ อย่างต่ำเดินเท้าสองเดือน ในเมื่อข่าวมาถึงมือนางวันนี้ แสดงว่าเขาคงออกเดินทางมาซักระยะแล้ว หลังสั่งหงอี้ นางเรียกหาตัวพ่อบ้าน บอกให้เขาซื้อบ่าวไพร่ใหม่ๆ มาซักหลายสิบคน จะให้ดีเอาที่โง่งมหน่อย หรือไม่ก็เอาพวกที่มาใหม่จากเมืองอื่น อย่าเอาคนที่เคยอาศัยอยู่ในเมืองนี้ ชายชรารับคำ เขาเรียกนักบู๊พิทักษ์ตึกเจ็ดแปดคนให้ตามมา คิดออกเดินทางไปเมืองข้างเคียง หาซื้อบ่าวไพร่ให้นายหญิงซักหกสิบคน หากแต่ทุกอย่างไม่ง่ายอย่างที่คิด ลูกๆ ของนางพอพบว่าตกดึกมารดาไม่นอนด้วย ทั้งสองก็พากันงอแงดีดดิ้น สุดท้ายเป็นหงอี้ทนไม่ไหว ต้องอุ้มเจ้านายทั้งสองกลับมา ห่างจากเมืองถงหลินราวพันกว่าลี้ กระโจมชั่วคราวถูกตั้งขึ้น กองกำลังเซียวจุดไฟหุงหาอาหาร คืนนี้พวกเขาต้องพักกลางป่า เพื่อเอาแรงก่อนข้ามภูเขาเบื้องหน้า ซึ่งเป็นเส้นแบ่งระหว่างภาคกลางและภาคเหนือ “หยุดก่อน!” หน้ากระโจมแม่ทัพ ทหารยามสองนายเรียกหญิงนางหนึ่งที่ยืนลับๆ ล่อๆ นางสวมชุดผ้าเนื้อหยาบสกปรก ด้านหลังยังมีเด็กชายตัวน้อยตามมา “เจ้าคิดทำไร?” เสียงถามไม่ดังนัก หากแต่ดุดันยิ่ง หญิงสาวมอมแมมน้ำตาคลอเบ้า กล่าวว่า “ท่านช่วยนำของสิ่งนี้มอบให้ท่านโหวได้ไหมเจ้าคะ เขาเห็นแล้วจะรู้เอง” กล่าวจบหยิบเศษไม้หักๆ มองไม่ออกว่าเป็นอะไร คนข้างกายเซียวฉีย่อมต้องคัดมา ทหารทั้งสองติดตามท่านโหวมานาน พอพบหญิงสาวกล่าวมีเลศนัยอันใดก็นิ่งคิด แต่ยังหยิบเศษไม้เงาวับมาชมดู “เจ้ารอก่อน เดี๋ยวข้ามา!” นี่เป็นเพียงเศษไม้ที่ขัดจนเงา เมื่อเห็นมิได้มีอันตรายอะไร เขาจึงเดินเข้ากระโจมแม่ทัพ กล่าวว่า “ท่านโหว มีแม่นางผู้หนึ่งขอร้องให้ผู้น้อยมอบของบางอย่างให้ท่านขอรับ บอกว่าท่านพอเห็นแล้วจะรู้เองว่าอะไร” ในกระโจม เซียวฉีเพิ่งอาบน้ำเสร็จ เขาอยู่ในชุดนักบู๊สีดำ ศีรษะเสียบปิ่นไม้ไว้อันนึง เอ่ยปากบอกให้ผู้ใต้บังคับบัญชานำเข้ามาให้ดูภายใน นี่เป็นรากไม้หายากชนิดหนึ่ง แม้จะหักและเสียหายจนมองไม่ออกว่าเคยเป็นสิ่งใดมาก่อน หากแต่เขามองแวบเดียวก็จำได้ จึงกล่าวกับลูกน้องที่เข้ามาว่า “คนอยู่ที่ใด?” “อยู่เบื้องนอกขอรับ ท่านโหวรู้จักนางหรือ?” เซียวฉีสีหน้าเรียบเฉย เขาวางเศษไม้ลงกับโต๊ะข้างๆ บอกลูกน้องว่า หากนางอยากพบข้าก็ปล่อยนางเขามา เจ้าและคนอื่นๆ ถ่อยห่างไปห้าสิบวา ห้ามผู้ใดเข้าใกล้กระโจม ทหารคนสนิทรับคำ หญิงสาวพอเห็นเขาเดินออกมาสีหน้าก็เต็มไปด้วยความหวัง และก็เป็นดังคาด เซียวฉียอมให้นางเข้าพบจริงๆ ด้วย “น้องเซียว...ข้า...