EP.5 ความทรงจำที่ขาดหาย
ในตอนนั้นชายหนุ่มอายุยี่สิบห้ามีหรือจะอดใจไม่ลิ้มลองผลไม้รสหวานอมเปรี้ยวที่จัดขึ้นเสิร์ฟถึงบนเตียง แม้เขาจะพูดได้ไม่เต็มปากว่ารักเธอ แต่เขาสามารถพูดได้ว่าเขาหลงเธอจนแทบโงหัวไม่ขึ้น รสรักของเธอช่ำชองช่างออดอ้อนเอาใจเสียจนเขาไม่คิดติดใจที่เธอไม่ใช่สาวบริสุทธิ์ ตั้งแต่นั้นฐิตารีย์ก็ย้ายตัวเองจากเรือนคนงานเข้ามาอาศัยในบ้านสวน
เป็นที่รู้กันว่าเธอคือภรรยาของเขาแม้จะยังไม่ได้ตบแต่งกันอย่างถูกต้องก็ตาม บิดามารดาของเขาเสียชีวิตไปหมดแล้วเหลือเพียงน้องชายที่กำลังศึกษาปริญญาตรีอยู่ที่เมืองนอกและยื่นคำขาดกับเขาว่าห้ามแต่งงานกับฐิตารีย์จนกว่าหญิงสาวจะมีอายุครบยี่สิบสองปี เหมือนจิณณพรตจะล่วงรู้อนาคต ผ่านไปเพียงสองปีเธอก็หายออกไปจากบ้าน ทั้งที่ตอนนั้นหญิงสาวมีอายุเพียงแค่ยี่สิบปี
เขาโง่เองที่ทั้งรักทั้งหลงจนไม่เคยมองความจริงที่ว่า ฐิตารีย์ไม่ใช่หญิงสาวใสซื่อดั่งในวันวาน เขาศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ นานๆ ครั้งถึงจะกลับมาที่บ้านสวนสักหนจึงไม่เคยรู้ความเป็นไปของเธอ เมื่อได้หญิงสาวมาเป็นเมียเขาก็โหมงานหนักไม่เคยฟังคำทักท้วงของใครจนเมื่อเขาได้เจอและได้เห็นด้วยตนเอง
วันที่เธอโบกมือลาแล้วจากเขาไปนานถึงห้าปี...
ชายหนุ่มชะเง้อมองเข้าไปในห้องพักผู้ป่วย หญิงสาวสงบลงแล้วคงเพราะฤทธิ์ยาสลบที่พยาบาลเพิ่งจะฉีดให้เธอ เขาเดินกลับเข้าไปในห้องมองใบหน้าหวานที่เขาคุ้นเคย ผิวของเธอขาวขึ้น ใสจนเห็นเส้นเลือดจางๆ ข้างแก้ม ผิวละเอียดแตกต่างจากเมื่อก่อน เส้นผมที่เธอมักย้อมเป็นสีน้ำตาลทองบัดนี้กลับดำขลับทิ้งตัวสวยรับกับผิวขาวของเธอ
ไม่น่าเชื่อว่ากรุงเทพฯ จะทำให้เธอดูสวยและบอบบางผิดจากฐิตารีย์ที่เขารู้จักราวกับเป็นคนละคน
หญิงสาวนอนร้องไห้อยู่บนเตียงหลังจากลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง พบว่าในห้องพักผู้ป่วยไม่เหลือใคร ท้องฟ้าเริ่มสลัวเมื่อพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าคงเหลือทิ้งไว้แต่เพียงแสงสว่างรำไรจากปลายโค้งฟ้า เธอพลิกตัวมองออกไปนอกหน้าต่าง...สุดท้ายเธอก็ถูกปล่อยทิ้งไว้เพียงลำพัง
เธอนอนร้องไห้จนสะอื้นออกมา ยกมือขึ้นปาดน้ำตาลวกๆ เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูห้องสองครั้งก่อนจะมีคนเปิดเข้ามา จะใครที่ไหนหากไม่ใช่พยาบาล หญิงสาวคิดเช่นนั้นจึงไม่หันไปมอง
ชายหนุ่มรูปร่างผอมสูงในชุดสีกากี มองร่างบางที่นอนหันหลังด้วยสายตาแห่งความห่วงใย ฐิตารีย์เห็นว่าเงียบผิดสังเกต เหตุใดพยาบาลจึงไม่ไถ่ถามอาการหรือวัดไข้เช่นทุกครั้งที่เข้ามาตรวจ เธอจึงพลิกตัวกลับมา แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นชายแปลกหน้ายืนยิ้มอยู่ข้างเตียงพร้อมกับดอกกุหลาบสีขาวช่อใหญ่ในมือ เธอลุกขึ้นนั่งแต่ไม่ถนัดนัก ชายหนุ่มรีบวางช่อกุหลาบลงบนโต๊ะข้างหัวเตียงก่อนจะเดินไปยังปลายเตียงเพื่อปรับระดับเตียงให้เหมาะแก่การนั่ง หญิงสาวเฝ้ามองทุกอากัปกิริยาของชายหนุ่มด้วยความสงสัย
“ดีขึ้นบ้างหรือยังครับ คุณรู้หรือเปล่าว่าตอนที่คุณหนีออกจากโรงพยาบาลทุกคนเป็นห่วงคุณมากแค่ไหน”
ชายหนุ่มหยิบช่อดอกไม้ก่อนจะส่งให้หญิงสาวที่ยังคงจ้องหน้าเขาไม่วางตา
“ดอกไม้สำหรับคุณ ขอให้หายไวๆ นะครับ”
“อะ...เอ่อขอบคุณค่ะ” หญิงสาวรับช่อดอกไม้ มีคำถามมากมายที่อยากเอ่ยถามและดูเหมือนว่าเขาจะรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไร
“ผมชื่อพชรครับเป็นนายอำเภอที่นี่ อะ...เอ่อ...ผมเป็นคนพาคุณมาส่งโรงพยาบาล” ชายหนุ่มมีสีหน้าหนักใจในตอนท้าย
พชร นายอำเภอหนุ่มเนื้อหอมที่สาวๆ พากันรุมล้อมคอยหว่านเสน่ห์จนที่ว่าการอำเภอคึกคักไปด้วยหญิงสาวไม่ว่าจะสาวรุ่นสาวแก่ เขาเพิ่งมาประจำที่นี่ได้สามปีเป็นชายหนุ่มที่เป็นที่กล่าวขวัญถึงเพราะมีรอยยิ้มอ่อนหวาน พูดจาไพเราะ เป็นสุภาพบุรุษแทบทุกกระเบียดนิ้ว แล้วอย่างนี้จะไม่ให้สาวๆ ยอมพลีกายถวายหัวใจได้อย่างไรกัน
“ฉันนี่แย่จริงๆ ที่หนีออกไป เลยทำให้คุณเป็นห่วง ขอบคุณมากนะคะคุณพชร” หญิงสาวยิ้มให้ชายหนุ่ม พชรอึ้งไปหลายอึดใจก่อนจะยิ้มตอบกลับไป
เจ้าของใบหน้าหวานไม่รู้เลยว่ารอยยิ้มของเธอกระตุกหัวใจของนายอำเภอหนุ่มให้หวั่นไหวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “อย่าขอบคุณผมเลยครับ ผมต่างหากที่ต้องเอ่ยคำว่าขอโทษแก่คุณ ผมเสียใจด้วยนะครับกับความทรงจำของคุณ ส่วนกระเป๋าถือและกระเป๋าเสื้อผ้าของคุณทางตำรวจกำลังติดตามตัวคนร้ายคาดว่าน่าจะเจอเร็วๆ นี้”
“กระเป๋า คนร้าย มันเรื่องอะไรกันหรือคะ” หญิงสาวมึนงงจนไม่สามารถจับต้นชนปลายถูก
“จากคำให้การของแม่ค้าในละแวกนั้นให้การว่า คุณลงรถทัวร์จากท่ารถ ระหว่างที่กำลังจะเดินขึ้นรถสามล้อก็มีคนร้ายตรงมากระชากกระเป๋าถือและกระเป๋าเสื้อผ้าของคุณขึ้นรถมอเตอร์ไซค์หนีไป คุณออกวิ่งตามจึงทำให้รถกระบะของผมชนคุณเข้าพอดี”
“ตายจริง! คุณเป็นคนชนฉันเหรอคะ” หญิงสาวยกมือขึ้นปิดปากด้วยความตกใจ
“ครับผมขอโทษ” ชายหนุ่มขอโทษทั้งที่ความจริงแล้วหญิงสาวกระโจนออกมาจนเขาเหยียบเบรกไว้ไม่ทัน แต่ก็นั่นล่ะเขาเป็นคนทำให้เธอบาดเจ็บถึงอย่างไรเขาก็ต้องรับผิดชอบดูแลเธออยู่ดี
“เห็นว่าคุณพบญาติแล้ว” ชายหนุ่มถามถึงเมื่อได้ยินจากหมอซึ่งเป็นเพื่อนของเขา
“อะ...เอ่อฉันไม่แน่ใจว่าเขาใช่ญาติฉันหรือเปล่า” หญิงสาวยิ้มแหย เมื่อคิดถึงผู้ชายตัวโต ตาคมใบหน้าดุดันไว้หนวดเครารกครึ้มจนดูน่ากลัว ท่วงท่าเด็ดเดี่ยวไม่ยอมคนทั้งยังชอบตวาดเสียงดังใส่เธอ หญิงสาวขยับตัวลงจากเตียงชายหนุ่มรีบลุกขึ้นปราดเข้าไปประคองทันที
“ฉันแค่จะไปห้องน้ำน่ะค่ะ ไม่เป็นไรฉันเดินไหว”
พชรถอยห่างมองหญิงสาวด้วยความเป็นห่วง ฐิตารีย์เดินลากเสาน้ำเกลือด้วยตนเองทว่าขากางเกงยาวรุ่มร่ามทำให้เธอสะดุดขาตนเองล้มลง พชรซึ่งคอยมองอยู่ก่อนแล้วรีบปราดเข้ามาประคองร่างบางเอาไว้ได้ทัน
จังหวะนั้นเองที่จิณณวัตรเปิดประตูเข้ามาเห็นชายหญิงกำลังกอดกันกลม ก็โมโหจนหน้ามืดตรงเข้ากระชากข้อมือบางออกจากอ้อมกอดของนายอำเภอหนุ่มทันที