ข้า…” ฉินจั่วเอ๋อพอเข้ามา ภาพที่นางเห็นกับไม่เป็นอย่างที่คิด แรกเดิมคิดว่าท่าทีของเขาคงแสดงความหวั่นไหวบ้างไม่มากก็น้อย แต่ตอนนี้กับไม่ใช่ เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ชั่วคราวกลางกระโจม มือจับปลายทวนใช้ผ้าเช็ดทำความสะอาด “หากเจ้ามาขอความเมตตา ข้าเห็นแก่ความสัมพันธ์เก่าก่อน ช่วยให้เจ้าไม่ต้องทำงานหนักได้ แต่หากคิดหลุดพ้นจากสถานะทาส ข้าไม่อาจช่วยเจ้า” นี่เป็นการปิดประตูความหวัง จั่วเอ๋อมิใช่คนโง่ เขาพูดออกมาโดยไม่มองนางด้วยซ้ำ เป็นจังหวะเดียวกับบุตรชายนางเรียกหา “ท่านแม่!” อยู่ด้านนอกกระโจม “เจ้าไปเถอะ ข้าจะบอกผู้ใต้บัญชา หางานเล็กๆ น้อยๆ ให้เจ้าทำ” จั่วเอ๋อยืนบิดชายกระโปรง เขาไล่นางโดยไม่เปิดโอกาสให้พูดอะไร รู้สึกเริ่มแสบที่ตา แต่นางเป็นสตรีฉลาดไม่โวยวายร่ำร้อง จึงย่อการคารวะเขาราวกับชนชั้นสูง กล่าวขอบคุณน้องเซียวมาก ขอเพียงพวกเราแม่ม่ายลูกกำพร้าไม่ถูกคนข่มเหงรังแก จะให้ทำงานหนักไปบ้าง เราก็ไม่ติดขัดอะไร หญิงงามตกต่ำน่าสงสาร นางรู้นิสัยเซียวฉีดี หากสะกิดความเป็นลูกผู้ชายของเขาได้ เขาต้องปกป้องนางแม่ลูก ไม่แน่ด้วยความรักที่เขามีให้นางสมัยก่อน เขาอาจพบว่าตอนนี้สามารถครอบครองนางโดยง่าย รับนางไว้เป็นเมียเก็บอย่างลับๆ ให้สมอยากกับที่เขาหมายปองนางในวัยเยาว์ นางจากไปแล้ว จากไปโดยเซียวฉีไม่ได้คิดอะไรกับนางเลย จริงอยู่สมัยก่อนเขาเคยชอบนางจริง แต่นั่นก็ผ่านมาเป็นสิบปี ทั้งนางยังแต่งงานมีสามี ส่วนเขาก็แต่งภรรยา ต่อให้เคยชอบนางแค่ไหน ไหนเลยเก็บมาใส่ใจ รุ่งเช้าออกเดินทาง กระโจมแม่ทัพถูกเก็บกวาด กิ่งไม้เงาๆ บนโต๊ะหามีผู้คนสนใจไม่ มันถูกปัดตกทิ้ง ทหารคนแล้วคนเล่าเหยียบย่ำจนจมพื้น มิได้มีคุณค่าอันใด นี่เป็นของแทนใจ เป็นปิ่นที่ทำจากรากไม้หายากชนิดหนึ่ง เซียวฉีในวัยสิบสี่ตั้งใจแกะสลักมันด้วยมีดสั้น ยามนั้นเขาเป็นเพียงองครักษ์วังเจ้าตัวเล็กๆ ส่วนนางเป็นบุตรีนายทหารยศเซียนฮู่ ผู้ใต้บังคับบัญชาของจิ้งอ๋อง หรือก็คือฮ่องเต้องค์ปัจจุบันนั้นเอง ขบวนทัพเซียวในที่สุดก็ออกเดินทาง แม่ม่ายลูกกำพร้าถูกจัดให้ช่วยงานกองเสบียง นางแต่เดิมมีบรรดาศักดิ์ฮูหยินตราตั้งขั้นสาม เป็นถึงภรรยาเอกเจ้ากรมการคลัง หากแต่ครึ่งปีก่อน สามีนางถูกจับได้ว่าทุจริต เขาต้องโทษประหาร ครอบครัวถูกลดชั้นเป็นทาส เนรเทศใช้แรงงานสามพันลี้ ตอนที่อยู่วังเจ้า นางเคยคบหากับเซียวฉี เนื่องจากนางอายุมากกว่าเขาสามปี เขาจึงเรียกนางเป็นพี่สาวฉิน หากแต่หลังเหตุการณ์จิ้งอ๋องถูกราชโองการปลด ฮ่องเต้องค์ก่อนคิดจับตัวเขา ทางวังเจ้าก็รวมกำลังคนต่อต้าน ขัดขืนกำลังทหารที่ราชสำนักส่งมา ใช้เวลาสี่ปีกว่าจะบุกเข้าเมืองหลวงได้ หลังขึ้นครองราชย์ ในวันประกาศแต่งตั้งขุนนางติดตามฮ่องเต้สร้างความดีความชอบ เซียวฉียังอยู่ชายแดนตั้งทัพป้องกันชาวเผ่าที่ฉวยโอกาสบุกโจมตี ขณะที่ผู้อื่นได้รับการปูนบำเหน็จ เซียวฉียังมีตำแหน่งเป็นแค่เจียงจวินขั้นสาม ขุนพลพิทักษ์ชายแดนทิศเหนือ มีผู้ใต้บังคับบัญชาเพียงสามหมื่นคน หากเทียบกับเหอเหยา ที่ได้รับมอบตำแหน่งเจ้ากรมการคลัง ฉินจั่วเอ๋อไหนเลยเลือกเซียวฉีได้ ในวันที่เขาส่งคนมาทาบทามสู่ขอ ไม่ต้องคิดซักนิดนางก็บอกบิดาให้ตอบรับ แต่งกับเหอเหยาที่มีอายุห่างกว่าตนถึงสิบปี... ***
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม